ตอนที่ 6 : เหล่าคุณชายสมองทึบ 1/1
ตอนที่
[4]
เหล่าคุณชายสมองทึบ
เมื่อเขากล่าวจบนางแทบอยากจะลุกขึ้นไปดูหน้าอีกฝ่ายทันที
คนอะไรช่าง....หลงตัวเองยิ่งนัก
น่าเสียดายที่ทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่มองจากด้านหลังแล้ว หน้าตาก็คงจะพอดูได้อยู่กระมัง แต่สหายสองคนของเขาที่พูดก่อนหน้านั้น ดู ๆ ไปแล้วก็เหมาะกับที่จะเป็นลูกสมุนยิ่งนัก เพราะดูท่าแล้วความคิดความอ่านของสหายของเขาไม่น่าจะกว้างขวางมากนัก น่าจะเหมาะกับการเป็นผู้ตามมากกว่า..... หน้าตาของพวกเขาทั้งคู่ดูเหลอหลา ผู้หนึ่งแต่งกายด้วยอาภรณ์สีเหลืองสะท้อนกับแสงแดดยิ่งนัก อีกผู้หนึ่งแต่งกายด้วยสีเขียวที่ชวนดึงดูดสายตาเช่นกัน ไม่ใช่ว่าดึงดูดแบบน่าชื่นชม แต่เป็นความคิดที่ว่า ‘คิดอย่างไร ถึงแต่งกายเช่นนี้มากกว่า’ ดีที่บุรุษอีกผู้หนึ่งเขาสวมอาภรณ์สีฟ้าดูหรูหรา เพราะไม่เช่นนั้นหากเขาใส่สีแดง นางคงจะนึกถึงบางอย่างในภพก่อน คิดแล้วก็เกือบจะหลุดขำออกมา
กล่าวถึงบุรุษหลงตัวเองนางคิดว่าเขาก็คงจะหน้าตาพอดูได้ แต่นิสัยนั้น.....ก็คงจะหลงตัวเองทั้งเอาตัวเองเป็นใหญ่และต้องมีคนคอยเอาอกเอาใจอยู่ตลอดเป็นแน่ ที่ต้องมาคิดเอาเองเกี่ยวกับหน้าตาของเขาเช่นนี้เพราะบุรุษที่ชื่อไจ้เสวียนผู้นั้นกำลังนั่งหันหลังอยู่ ส่วนสหายของเขานั่งหันข้าง นางจึงเห็นหน้าตาของทั้งสองคนชัดเจน ในยามนี้ทั้งสามคนมีจุดรวมสายตาไปที่ลานแสดง ซึ่งเฉินซูเม่ย ที่ยังไม่ได้จากไปที่ใดเพราะมีผู้เข้าไปพูดคุยกับอีกฝ่ายมากมาย
ผู้ใดก็คงอยากจะพูดคุยกับยอดพธูแห่งเมืองหลวง
“ไจ้เสวียน เจ้าจะไม่ไปพูดคุยกับคุณหนูเฉินจริงหรือ ความในใจของเจ้า ควรจะบอกกับนางวันนี้ เพราะไม่เช่นนั้นคนอื่นอาจจะแย่งไปได้”
“ใช่ ๆ อานฉวนเห็นด้วย เดี๋ยวมีคนแย่ง” ที่แท้หลงตัวเองนั่นชื่อไจ้เสวียนส่วนบุรุษชุดเหลืองหน้าตาดูเหลาหลามากกว่าผู้อื่นนั้น...ชื่ออานฉวน
“นี่พวกเจ้าทั้งสองเห็นข้าเป็นคนเช่นไร แม้ว่าคุณหนูเฉินจะเป็นยอดพธูของเมืองหลวง แต่ข้าก็เป็นคุณชายผู้เลื่องชื่อของเมืองหลวงมิใช่หรือ ข้าคิดว่าข้ามีความน่าสนใจมากพอที่คุณหนูเฉิน จะเป็นฝ่ายที่เข้ามาหาข้าเอง”
“……”
“อ่า เอ่อ”
สมกับเป็นเขาจริง ๆ!!
อันว่าความหลงตัวเองนี้.....
ตนเป็นฝ่ายที่ชื่นชอบ แต่กลับรอให้คนที่ตนชื่นชอบเป็นฝ่ายเข้ามาหาตนเองก่อน
นี่มันจะมั่นใจตนเองเกินไปแล้ว!!
เหยาลี่ซือไม่รู้ว่าตนเบ้ปากไปกี่รอบยามนึกถึงความทะนงตัวของบุรุษที่ชื่อไจ้เสวียนผู้นั้น
“แล้วถ้าหากรอ จะทันงานรวมบัณฑิตหรือ” อานฉวนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ไม่! คงไม่นานเช่นนั้นแน่! ข้าเพียบพร้อมถึงเพียงนี้” บุรุษผู้นั้นเอ่ยแล้วคล้ายจะเชิดหน้าขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ไจ้เสวียนดูนั่น!!” แต่อยู่ดี ๆ บุรุษชุดเขียวก็เรียกให้บุรุษหลงตัวเองดูที่จุดของลานการแสดงอีกรอบ
“นั่น องค์ชายรองกำลัง.... สวมเครื่องประดับให้คุณหนูเฉิน.....”
