ตอนที่ 4 บังเอิญ
เมื่อเข้าไปในห้องแล้วอัศก็คว้าแขนเรียวมาบีบเอาไว้ ก่อนจะผลักลงบนพื้นอย่างไร้ความปราณี ไอ้กาฝากมันกล้าเถียงเขาเมื่อคืนนี้ ต้องจัดการมันให้เข็ดหลาบ
“รีบออกไปเคลียร์ข้างนอกให้เรียบร้อย กูให้เวลายี่สิบนาทีทุกอย่างต้องเสร็จ ไม่งั้นมึงโดนแน่” อัศชี้หน้าคาดโทษเอาไว้
“ครับคุณชาย”
ชายหนุ่มจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่บนพื้นห้องด้วยความเดือดดาล แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
เมื่ออีกฝ่ายเดินออกไปแล้วรันก็ลุกขึ้นยืนใช้หลังมือปาดน้ำตาออกเบาๆ จากนั้นก็เดินออกมาดูสภาพห้องที่ผ่านการจัดปาร์ตี้มาเมื่อคืนนี้ ภาพที่เห็นก็ทำเอาเจ้าตัวถึงกับถอนหายใจเสียงดัง แล้วเดินไปหยิบถุงขยะสีดำในครัวออกมาเก็บขยะจนเกลี้ยง หลังจากนั้นก็เก็บจานและแก้วน้ำเข้าไปวางไว้ในอ่างล้างจาน แล้วหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดมาปัดกวาดเช็ดถูจนกลับมาอยู่ในสภาพเดิม กว่าทุกอย่างจะเสร็จทำเอาเจ้าตัวเหงื่อไหลไคลย้อยราวกับออกไปวิ่งรอบสนามมาซะอย่างนั้น
รันเดินเข้ามาในครัวอีกครั้ง แล้วหุงข้าวเอาไว้ ระหว่างนั้นก็จัดการกับจานชามและแก้วน้ำที่อยู่ในอ่างล้างจานอย่างคล่องแคล่ว เรื่องแค่นี้รันทำได้สบายมากเพราะเจ้าตัวเป็นคนที่ชอบทำงานบ้านงานเรือนอยู่แล้ว ยิ่งได้มาอยู่ที่นี่เขาเองก็ต้องทำเป็นประจำอย่างปฏิเสธมิได้ หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จหมดแล้วก็ถึงคิวทำอาหารเช้า จริงๆ แล้วเรื่องกับข้าวกับปลาสามารถลงไปซื้อที่ร้านค้าข้างล่างได้ แต่อัศกลับสั่งให้เขาเป็นคนทำเสียเอง ไม่รู้ว่าเพราะติดใจฝีมือหรือเพราะต้องการแกล้งกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เต็มใจเพราะเป็นอะไรที่ชอบทำอยู่แล้ว แถมประหยัดและอิ่มกว่าการไปซื้อมาเป็นไหนๆ
ก๊อกๆๆ!!!
“คุณชายครับอาหารเช้าเสร็จแล้ว” หลังจากจัดสำรับไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว รันก็เดินมาเคาะประตูห้องเรียกอีกฝ่ายให้ไปรับประทาน
“เดี๋ยวกูออกไป” เสียงเข้มตะโกนออกมาจากในห้อง เมื่ออีกฝ่ายทราบแล้วรันก็เดินมารอที่โต๊ะ ระหว่างนั้นก็มีสายโทรเข้าจาก ‘หมิว’ เพื่อนรัก รันมีเพื่อนรักอยู่สามคนนั่นคือ หมิว ภพ และแอน ทั้งสามคนเป็นเพื่อนนักศึกษาแพทย์ร่วมรุ่นที่เพิ่งมารู้จักกันที่นี่
Rrrrr….
