EPISODE 6 ความผิดปกติ
แสงแดดยามบ่ายเล็ดลอดผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่สาดส่องลงมายังเส้นผมยาวสลวยภายใต้หมวกปีกกว้างที่พลิ้วไหวไปตามแรงลมเข้ากับชุดเดรสกระโปรงยาวระพื้นสีขาวที่เธอสวมใส่
"ฟู่ว~ ค่อยดีขึ้นหน่อย"
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ชายหาดพ่นลมหายใจออกมาหนักหน่วง หลังจากโดนพี่ชายตำหนิติเตียนเสียยาวยืดเรื่องการแต่งกายจึงหนีมานั่งเพลิดเพลินกับไอศกรีมโคนรสกะทิและน้ำมะพร้าวปั่นอย่างเอร็ดอร่อย
ขณะเดียวกันสายตาก็จับจ้องไปยังท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ฟังเสียงคลื่นที่ซัดสาดกระทบฝั่งด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
ทะเลในเวลานี้สวยงามราวกับภาพวาด...
ลลิลเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เหม่อมองทัศนียภาพเบื้องหน้าจนเวลาล่วงเลยไปสักพักแล้วค่อยๆ หลับตาปล่อยให้กลิ่นอายของทะเลโอบล้อมเธอไว้ กระทั่งเผลอหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย
"ฮ่าๆ"
เปลือกตาของคนที่นอนหลับใหลอย่างสุขสบายค่อยๆ ปรือขึ้น ครั้นมีเสียงรบกวนโสตประสาท
เด็กผู้ชายอายุราวสิบขวบกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็นั่งแหมะอยู่บนหาดทรายทำท่าเหมือนกำลังขุดหาอะไรบางอย่าง
ลลิลเริ่มกวาดสายตามองบรรยากาศโดยรอบจึงเห็นว่าดวงอาทิตย์คล้อยต่ำกว่าทีแรกอย่างเห็นได้ชัดซึ่งบ่งบอกว่าเธอนอนหลับไปไม่ต่ำกว่าสี่ชั่วโมง อีกทั้งเมื่อลองขยับตัวก็รู้สึกได้ถึงอาการปวดเมื่อยตามร่างกายจนต้องบิดตัวไปมาแล้วลุกขึ้นยืนสวมรองเท้าแตะก่อนจะเดินไปหาเด็กชายคนหนึ่ง
"หาอะไรอยู่เหรอ"
"หาหอยเสียบครับ" เงยหน้ามองคนถามแวบหนึ่งแล้วเอ่ยตอบน้ำเสียงฉะฉาน
"เอ๊ะ! หอยเสียบ?"
"แบบนี้ไงครับ" บอกพร้อมยกตะกร้าใบเล็กที่มีหอยขนาดจิ๋ว รูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมซึ่งมีมุมโค้งมนสีสันและลวดลายแตกต่างกันให้หญิงสาวดู
"เล็กขนาดนี้จะเอาไปทำอะไรเหรอ" ยังคงถามด้วยความสงสัย
"เอาไปดองน้ำปลาหรือเกลือก็ได้ครับ อร่อยมากๆ เลย"
"จะอิ่มมั้ยล่ะนั่น" มองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างนึกเอ็นดู
"ถ้ากินข้าวเยอะหน่อยก็อิ่มครับ"
คำตอบไร้เดียงสาตามประสาเด็กทำเอาริมฝีปากกระจับแย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง
"เดี๋ยวผมสอนให้เอามั้ยครับ ว่าต้องหายังไง"
ลลิลได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าอย่างนึกสนุกแล้วลงนั่งยองๆ โดยมีเด็กชายขุดทรายขึ้นมา เธอก้มมองพลางสอดส่องหาสิ่งที่ต้องการอย่างตั้งใจ
"โอ้ นี่ไง!" ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นแล้วหยิบหอยขนาดจิ๋วโชว์ให้อีกฝ่ายดู
"ตัวใหญ่ซะด้วย"
"นี่ใหญ่แล้วเหรอ" คนที่กำลังดีใจอย่างออกนอกหน้าเอียงคอพลางเอ่ยถาม
"ก็ใหญ่กว่าที่มีอยู่ในตะกร้าแหละครับ" การมองโลกในแง่ดีของเด็กชายทำให้เธอย่นจมูกเล็กน้อยแล้วเริ่มมองหาหอยเหล่านั้นไม่ต่างจากการล่าหาขุมทรัพย์
กระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนพระอาทิตย์ตกดินทั้งสองจึงแยกย้ายกันโดยหญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านผ่านห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊าจนลืมมองไปว่าชายหนุ่มสามคนกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่
"อารมณ์ดีเชียวนะ"
อนาคินร้องทักน้องสาวที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษผิดกับก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน
"เริ่มอารมณ์ไม่ดีอีกแล้วค่ะ" เหลือบมองพี่ชายอย่างงอนๆ
"ไปไหนมา ทำไมมอมแมมแบบนั้นล่ะ"
"ไปหาหอยเสียบกับพวกเด็กๆ มาค่ะ"
"งั้นก็ไปอาบน้ำจะได้ออกมากินข้าว"
"รู้แล้วน่า ทำเหมือนลิลเป็นเด็กอนุบาลไปได้" น้ำเสียงออกจะกระฟัดกระเฟียดหน่อยๆ
"แล้วจะมาวีนใส่พี่ทำไม" คนเป็นพี่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
"ลิลไม่ได้วีนซะหน่อย"
"หรือยังโกรธที่พี่ดุเราก่อนหน้านี้" เสียงทุ้มต่ำแฝงแววทอดถอนใจ
"เปล่าค่ะ ลิลไม่อยากคุยกับพี่แล้ว" ว่าพลางหมุนตัวกำลังจะเดินผ่านไป ทว่าถ้อยคำของพี่ชายทำเอาเธอถึงกับชะงัก
"เป็นวันนั้นของเดือนหรือไง อารมณ์แปรปรวนชะมัด"
'วันนั้นของเดือนเหรอ? เอ๊ะ!' สิ้นความคิดนั้นก็รีบจ้ำอ้าวจนเกือบจะวิ่งไปยังห้องนอนของตัวเองโดยมีเสียงพี่ชายดังไล่มาตามหลัง แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอต้องสนใจ
ลลิลรีบคว้าสมาร์ตโฟนที่ชาร์จแบตทิ้งไว้แล้วเข้าดูหน้าปฏิทินพร้อมหัวใจสั่นระรัว
"ประจำเดือนยังไม่มาเลยนี่" พึมพำเสียงแผ่ว มือไม้สั่นอย่างห้ามไม่อยู่ทว่ายังพยายามคิดปลอบใจตัวเองว่าอาจเพราะผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินก็ได้ที่ทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ
แต่มันก็ไม่ควรมาช้าถึงขนาดนี้
แล้วอาการก่อนหน้านี้อีก...
