ตอนที่ 14 : อยากตอบแทน 1/2
ตอนที่
[7]
อยากตอบแทน
“เรียนเซียวฮูหยิน ที่ข้าเข้าช่วยคุณชายเซียว ข้าไม่ได้คิดว่าจะได้ต้องได้รับของตอบแทนอันใด อีกทั้งในยามนั้นนอกจากคุณชายเซียวและสหาย ยังมีชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน ข้าที่คิดว่าพอจะช่วยได้เลยอยากเข้าช่วยเหลือเพียงเท่านั้น ไม่ได้หวังสิ่งใดเจ้าค่ะ”
“ยิ่งท่านไม่ได้ได้หวังสิ่งใด ข้ายิ่งอยากให้ รับไปเถิดแม่นางเหยา”
“นั่นสิ รีบรับไปเถิด ถึงเจ้าจะไม่ได้ค่อยเข้ากับอาภรณ์สีหวานเหล่านั้นก็เถิด” เสียงของบุรุษเพียงคนเดียวที่อยู่ในที่นี้ดังขึ้น
“เสวียนเออร์” เซียวฮูหยินส่งสายตาดุไปทางบุตรชายที่กล่าวถ้อยคำไม่เหมาะสม
“อันใดกันท่านแม่ ก็เป็นความจริง อีกอย่างเจ้าควรรับไปเพราะถึงแม้ว่าเจ้าจะทำงานกับโรงผักเซียนสวรรค์ แต่ก็อยู่ในตำแหน่งคนส่งผัก ข้าไม่รู้ว่าเจ้าได้ค่าจ้างกี่มากน้อย แต่ดูจากการแต่งกายและการใช้ชีวิตของเจ้าแล้ว เก็บเงินค่าจ้างเหล่านั้นเอาไว้ใช้เถิด ส่วนพวกอาภรณ์และเครื่องประดับก็ใช้ที่ท่านแม่ของข้ามอบให้”
เหตุใดนางฟังประโยคของเขาแล้วรู้สึกแปลก ๆ ในใจ คล้ายจะดูถูกก็มิใช่เป็นห่วงก็มิเชิง
“อีกอย่างหากไม่ใช่ว่าวันนั้นข้าตกใจนิดหน่อยก็คงทันได้ตอบโต้พวกนั้นก่อนที่เจ้าจะเข้ามาแล้ว แต่ไหน ๆ เจ้าก็มาช่วยแล้ว อย่างไรก็รับของเหล่านี้ไว้เถิด” กล่าวจบก็วางท่าทีสูงส่งเช่นเดิม
เขากล่าวว่าตกใจเลยตอบโต้ไปช้าหรือ แต่เท่าที่นางยืนดูก็นานพอควรเลยนะ อีกทั้งยังโดนผลักเช่นนั้นอีก หึ ๆ
“แม่นางเหยา อย่าใส่ใจเสวียนเออร์เลย เขาเพียงอยากให้แม่นางเหยารับของทั้งหมดนี้ไว้เพียงเท่านั้น” เซียวฮูหยินทนไม่ไหวกับคำกล่าวของบุตรชายจึงกล่าวสรุปให้
“ฮูหยิน อย่างที่ข้ากล่าวไป ที่ข้าเข้าช่วยคุณชายเซียวข้าไม่ได้หวังอันใดตอบแทนจริง ๆ หากฮูหยินอยากตอบแทนจริง ๆ ก็สั่งผักกับข้ามากขึ้นก็พอเจ้าค่ะ” นางส่งสายตาวิบวับไปทางอีกฝ่าย ส่งผลให้เซียวฮูหยินหัวเราะออกมา
“เด็กคนนี้นี่ หากสั่งได้มากก็ดีน่ะสิ ท่านก็รู้ว่าโรงผักของท่านสั่งได้ในจำนวนจำกัด ครั้งนี้ที่สั่งได้มาก ก็ต้องขอบใจท่านแล้ว ที่เป็นธุระให้ แล้วนั่นตาเจ้าเป็นอันใดเสวียนเออร์” อยู่ดี ๆ เซียวฮูหยินก็เอ่ยถามบุตรชายที่ทำท่าทางประหลาดคล้ายคนอยู่ไม่สุข
“ท่านแม่ เรื่องนั้น......” เขาไม่ตอบแต่เขากลับทำท่าทางบางอย่าง ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าเซียวฮูหยินก็สามารถเข้าใจได้
“อ่า หากแม่นางเหยาไม่รับอันใดจากทางเราเลย ข้าก็ไม่สบายใจ เสวียนเออร์ก็เช่นกัน เอาเช่นนี้ เช่นนั้นให้เสวียนเออร์เลี้ยงอาหารท่านที่ภัตตาคารอิงเว่ยสักมื้อจะได้หรือไม่”
“เอ่อ....”
