ตอนที่ 12 : ช่วยชีวิต 1/3
ตอนที่
[6]
ช่วยชีวิต
เมื่อเสียงของผู้มาใหม่กล่าวขึ้น ทุกคนก็หันไปมองที่ต้นเสียงนั้นทันที จากนั้นก็เกิดความฮือฮาขึ้นอีกครั้ง
เป็นสตรี…….
“สตรีป่าเถื่อนเจ้ามาได้อย่างไร” แม้ว่านางจะใช้ผ้าคลุมใบหน้าเช่นทุกครั้ง แต่เขาก็จำนางได้
“เดินมา” แต่อีกฝ่ายกลับตอบสั้น ๆ เท่านั้น
“นี่ไม่ใช่เรื่องของสตรีเช่นเจ้า มันตราย มานี่” ว่าแล้วยังถือวิสาสะจับข้อมืออีกฝ่ายเพื่อดันไปให้อยู่ด้านหลังตนอีกด้วย
“เป็นแค่สตรีชาวบ้านธรรมดา ริอ่านมาทำร้ายข้า ชักจะกล้าเกินไปแล้ว!!” ด้านผู้ที่ถูกจู่โจมกะทันหันเมื่อครู่ หลังจากที่ควบคุมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับข้อมือตนได้แล้ว....จึงรีบมาจัดการกับผู้ที่ทำเขาบาดเจ็บทันที
“มากกว่านี้ข้าก็กล้านะ” แต่เหยาลี่ซือหรือจะกลัว นางเดินมาอยู่ด้านหน้าของเซียวไจ้เสวียนทันทีแม้เขาจะพยายามดึงนางไว้ก็ไม่สำเร็จ
“กล้าดีนี่ เป็นเพราะไอ้คุณชายหน้าอ่อนน่ะหรือ ถึงได้เสี่ยงเอาชีวิตอันไร้ค่าของเจ้ามาวุ่นวายกับข้า ช่างสิ้นคิดนัก” เหยาลี่ซือได้ยินเช่นนั้นก็มีรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก บุรุษผู้นี้คิดว่านางทำเช่นนี้เพราะชื่นชอบบุรุษหลงตัวเองด้านหลังนางนี่น่ะหรือ.... ช่างน่าขันนัก
แม้ว่าเหยาลี่ซือจะไม่ได้คิดอันใดแต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนางอย่างเซียวไจ้เสวียนนั้นกลับคล้ายอยู่ในอาการครุ่นคิดบางอย่างพร้อมกับสลับมองสตรีที่อยู่ด้านหน้าของตนเป็นระยะ
“ข้าเพียงทนไม่ได้ที่เจ้าไร้มารยาทและรังแกผู้อื่นตามอำเภอใจเช่นนี้”
“แล้วอย่างไร เจ้าจะทำอันใดพวกข้าได้ ตัวก็มีแค่นั้น เมื่อครู่ข้าแค่ไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น” ว่าแล้วพวกเขาก็เดินก้าวเข้ามาหานางแฝงด้วยท่าทีเหิมเกริมและสายตาจาบจ้วง
“คลุมผ้าไว้เช่นนั้น คงจะหน้าตาอัปลักษณ์แต่ดันไปหลงรักคุณชายหน้าอ่อนนี่สินะ แต่เสียดาย เจ้าน่าจะรักชีวิตของตนก่อน ก่อนที่จะมาทำร้ายข้า มา! วันนี้ข้าจะช่วยเจ้าเปิดตัวกับบุรุษที่เจ้าชอบเอง” กล่าวจบก็มีสายตาเหี้ยมขึ้น มือก็หมายจะฉุดกระชากผ้าคลุมของสตรีตรงหน้า
เหยาลี่ซือพ่นลมหายใจ วันนี้จะได้ออกกำลังต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้หรือ
ช่างเปิดเผยเหลือเกิน
นางถอยหลังหนึ่งก้าว จากนั้นจึงคว้าเข้าที่มือของอีกฝ่าย แล้วกระชากเขาลงกับพื้นทันที
อั่ก!
