EPISODE 5 หาดทรายและสายลม
เช้าวันต่อมา…
“เฮ้ย! ไปขับเจ็ทมั้ยวะ” เอเดย์ถามพร้อมใช้เท้าเขี่ยคนที่นอนเหยียดกายอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาดอย่างหยอกล้อ
ธีระที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นเผยให้เห็นลอนซิคแพ็คและมัดกล้ามแข็งแกร่งซึ่งกำลังปล่อยให้ความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ยามเช้าซึมซาบลงบนผิวด้วยความรู้สึกผ่อนคลายใช้สายตาคมกริบมองลอดแว่นกันแดดสีชาก่อนจะสบถด่าเจ้าตัวการ
“เถื่อนขึ้นทุกวันนะมึง"
“เถื่อนๆ แบบนี้ สาวๆ ชอบ” ไม่พูดเปล่ายังขยิบตาข้างขวาอย่างทะเล้น
“ถ้ามึงสบายใจที่จะคิดแบบนั้นละก็นะ”
“กูไม่อยากคุยกับคนจริงจังอย่างมึงแล้ววุ้ย!” พูดจบตั้งท่าจะเดินออกไป ทว่าขาของเขากลับชะงักกึก ดวงตาค่อยๆ เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
เรือนร่างบอบบางในชุดบิกินีสีดำคลุมด้วยชุดตาข่ายตัวยาวสีเดียวกันกำลังเดินทอดน่องอยู่บนผืนทรายขาวละเอียด สายลมอ่อนๆ พัดปะทะใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเบาบางให้ความรู้สึกละมุนตาเข้ากับทรงผมที่มวยขึ้นเพียงหลวมๆ ดูเป็นธรรมชาติ
“ไหนว่าจะไปขับเจ็ท”
เจ้าของนัยน์ตาสีนิลมองไปตามสายตาของเพื่อนแล้วทวนถามน้ำเสียงติดประชดประชัน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจยังคงพึมพำพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์
“กูรับรองเลยว่าลลิลต้องโดนไอ้คินดุแน่”
สิ้นประโยคนั้นคนที่ถูกกล่าวถึงก็มาหยุดยืนตรงหน้าของชายหนุ่มทั้งสองพร้อมทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนอย่างทุกครั้งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเธอไปเสียแล้ว
“พี่คินล่ะคะ”
“ออกไปขับเจ็ทสกีสักพักแล้ว” หนุ่มแว่นเอ่ยตอบก่อนจะถามในประโยคต่อมา
“ไปด้วยกันมั้ยครับ พี่กำลังจะไปพอดี”
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ นั่งกับไอ้นี่ก็อย่าลืมระวังตัวด้วยละ เผลอๆ มันอาจจะงับคอ” หันไปยักคิ้วหลิ่วตาอย่างยียวน
“กูไม่ใช่แวมไพร์”
“กูหมายถึงหมา!” พูดจบก็รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นจึงไม่ได้ยินคำด่าทอที่ดังไล่ตามหลังซึ่งการกระทำของทั้งสองทำเอาใบหน้าของลลิลขึ้นสีระเรื่อ เนื่องจากกลั้นขำไว้อย่างสุดความสามารถ
หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วปริปากเรียกเขา
“พี่ธีร์คะ"
"ว่า?"