นี่มันน่าลำบากใจยิ่งกว่ารับอาภรณ์และเครื่องประดับเหล่านั้นอีก นั่นก็เพราะ....หากไปภัตตาคารอิงเว่ยกับเซียวไจ้เสวียน ที่นั่นมีพี่เนี่ยฮวน....
อ่า ไม่อยากจะคิดเลย
“ไปเถิดไม่ต้องคิดอันใดมาก รถม้าข้าจอดรอแล้ว ท่านแม่ข้าไปก่อนนะ” แต่อยู่ดี ๆ เซียวไจ้เสวียนก็จับแขนนางลุกขึ้นจากที่นั่งและลากออกไปทันที
แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ดั่งใจทุกอย่างปานนั้น เพราะนางต้องไปสั่งการกับอาชางก่อน แล้วจากนั้นก็ค่อยขึ้นรถม้าหรูหราไปกับบุรุษที่ยืนเชิดหน้าอยู่หน้ารถม้าของตน
ตลอดทางนางสังเกตว่าการแต่งกายของนางช่างไม่เข้ากับรถม้าอันหรูหราของเขาเลยสักนิด แต่เขาคล้ายจะไม่สนใจเอาแต่กล่าวเรื่องอื่นที่ชวนน่ารำคาญยิ่ง มีแต่นางมารเช่นนั้น นางมารเช่นนี้ ซึ่งคล้ายจะสั่งสอนนางกับสิ่งที่สตรีควรจะเป็น
เหอ ๆ หากนางเป็นเช่นสตรีทั่วไปเช่นนั้น วันนั้นเขาและสหายจะเป็นเช่นไร
อีกด้านของผู้ที่อยู่ในชั้นพิเศษของร้านอาภรณ์หรูหราแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
ดวงหน้างดงาม ท่าทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยามเคลื่อนย้ายร่างกายเพื่อหยิบจับอาภรณ์และเครื่องประดับเพื่อเลือกชิ้นที่ถูกใจที่สุด ชวนให้แม้แต่บ่าวรับใช้ของตนยังอดที่จะมองด้วยสายตาชื่นชมไม่ได้
“คุณหนูของบ่าว ไม่ว่าจะสวมอาภรณ์หรือเครื่องประดับชิ้นใดก็ดูงดงามไปทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ”
“เจ้าก็ช่างเอาแต่ประจบข้าเหลือเกินนะเสี่ยวอิน แต่ก็เอาเถิด วันนี้เจ้าก็เลือกเครื่องประดับไปสักชิ้นสิ”
“คุณหนูช่างดีกับบ่าวยิ่ง” กล่าวจบก็แทบจะลงไปกอดขาผู้เป็นนาย
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวได้ยินเรื่องนึงเกี่ยวกับคุณชายรองเซียวมาเจ้าค่ะ”
จากนั้นเฉินซูเม่ยเมื่อได้ฟังคำของบ่าวรับใช้ของตนกล่าวจบก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ แต่อยู่ ๆ เสียงของบ่าวรับใช้ก็ดึงดูดความสนใจนางขึ้นอีกครั้ง
“เอ๊ะ นั่น คุณชายเซียวมากับผู้ใดเจ้าคะ” เนื่องจากร้านอาภรณ์แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากภัตตาคารอิงเว่ย ต้องกล่าวว่าย่านนี้คือย่านหรูหรา เหล่าร้านรวงที่มีระดับก็มักจะมาตั้งอยู่แถวนี้กันทั้งนั้น โดยเฉพาะร้านนี้หากมองจากตรงที่นางอยู่ก็จะเห็นภัตตาคารอิงเว่ยได้อย่างชัดเจน
“แต่แต่งกายซอมซ่อเช่นนั้น เห็นทีว่าจะเป็นบ่าวรับใช้เจ้าค่ะ” เสี่ยวอินกล่าวขึ้น แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้นสายตาของเฉินซูเม่ยก็ยังไม่ละออกจากภาพตรงหน้า
พาบ่าวรับใช้สตรีมาภัตตาคารอิงเว่ยงั้นหรือ.....