“ฮัลโลว่าไงแก” เสียงหวานเอ่ยผ่านสายไป สายตายังคงจ้องไปยังทางเดิน เพื่อดูว่าอัศจะเข้ามาตอนไหน
(“รันวันนี้ตอนบ่ายไปซื้อหนังสือกันป่ะ”) น้ำเสียงร่าเริงเอ่ยผ่านสายมา บ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย
“ตอนบ่ายงั้นเหรอได้ๆ ฉันไม่ได้ไปไหน รู้สึกเบื่อพอดีล่ะ” รันรีบตอบรับอย่างไม่ต้องคิดมาก เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ให้ต้องอึดอัดใจ
(“แกเป็นอะไรรึเปล่าน้ำเสียงดูแปลกๆ หรือว่าไอ้คุณชายนั่นมันทำร้ายแกอีกแล้ว”) หมิวถามด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้เรื่องที่เพื่อนรักกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เป็นอย่างดี เวลามีเรื่องไม่สบายใจรันสามารถปรึกษาเพื่อนกลุ่มนี้ได้ดีซะกว่ามารดาของตัวเองเสียอีก รายนั้นมีแต่ดุด่าว่ากล่าว และชอบสั่งให้เขาทำอะไรที่ไม่ชอบอยู่เป็นประจำ รวมถึงการที่ต้องมาอยู่ร่วมห้องกับอัศนี่ด้วย
“เดี๋ยวไปถึงแล้วค่อยคุยกันนะ ตอนนี้คุณชายกำลังเดินมาแล้ว” รันต้องรีบตัดบทเพราะอัศกำลังเดินเข้ามา ในสภาพสวมกางเกงบอลสีขาวเพียงตัวเดียว
เมื่อเดินมาถึงแล้วอัศก็นั่งลงที่เก้าอี้มองเมนูอาหาร ที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่กำลังคดข้าวใส่จานให้
“มึงทำเมนูอื่นไม่เป็นบ้างเหรอวะนอกจากไข่เจียว”
“ก็เห็นว่าคุณชายชอบทานผมเลยทำให้ทุกมื้อ แต่อย่างอื่นผมก็เปลี่ยนเมนูไม่ให้ซ้ำเลยนะครับ” รันตอบไปตามความจริง ชอบทำเป็นบ่นแต่เขาก็เห็นทานซะเกลี้ยงทุกมื้อ ส่วนเมนูอื่นนานทีถึงจะทำซ้ำ แต่ก็อย่างว่าคนอย่างเขาไม่เคยทำอะไรถูกใจอยู่แล้ว
“กูไม่ได้ชอบ! แต่มึงนั่นล่ะชอบทำให้กูกินเอง” แม้จะเอ่ยอย่างนั้นออกไปแต่เจ้าตัวกลับตักไข่เจียวไปที่จานข้าวของตัวเอง ช่างขัดกันเสียนี่กระไร
“ถ้างั้นผมจะงดเมนูไข่สักเดือนดีไหมครับ” เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทนได้ถึงเดือนไหม แค่บอกว่าชอบทานมันจะทำให้เสียศักดิ์ศรีขนาดนั้นเลยหรือ
“ไม่ต้อง! กูจะยอมทานกับข้าวฝีมือมึงไปก่อน จนกว่ามึงจะทนอยู่กับกูไม่ไหวแล้วย้ายออกไปอยู่ที่อื่น”
“ยังไงผมก็จะอยู่รับใช้คุณชายที่นี่...เพื่อทดแทนบุญคุณท่านชายครับ” รันตอบกลับเสียงนิ่ง จริงๆ แล้วที่ทนอยู่เพราะคำสั่งของมารดาต่างหาก แต่ถ้าเป็นท่านชายไม่เคยบังคับใจเขาแม้แต่ครั้งเดียว จนบางทีก็คิดท่านดีกว่าพ่อแท้ๆ ของเขาเสียอีก
“มึงอย่าเอาท่านพ่อมาอ้าง กูรู้ว่ามึงทนอยู่กับกูที่นี่เพราะแม่ของมึงให้มาจับกูไง”
“มะ...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” รันทำหน้าเหลอหลาเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างนั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่เขาเองก็ไม่อยากจะปฏิเสธแม้แต่น้อย