"ว่างหรือเปล่าคะ”
“ไม่ว่าง”
“ตอบแบบไม่คิดเลยนะคะ” น้ำเสียงเหมือนจะแขวะอยู่ในที
“แล้วไม่เห็นหรือไงว่านอนอยู่”
“พี่ธีร์ค่อยนอนได้มั้ยคะ ถ่ายรูปให้ลิลหน่อยสิ” นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยภายใต้แพขนตางอนยาวมองธีระอย่างออดอ้อนพลางกะพริบตาปริบเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ
ทว่าปฏิกิริยาที่เธอแสดงออกมาไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเปลี่ยนจากนอนหงายเป็นนอนคว่ำแทบจะทันทีจนหญิงสาวถึงกับลอบถอนหายใจอย่างยอมแพ้
“ชิส์ ถ่ายเองก็ได้”
หญิงสาวกวาดสายตาไปยังแนวโค้งของชายหาดที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตาโอบล้อมด้วยทะเลซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับจนตาพร่าไปชั่วขณะก่อนจะกดเซลฟี่รูปตัวเองพลางสอดส่ายสายตามองหาจุดวางสมาร์ตโฟนเพื่อถ่ายรูปแบบเต็มตัว
ถึงอย่างนั้นรูปที่ถ่ายออกมาแทบไม่เป็นที่พึงพอใจเท่าใดนักจึงลองพยายามอีกครั้ง แต่แล้วจู่ๆ สมาร์ตโฟนที่วางอยู่บนผืนทรายกลับถูกใครบางคนคว้าไป
“พี่ธีร์จะทำอะไรน่ะ”
“เห็นแล้วมันขัดตา”
"ขัดตานี่แปลว่ามองอยู่ตลอดสินะคะ"
"จะถ่ายหรือไม่ถ่าย"
“ถ่ายค่า~” ตอบด้วยสีหน้าแย้มยิ้มราวกับดอกไม้ผลิบาน หลังจากนั้นก็เริ่มโพสท่าถ่ายรูปจนเวลาล่วงเลยไปกว่าสิบห้านาที
“ขอเวลานอกค่ะ” ว่าแล้วเดินไปหยิบดอกลีลาวดีบนพื้นมาทัดหูก่อนจะระบายรอยยิ้มสดใสมองกล้องอีกครั้ง
สายตาของธีระมองเลยไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ซึ่งเห็นว่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติกำลังมองมาที่หญิงสาวด้วยสายตาแพรวพราว
ชายหนุ่มไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงหวงน้องสาวราวกับไข่ในหินเพราะหญิงสาวมีประกายออร่าบางอย่างที่ใครเห็นต่างก็ต้องหยุดมองด้วยความเคลิบเคลิ้ม
และช่วงหลังมานี้ออร่าเหล่านั้นยิ่งเปล่งประกายจนเขาเองยังรู้สึกได้...
"พอได้แล้ว" ชายหนุ่มพูดขึ้นหลังจากกดถ่ายไปอีกสองครั้งแล้วยื่นสมาร์ตโฟนคืนเจ้าของ
“พี่ธีร์ถ่ายรูปสวยจังค่ะ” ปลายนิ้วเลื่อนดูรูปที่เพิ่งถ่ายพร้อมเอ่ยชมไม่ขาดปากด้วยความพึงพอใจโดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าใบตัวที่ว่าง สายตายังคงจับจ้องอยู่บนหน้าจอ
ทั้งสองนั่งเงียบกันอยู่ครู่หนึ่ง ชื่นชมความงดงามเบื้องหน้ารวมถึงเสียงคลื่นที่ซัดสาดกระทบฝั่งกระทั่งชายหนุ่มเป็นคนปริปากพูดขึ้นก่อน
“ไม่เหงาบ้างเหรอ เพื่อนก็ไม่มี”
"เหงาบ้างเป็นธรรมดาค่ะ ยังโชคดีที่มีพี่คิน" เธอตอบตามความจริงเพราะเพื่อนๆ ล้วนเป็นชาวต่างชาติซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในประเทศของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น
“นั่นสินะ"
“แล้วพี่ธีร์ล่ะคะ เป็นลูกคนเดียวคงเหงาแย่”
ธีระเป็นลูกคนเดียวอย่างที่เธอว่า แม่ของเขาพ่ายแพ้ให้กับโรคมะเร็งก่อนจะจากโลกนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อนและพ่อของเขายังคงไม่แต่งงานใหม่ นั่นคือข้อมูลที่หญิงสาวรับรู้ ทว่ามีอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้ระหว่างไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ
"..."
บางครั้งความเงียบก็บอกอะไรได้มากกว่าคำพูด ลลิลจึงไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อและดูเหมือนว่าเขาเองจะพึงพอใจที่เธอทำแบบนั้นจึงเป็นฝ่ายชวนคุยอีกครั้ง
“มานั่งตากแดดแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก”
“พักผ่อนเพียงพอ รับรองไม่ป่วยหรอกค่ะ” ลลิลนอนหลับยาวนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ
"ขอให้เป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน"
“พี่ธีร์ ตรงนั้นเขาเล่นอะไรกันเหรอคะ” สายตาของเธอเหลือบมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ริมชายหาด
“ฟลายบอร์ดนะ”
“ฟลายบอร์ดเหรอคะ?” ลลิลพึมพำเสียงแผ่วเพราะเธอไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนจึงลองค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
'Fly board หนึ่งในกีฬาทางน้ำที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักความตื่นเต้น ผู้เล่นสามารถโชว์ลีลาผาดโผนได้อย่างอิสระโดยมีแท่นยืนเหมือนการสวมรองเท้ายึดเกาะไว้...'