ไม่เพียงเท่านั้นนางยังกระโดดขึ้นและเหยียบเข้าไปที่มืออีกฝ่ายอย่างเต็มแรง
กร็อบ!
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงที่คล้ายบางอย่างกำลังแตกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน
ผู้คนที่อยู่บริเวณนี้แทบหยุดหายใจและอ้าปากกับสิ่งที่ตนได้พบในยามนี้
“คิดจะแตะต้องข้าหรือ” เหยาลี่ซือขยี้เท้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็เพิ่มแรงขึ้น
“ฝันไปเสียเถิด!”
“โอ๊ยยยยยยยยย ปล่อยข้า ๆ พวกเจ้ายืนบื้ออยู่ทำไม รีบจัดการนางเร็วเข้า!!”
เมื่อเสียงของหัวหน้าดังขึ้น เหล่าสมุนแม้จะกลัวแต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง ทุกคนต่างพรูเข้าไปที่เหยาลี่ซือ ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตาเบิกกว้างขึ้นกับเหตุการณ์อันแสนอันตรายเช่นนี้ เซียวไจ้เสวียนที่ตกใจไม่แพ้ผู้ใด แต่ในชั่วขณะนั้นเขาก็คว้าขาของผู้ที่พรูเข้าไปหาสตรีป่าเถื่อนได้หนึ่งคน จนทั้งเขาและอีกฝ่ายล้มลงไปด้วยกัน ในช่วงจังหวะที่มันตกใจและหันมาหมายจะถีบเขา แต่อยู่ดี ๆ ตัวของมันก็กลิ้งไปทิศทางหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
ตุบ!
หันมองอีกทีที่แท้เป็นเพราะสตรีป่าเถื่อนถีบเข้าไปที่ตัวของมันเสียก่อน นางคว้าแขนเขาให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ผลักเขาให้ไปอยู่รวมกลุ่มกับจิ้นปู้และอานฉวนและเอ่ยขึ้นด้วยข้อความสั้น ๆ ว่า “ท่านอยู่เฉย ๆ ไม่ต้องมายุ่ง”
กล่าวจบนางก็กระโดดไปอยู่ตรงหน้าของเหล่าบุรุษฉกรรจ์นับสิบทันที
ในช่วงจังหวะที่ไจ้เสวียนมองภาพนั้น คล้ายกับมีแสงประกายเกิดขึ้นที่รอบกายนางราวกับเซียนหญิงก็ไม่ปาน เขาเลื่อนลอยอยู่ครู่ใหญ่
ด้านเหยาลี่ซือที่ไม่อยากยืดเวลาไปมากกว่านี้ เพราะนางสังเกตว่ารอบข้างมีคนมาดูเหตุการณ์นี้มากยิ่งขึ้น หากยิ่งมากขึ้นจะยิ่งไม่เป็นการดี โดยเฉพาะด้านบนของภัตตาคารอิงเว่ยก็มีคนผู้หนึ่งจ้องมาที่นางอยู่
นางจึงใช้กระบวนท่าเข้าจัดการพวกมันอย่างรวดเร็ว อันว่าความเร็วนี้ แม้ผู้ที่มองอยู่ใกล้ก็ยังมองได้ไม่ทันว่าเกิดอันใดขึ้น พอมองอีกทีเหล่าบุรุษนับสิบก็นอนกองกันขึ้นเป็นภูเขาเสียแล้ว และเมื่อนางจัดการพวกเขาเสร็จ เหล่าทหารที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนก็ปรากฏขึ้นมากมาย
แหม มาช่วงท้ายเช่นนี้ ช่างเหมือนละครในโลกก่อนเหลือเกิน เหยาลี่ซือเหยียดยิ้มออกมา