นัยน์ตาสีน้ำตาลสะท้อนความหวาดหวั่นออกมาอย่างชัดเจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืนทรงตัวจนต้องใช้มือข้างหนึ่งจับขอบโต๊ะไว้เป็นที่ยึด
ลลิลพยายามตั้งสติอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตแล้วเดินออกไปจากห้อง ถึงแม้สีหน้าซีดเผือดจะเป็นสิ่งที่เธอปกปิดไม่ได้ก็ตาม
"ลิลขอยืมกุญแจรถหน่อยค่ะ" เอ่ยบอกพี่ชายทันที ทำให้สองหนุ่มที่เหลือรีบหันมามองเธอเป็นตาเดียว
"จะไปไหน"
"เอามาเถอะน่า"
"ก็บอกมาก่อนว่าจะไปไหน"
"ซื้อของค่ะ ของแบบผู้หญิง"
"..."
"ขอกุญแจรถหน่อยค่ะ"
"ให้พี่ไปซื้อให้มั้ย"
"ไม่ต้องค่ะ พี่คินแค่เอากุญแจมาก็พอ"
อนาคินเห็นท่าทางของน้องสาวจึงยื่นกุญแจที่วางอยู่ข้างๆ ให้ จากนั้นเธอก็รีบเดินออกไป
"ลิลดูแปลกๆ ไปนะ" เอเดย์ตั้งข้อสังเกตพร้อมมองใบหน้าของเพื่อนทั้งสองสลับกัน
"อืม กูก็คิดอย่างนั้น" ธีระตามสมทบ
"กูก็รู้สึกได้ว่าลิลแปลกไป" คนเป็นพี่ชายกัดริมฝีปากล่างพลางตกอยู่ในความคิดของตัวเองเนิ่นนาน ได้สติอีกครั้งก็ตอนที่ธีระพูดขึ้นมา
"เบียร์หมดตู้แล้วว่ะ เดี๋ยวกูไปซื้อเอง" ว่าจบก็เดินออกไป
หญิงสาวขับมาร้านขายยาตามแผนที่ที่ปรากฏบนหน้าจอภายในรถสปอร์ตคันหรูของพี่ชาย ครั้นได้สิ่งของที่เธอต้องการเรียบร้อยแล้วจึงมุ่งตรงกลับที่พัก
ลลิลพยายามตั้งสติอีกครั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดหมายปลายทาง ทว่ากลับต้องเหยียบเบรกจนรถกระชากเมื่อไม่ทันมองว่ามีรถเก๋งคันหนึ่งกำลังจะเลี้ยวออกจากซอย
เธอคิดว่าหากขับต่อไปทั้งอย่างนี้อาจสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นจึงเลี้ยวเข้าจอดข้างทางก่อนจะแนบใบหน้าลงกับพวงมาลัย ความกังวลและหวาดกลัวทั้งหมดพลันถาโถมเข้ามาอย่างจัง
เธอแอบคิดว่าที่ตัวเองเป็นถึงขนาดนี้อาจเพราะลึกๆ ภายในใจเหมือนรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว...
ก๊อกๆ
เสียงเคาะกระจกหน้าต่างที่ดังขึ้นจากฝั่งของเธอทำให้หญิงสาวเงยใบหน้ามองพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาฉายแววประหลาดใจ
"ลิล เป็นอะไรมั้ย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?" ธีระเอ่ยถามทันทีที่อีกฝ่ายลดกระจกลงโดยหารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นมีอานุภาพสั่นคลอนจิตใจของเธออย่างรุนแรง
"พี่ธีร์มาได้ยังไงคะ" น้ำเสียงเบาหวิวราวกับสายลม
"พี่ออกมาซื้อเบียร์และเห็นรถคันนี้จอดอยู่สักพักแล้ว"
"ลิลแค่จอดพักเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ" เธอหลงลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้โกรธเคืองเขาเป็นฟืนเป็นไฟเพียงใดที่กล้าตลบหลังจนทำให้เธอโดนพี่ชายดุ
"ไม่มีอะไรแน่นะ" เขาถามย้ำอีกครั้งแล้วจ้องลึกลงไปในตาคู่นั้นของเธอ
"ถ้าบอกว่ามี พี่ธีร์จะช่วยลิลมั้ยคะ" ย้อนถามด้วยดวงตากลมที่วูบไหว
"มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องอะไร"
"ตอนนี้ลิลยังไม่รบกวนพี่ธีร์ดีกว่าค่ะ แต่หลังจากนี้ก็ไม่แน่...ไว้เจอกันที่บ้านนะคะ"