“ลิลอยากลองขึ้นไปค่ะ” บอกอีกฝ่ายอย่างแน่วแน่
“มันไม่ได้ทรงตัวง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
“พี่ธีร์เล่นเป็นมั้ยคะ”
“เป็น”
“งั้นเราไปกันเถอะ เห็นว่าสามารถยืนพร้อมกันสองคนได้ด้วย”
“เอาจริงดิ”
“ลลิลซะอย่าง”
กว่าครึ่งชั่วโมงที่ชายหนุ่มต้องเตรียมตัวและทดลองเล่นคนเดียว เนื่องจากห่างหายไปนานโดยมีหญิงสาวยืนมองอยู่ด้วยความมั่นอกมั่นใจในตัวอีกฝ่าย ไม่นานเธอก็ถูกคว้าตัวเข้าไปแนบกับร่างกายแข็งแรง
ลลิลใช้เรียวแขนคล้องรอบคอเขาไว้เป็นที่ยึดโดยที่เขาเองก็ใช้แขนล่ำโอบรอบเอวเธอไว้แน่นเช่นเดียวกันและไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น คนทั้งสองก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและหมุนตัวไปมาในอากาศราวกับนกที่กำลังโบยบินอย่างอิสระเหนือผิวน้ำอันกว้างใหญ่
หญิงสาวไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยแถมยังรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดเขา และนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้ใกล้ชิดกันโดยมีสติครบถ้วนสมบูรณ์
รอยยิ้มแห่งความสุขประดับอยู่บนใบหน้าหวานแทบไม่จางหายไป ดวงตาของทั้งสองเผลอสอดประสานจนรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบมีเพียงเขาและเธอเท่านั้น...
“เป็นยังไงบ้าง” ธีระเอ่ยถามหลังจากทั้งสองเดินเคียงข้างกันมาสักพักก่อนจะหาที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่
“รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกเลยค่ะ”
"ไม่กลัวเลยหรือไง?"
หญิงสาวส่ายหน้าทั้งๆ ที่ก้อนเนื้อภายในอกยังคงสั่นไหวรุนแรงไม่รู้เพราะความตื่นเต้นที่หลงเหลืออยู่หรือเพราะอะไรกันแน่
“ไอ้คินกำลังเดินมาทางนี้”
อยู่ๆ เขาก็โพล่งออกมาทำเอาเธอถึงกับหน้าถอดสีและยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นหนี เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลังเสียก่อน
“แต่งตัวอะไรนะลิล”
“บิกินีไงคะ สวยมั้ย?" ในเมื่อรู้ดีว่าหนีไม่ทันจึงลุกขึ้นหมุนตัวให้ดูชัดๆ หนึ่งรอบ
"ลลิล!"
"ก็ลิลมาทะเล พี่คินจะให้ใส่ชุดไทยหรือไง"
“อูย” เอเดย์ที่เดินมาพร้อมอนาคินส่งเสียงอย่างชอบใจ
"ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊ขนาดนี้"
“พี่คินห้ามดุค่ะ ลิลกำลังจะไปเปลี่ยนแล้ว"
"ก็ต้องเปลี่ยนสิ ในเมื่อชุดนี้ใส่ถ่ายรูปแล้ว" คนที่ทำหน้าที่ถ่ายรูปให้เองกับมือเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
"ว่าไงนะ"
“ไม่ได้โป๊อย่างที่พี่คินคิดหรอก ใช่มั้ยคะ?" ส่งสายตาเว้าวอนอย่างต้องการความช่วยเหลือไปที่ธีระ
"ใช่ รูปที่ถ่ายออกมาไม่ได้โป๊อย่างที่มึงคิดหรอก"
"เชื่อพี่ธีร์เถอะค่ะ"
"เพราะโป๊กว่าที่มึงคิดแน่นอน"