ประโยคช่วงท้ายเขากล่าวเสียงเบาลงพร้อมกับหันไปมองที่สหายด้วยสายตากล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งแกมเป็นห่วง
“จิ้นปู้ เหตุใดมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น ข้าไม่ได้เป็นอันใด”
บุรุษผู้นั้นกลับกล่าวเสียงราบเรียบราวกับว่าไม่เป็นอันใด
นางไม่รู้ว่าเขาแสดงสีหน้าเช่นใด แต่ในใจนางคิดแต่คำว่า ‘สมน้ำหน้า สมน้ำหน้าและสมน้ำหน้า’ คำเดียวเท่านั้น!! มัวแต่ลีลาหลงตัว สุดท้ายก็ถูกผู้อื่นคาบไปเสียแล้ว นางหันไปมองที่เฉินซูเม่ย รายนั้นช่างแสดงท่าทีเขินอายได้ดูน่าเอ็นดูยิ่ง
หะ ๆ
ดู...ธรรมชาติดีนะ
แต่แล้วระหว่างที่นางกำลังคิดถึงเรื่องเฉินซูเม่ย เสียงของบุรุษชุดเขียว เขาชื่ออันใดนะ อ้อ จิ้นปู้ ก็ร้องขึ้น
“ไจ้เสวียน อย่ายกกาเหล้าดื่มเช่นนั้น!!”
บุรุษหลงตัวเองที่กล่าวประโยคก่อนหน้าที่คล้ายกลับไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายรองและผู้ที่ตนชื่นชอบอย่างเฉินซูเม่ย อยู่ดี ๆ กลับยกกาเหล้าขึ้นดื่มทั้งกา แทนที่การใช้จอกเพื่อรินเหล้าดื่ม
นี่ไม่ใส่ใจจริงหรือ
“อาซือ ข้ามาแล้ว” ระหว่างที่นางกำลังนั่งวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ เสียงของพี่ฮวนก็ดังขึ้น อีกฝ่ายมาพร้อมกับผลไม้หลายชนิดที่ถูกหอบมาโดยมีอาเซินที่อยู่เบื้องหลัง
“เป็นอย่างไรมีอันใดน่าสนใจหรือไม่” เมื่อเดินใกล้เข้ามาก็เอ่ยถามนางทันที
“หมายถึงสิ่งใด” นางถามอีกฝ่ายทั้งที่รู้อยู่แล้ว ว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงสิ่งใด
“อาซือเจ้าก็รู้อยู่”
นั่นอย่างไร
“อ่า เกรงว่าจะทำให้ท่านผิดหวังเสียแล้ว บุรุษที่น่าสนใจไม่มี แต่เรื่องที่คล้ายจะน่าสนใจ อ่า ไม่สิ ชวนขบขันก็มีอยู่ แต่ท่านอย่าใส่ใจเลย” เมื่อกล่าวจบพี่ฮวนก็ถอนหายใจทันที พร้อมพึมพำว่า ‘เสียเวลาจริง ๆ’
นางรู้ดีว่าที่พี่ฮวนอ้างว่าจะไปเอาผลไม้มาให้นางแล้วหายไปนาน ๆ นั้น เหตุก็เพราะว่าอยากให้นางได้พบกับบุรุษในงานที่อาจจะเป็นคู่ครองของนางในอนาคต แต่นอกจากนางไม่พบผู้ที่น่าสนใจแล้ว กลับพบแต่ผู้บุรุษที่มีความแปลก และพบถึงสามคน......
“อาซือ ผลไม้มากมายถึงเพียงนี้ เดี๋ยวข้าจะให้อาเซินนำไปส่งที่บ้านเจ้าแทนแล้วกัน เดี๋ยวเจ้าจะไปทำธุระต่อไม่สะดวก อ่า จริงสิ กระบุงของเจ้า เดี๋ยวข้าขึ้นไปเอามาให้”
“พี่ฮวน เดี๋ยวข้าขึ้นไปเอาเองพร้อมท่านเลยดีกว่า ท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลงมาอีก”
“เช่นนั้นก็ได้”
ในยามที่นางเดินผ่านซุ้มที่บุรุษแปลก ๆ ทั้งสามคนนั้นอยู่ก็พบว่าบุรุษที่ชื่ออานฉวนและจิ้นปู้ คล้ายกำลังห้ามปรามสหายหลงตัวเองของตนที่ยกกาเหล้าขึ้นดื่มไม่หยุด
ช่างเป็นภาพที่น่าขบขันเสียจริง