ด้านเหยาลี่ซือเมื่อมาถึงภัตตาคารอิงเว่ย นางพยายามที่จะหลบสายตาผู้คนสุด ๆ
แต่..นางจะทำเช่นนั้นได้หรือ ในเมื่อนางรู้จักคนงานเกือบทุกคนของที่นี่อยู่แล้ว.....
โดยเฉพาะอาเซิน ที่ยิ้มแป้น ราวกับกำลังล้อเลียนนางอยู่
“ห้องพิเศษที่จองไว้” บ่าวรับใช้ของเซียวไจ้เสวียนเอ่ยกับอาเซินพร้อมยื่นป้ายจองให้เขา เขาก็ได้พยักหน้ารับและนำทางไป
“นี่ เจ้ารู้จักกับคนที่นี่หรือ เหตุใดพวกเขายิ้มแปลก ๆ ให้เจ้า” อยู่ ๆ เซียวไจ้เสวียนก็ดึงให้นางเดินช้าลงแล้วเอ่ยถามขึ้น
“เพราะว่าข้าเคยมาส่งผักที่นี่ จะรู้จักคนที่นี่ก็ไม่แปลก”
“อ้อ ดูท่าเจ้านี่จะรู้จักกับเส้นสายใหญ่ ๆ ไม่น้อยสินะ”
“แน่นอน” นางยักไหล่ให้เขา ส่งผลให้เขามองนางกลับอย่างหมั่นไส้ที่นางไม่ถ่อมตนสักนิด หากกล่าวถึงความไม่ถ่อมตนและหลงตนเองเป็นที่สุดคนนั้นน่าจะเป็นเขามากกว่า เหยาลี่ซือคิด
เมื่อถึงห้องพิเศษที่เขาจองไว้ นั่งเพียงครู่เดียวอาหารก็ทยอยนำมาส่งจนหมด แต่นอกจากอาหารจะมาแล้ว เถ้าแก่เนี้ยของที่นี่ก็มาด้วย
แล้วท่าทางยิ้มล้อเลียนนั่นหมายความว่าอย่างไร!
