EPISODE 2 เรื่องไม่คาดคิด
"ลิล"
"..."
"ลลิล!"
"คะ?"
"เป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขณะมองน้องสาวที่นั่งเหม่อลอยอยู่สักพักแล้วด้วยความเป็นห่วง
"ปะ เปล่าค่ะ" หญิงสาวตอบตะกุกตะกักพลางเขี่ยอาหารมื้อเช้าในจาน
"กับข้าวไม่ถูกปากเหรอ"
"ลิลยังไม่ค่อยหิวนะคะ" ตอบโดยพยายามไม่สบตาพี่ชาย
“เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะอีกหรอก ฝืนกินหน่อยก็แล้วกัน”
"ค่ะ"
ลลิลพยายามฝืนตักอาหารเข้าปากเพื่อความสบายใจของผู้เป็นพี่ ทว่าสมองกลับนึกถึงแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อีกทั้งความเป็นห่วงเป็นใยจากอีกฝ่ายยิ่งทำให้เธอรู้สึกละอายใจกับการกระทำของตัวเอง
"เมื่อคืนหลับสบายมั้ย?"
"ก็ดีค่ะ"
"แต่พี่นี่แทบไม่ได้นอน พอดีเกิดปัญหาวุ่นวายที่โรงแรมนะ เลยต้องไปจัดการด้วยตัวเอง"
คำอธิบายเหล่านั้นทำให้เธอพอจะคลายความสงสัยอยู่บ้างว่าพี่ชายหายไปไหน แต่ก็มีบางเรื่องที่ยังข้องใจจึงลองเลียบเคียงถาม
“แล้วพี่คินกลับมาตอนไหนเหรอคะ”
“หกโมงเช้าได้มั้ง เผลอหลับที่ห้องทำงานนะ”
"แต่ก่อนหน้านั้น ลิลได้ยินเสียงดังมาจากห้องพี่" หญิงสาวแสร้งทำสีหน้าสงสัย
"อ๋อ พี่ว่าจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดี" อนาคินรวบช้อนและส้อมเข้าหากันบ่งบอกว่ามื้ออาหารของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยมีผู้เป็นน้องสาวรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
"อันที่จริงก่อนลิลจะกลับมา ไอ้ธีร์มันมักจะนอนที่นี่เป็นบางวัน แต่หลังจากนี้คงจะมาอยู่กับเราสักระยะหนึ่ง"
"..."
"คือมันมีปัญหาเกี่ยวกับจิตใจนิดหน่อย" อนาคินขยายความเพิ่มเมื่อเห็นปฏิกิริยานิ่งเงียบของเธอ
“คนอย่างเขาไม่น่าจะลำบากเรื่องที่อยู่นะคะ”
“เรื่องนั้นมันก็จริง แต่พี่กับไอ้เดย์เห็นตรงกันว่า มันควรจะมีคนอยู่เป็นเพื่อน...”
"แล้วทำไมถึงต้องให้เขาไปอยู่ห้องนอนของพี่คินล่ะคะ" เอียงคอถามด้วยความสงสัย
"ห้องที่มันอยู่แอร์เสีย กำลังรอช่างมาซ่อม"
"อย่างนี้นี่เอง" หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ
"แต่ถ้าลิลไม่สบายใจที่มีคนอื่นมาอยู่ด้วย ไว้พี่จะคุยกับมันอีกที"
หญิงสาวยังไม่ทันจะได้ปริปากตอบ เสียงของพี่ชายก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"นั่นไง มันมาพอดีเลย"
ร่างสูงในชุดสูทสุดเนี้ยบสีน้ำเงินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเพื่อนชายคนสนิท
"ปวดหัวฉิบหาย"
"ก็ไม่แปลกหรอก มึงเล่นดื่มเหล้าเหมือนน้ำเปล่าขนาดนั้น สภาพ!"
"ช่างกูเถอะ วันนี้มึงออกไปทำงานมั้ย"
"แหกตาดูก่อนว่ากูอยู่ในสภาพไหน"
"สบายจังนะมึง คงมีแต่กูที่ต้องไปทำงานในวันหยุดแบบนี้"
"สบายกับผีนะสิ เมื่อคืนกูแทบไม่ได้นอน"
"กูก็รู้สึกเหมือนไม่ได้นอน ตื่นขึ้นมา..." จู่ๆ คำพูดของธีระก็ถูกกลืนหายลงสู่ลำคอเมื่อเห็นน้องสาวของเพื่อนนั่งอยู่ด้วย ว่าจะพูดเรื่องความฝันสุดแสนลามกก็กระไรอยู่
"อะไรของมึง"
"เปล่า"
หลังจากนั้นเพื่อนสนิททั้งสองก็เริ่มบทสนทนาเกี่ยวกับงานเสียส่วนใหญ่โดยมีหญิงสาวนั่งฟังไปเงียบๆ พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด
"วันนี้ลิลจะออกไปข้างนอกนะคะ" ลลิลเอ่ยบอกตอนต่างฝ่ายต่างกำลังจะแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง
"ไปไหน?"