“คนอย่างมึงโกหกกูไม่ได้หรอก หัวอ่อนอย่างนี้เรียนหมอไปได้ยังไงวะ” อัศเอ่ยพลางส่ายหน้า คนอย่างไอ้กาฝากเขารู้นิสัยมันดี รู้สึกอะไรมันก็แสดงออกทางสีหน้าหมด ไม่ว่าจะเป็นโกรธ โมโหหรือเวลาโกหกคนอื่นก็จะมีพิรุธให้เห็นตลอด
แม้จะโดนว่าซึ่งๆ หน้าแต่รันไม่ได้สนใจ เจ้าตัวนั่งก้มหน้ารีบทานข้าวต่อ เพราะจะต้องรีบไปเคลียร์งานในห้องและช่วงบ่ายจะได้ออกไปพบเพื่อน
“คุณชายครับ...ช่วงบ่ายผมจะออกไปซื้อหนังสือกับเพื่อนนะครับ” เมื่อเห็นว่าอัศทานข้าวอิ่มแล้วรันก็เอ่ยขึ้นมาทันที จริงๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้บังคับว่าให้บอก แต่รันเลือกที่จะตัดความรำคาญใจออกไป จะได้ไม่ต้องโดนว่าเวลากลับมาที่ห้อง
“แล้วแต่มึง” พูดเสียงดังราวกับโมโหอีกฝ่ายแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป
รันถอนหายใจทันทีที่อีกฝ่ายเดินออกไป ไม่รู้ที่หน้าเขามีอะไรที่ทำให้เห็นแล้วรู้สึกโมโหร้ายได้ตลอดเวลา รันรีบสลัดความคิดนั้นออกจากสมอง รีบเก็บจานชามไปล้างแล้วเข้าไปในห้องนอน
*-*-*-*-*-*-*
รันนั่งรถเมล์มาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง วันนี้เจ้าตัวแต่งตัวสบายๆ สวมเสื้อยืดสีขาวเข้าคู่กับกางเกงยีนตัวเก่าๆ รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าผ้าใบใหญ่ไว้ข้างกาย นั่งรอได้สักพักเพื่อนรักทั้งสามคนก็เดินเข้ามาหา
“รอนานไหมแกกกก” หมิวลากเสียงยาวดังมาแต่ไกล ได้ยินรันก็ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้เพื่อนรักทั้งสามคน
“ไม่นานหรอกว่าแต่ทำไมพวกแกมาพร้อมกันได้เนี่ย”
“พอดีอีสองตัวเนี่ยมันโทรให้ฉันไปรับน่ะสิ” หมินโบ้ยหน้าไปหาเพื่อนทั้งสองคน
“พอดีรถฉันเสียอ่ะ” แอนตอบ
“ส่วนฉันก็ขี้เกียจนั่งรถเมล์มาเหมือนแก เลยเรียกมันมารับเฉยๆ นี่ล่ะ” ภพตอบออกไปพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“อีภพแกหลอกฉันได้ซะเนียนเลยนะ บอกว่าปวดหัวที่ไหนได้ขี้เกียจนั่งรถเมล์ หอพักฉันกับแกใกล้กันซะที่ไหนยะ” หมิวหันไปเอ็ดเพื่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกเข้าให้
“ขอโทษจ๊ะเพื่อนรัก” ภพยิ้มหวานตอบ
“ขึ้นไปกันเถอะซื้อแล้วจะได้ไปนั่งกินไอติมกัน” แอนบอกกับทุกคน
ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย และความสัมพันธ์ยังคงแน่นแฟ้นมาจนถึงตอนนี้
ขึ้นมาถึงชั้นสี่ของตัวห้างก็ถึงที่ตั้งของร้านหนังสือชื่อดัง ทั้งหมดเดินแยกย้ายกันเพื่อดูหนังสือที่ตัวเองสนใจ ส่วนรันก็เดินมาที่ชั้นหนังสือวิทยาศาสตร์ เมื่อมองเห็นเล่มที่ตัวเองสนใจก็หยิบออกมาจากชั้นแล้วเปิดดู ก่อนจะเดินไปนั่งอ่านอีกมุมซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่บังเอิญเดินชนกับใครบางคนเข้าให้เสียก่อน