“คุณชายเซียว ข้าฟางเนี่ยฮวนเป็นเจ้าของที่นี่ ท่านคงจะรู้จักอยู่แล้วใช่หรือไม่”
“ข้าย่อมต้องรู้จักนายหญิงของภัตตาคารชื่อดังของเมืองหลวงแห่งนี้ นายหญิงฟางวันนี้มีอันใดหรือ” เซียวไจ้เสวียนรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีเจตนาบางอย่าง
“ข้าเพียงอยากมาต้อนรับคุณชายเพียงเท่านั้น อีกทั้งผู้ที่มากับคุณชายข้าก็คุ้นตาเป็นอย่างดี เลยแค่อยากมาทักทายเท่านั้นเจ้าค่ะ สบายดีหรือไม่ อาซือ” ประโยคแรกกล่าวกลับเขาแต่ประโยคหลังไปกล่าวกับสตรีที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ แม้นางจะคลุมหน้าอยู่เขาก็พอจะเดาได้จากสายตาของอีกฝ่าย
“สบายดีเจ้าค่ะ สบายดีมาก ไว้เดี๋ยวครั้งหน้าข้าจะไปคุยด้วยนะเจ้าคะ แต่ครั้งนี้ข้าเกรงใจคุณชายเซียว” เซียวไจ้เสวียนรู้สึกแปลกใจ เหตุใดนางมารจึงคล้ายกับกำลังขับไล่เถ้าแก่เนี้ยของภัตตาคารอิงเว่ยอยู่กันเล่า
แต่นางจะกล้าทำเช่นนั้นเลยหรือ เซียวไจ้เสวียนคิดอย่างสงสัย
“ฮ่า ๆ เช่นนั้นข้าไม่รบกวน ไว้เราค่อยคุยกัน เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะคุณชายเซียว” และนายหญิงฟางคล้ายจะไม่ติดใจอันใด แถมยังเดินจากไปด้วยรอยยิ้มที่แปลกที่สุดอีกด้วย
“นายหญิงฟางนี่ช่างดีนัก แม้กับคนส่งผักก็ยังให้ความสนิทสนมด้วย”
เหยาลี่ซือได้แต่กลอกตาไปมา
“ว่าแต่เจ้าจะคลุมผ้าเช่นนั้นกินอาหารหรือ มันจะลำบากไปหรือไม่” เหยาลี่ซือที่เห็นว่าเขาเคยเห็นหน้าของนางแล้วและห้องนี้ยังเป็นห้องพิเศษ อีกทั้งบ่าวรับใช้ของเขายังดูเป็นคนไม่พูดมากเฉกเช่นผู้เป็นนาย นางจึงค่อย ๆ ปลดผ้าคลุมออก เซียวไจ้เสวียนแม้จะเคยเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแล้ว แต่เมื่อต้องมาเห็นระยะใกล้เช่นนี้ ก็อดจะรู้สึกตกตะลึงไปไม่ได้
“นะ...นี่ ๆ เจ้าลองกินนี่ ข้าไม่ได้เคยตักให้ผู้ใดมาก่อนเลย เห็นว่าเจ้าช่วยเหลือข้า ข้าเลยทำให้เฉย ๆ นะ” เขากล่าวติดขัดในช่วงแรก
“อาหารที่นี่อร่อยนัก คงเป็นเพราะผักของโรงผักเซียนสวรรค์แน่ ๆ ข้าชมโรงผักเซียนสวรรค์หรอกนะ ไม่ได้ชมเจ้า เพราะเจ้าเป็นเพียงผู้ส่ง แต่ก็ขอขอบใจที่เจ้าคอยส่งผักดี ๆ ให้ที่บ้านข้าได้กินของดี ๆ เช่นนี้”
หืม?
“นี่ ๆ วันนั้นเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้าหรอกนะ เพียงแต่ข้าได้รับบาดเจ็บไหล่เขียวช้ำ เลยแค่ถามเจ้าดูว่าได้รับเหมือนกันหรือไม่”
“เจ้าไปที่นั่นได้อย่างไร ไปซื้อซาลาเปาหรือ เจ้ารู้จักร้านนั้นได้อย่างไร หรือว่าเหตุผลอื่น”
และประโยคแปลก ๆ อีกมากมายที่บุรุษตรงหน้าสรรหามาเพื่อคุยกับนาง
แต่หลังจากนั้นอยู่ดี ๆ เขาก็ถามประโยคที่ชวนให้นางแทบจะสำลักน้ำแกงที่กำลังกินอยู่
“นี่นางมาร ข้าถามเจ้าจริง ๆ เจ้าชื่นชอบข้าใช่หรือไม่”