"ซื้อของใช้เข้าบ้านค่ะ"
"ไปพร้อมไอ้ธีร์เลยก็ได้" คำพูดของอนาคินทำเอาเธอถึงกับชะงัก
"ไม่เป็นไรค่ะ ลิลไปแท็กซี่ดีกว่า" บอกอย่างเกรงใจ
"หรือจะให้พี่ไปส่ง"
"พี่คินพักผ่อนเถอะค่ะ ลิลไปเองได้"
ลลิลยืนยันน้ำเสียงหนักแน่นจนอนาคินไม่อยากเซ้าซี้ต่อ หญิงสาวจึงเดินออกไปจากตรงนั้นโดยไม่แม้แต่จะมองชายหนุ่มอีกคน
เอี๊ยด!!
รถไฮเปอร์คาร์สีดำเงาวับหนึ่งในสิบคันทั่วโลกเบรกดังสนั่นเพื่อหยุดจอดบริเวณทางเท้าทำให้หญิงสาวที่ยืนหลบแดดอยู่ข้างต้นไม้สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คนขับลดกระจกลงแล้วเอ่ยบอกน้ำเสียงราบเรียบ
"แท็กซี่ไม่ผ่านทางนี้หรอก"
หญิงสาวทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดนั้นแล้วแสร้งมองไปทางอื่นจึงไม่เห็นว่านัยน์ตาคมกริบกำลังจ้องเขม็งอยู่ที่เธอ
"จะไปมั้ย" พยายามถามอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อกดดันอีกฝ่าย
ความร้อนระอุของแดดประเทศไทยในช่วงสายของวันแผดเผาผิวขาวจัดของเธอจนแสบร้อนและเกิดรอยแดงจำต้องวางฟอร์มลงแล้วพาตัวเองไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ
"คาดเบลต์"
"คะ? อ๋อ" สมองของเธอเหมือนจะประมวลผลเชื่องช้าเมื่ออยู่ใกล้เขา ก่อนจะหันซ้ายแลขวาแทบไม่กล้าขยับตัวครั้นเห็นความหรูหราภายในรถอย่างเต็มตา
ธีระเหลือบมองท่าทางเงอะงะของเธอแวบหนึ่งแล้วโน้มตัวไปคว้าหัวเข็มขัดนิรภัยมาล็อกให้อย่างรวดเร็ว
การกระทำที่ดูเหมือนไม่มีอะไรของเขาทำเอาหญิงสาวถึงกับชะงักค้าง ดวงตาเบิกกว้างไปชั่วขณะ หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน
"จะลงตรงไหน" ธีระเอ่ยถามทำลายความเงียบ ตอนรถเคลื่อนตัวออกมาได้สักพักแล้ว
"ร้านขายยาค่ะ"
"ไม่สบาย?"
"ลิลมียาที่ต้องซื้อ"
ชายหนุ่มไม่ได้ปริปากถามอะไรต่อจากนั้น ไม่นานก็มาหยุดจอดหน้าร้านขายยา
"เราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ"
"ไหนว่าจะไปซื้อของที่ห้างไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวรอ"
หญิงสาวพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในร้านขายยาโดยมีชายหนุ่มมองตามอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก แต่ก็เห็นว่าเธอพูดอะไรบางอย่างกับเภสัชกรหญิงวัยกลางคนแล้วไม่นานก็ยกขวดน้ำขึ้นดื่มก่อนจะเดินกลับออกมา
ลลิลมองทิวทัศน์ที่ไหลเลื่อนผ่านนอกหน้าต่างรถอย่างเหม่อลอย หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมงทั้งสองก็มาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของครอบครัวชายหนุ่ม
"อยากได้อะไรก็รูดเอานะ" ยังไม่ทันที่ลลิลจะก้าวลงจากรถ บัตรแบล็คการ์ดก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
"คะ?"
"พี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญเรียนจบลิลเลย"
"…"
"วงเงินไม่จำกัด"
"เพิ่งรู้นะคะเนี่ย ว่าพี่ธีร์เป็นสายเปย์กับเขาด้วย" พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งประชด
"จะเอาไม่เอา"
"เอาสิคะ เดี๋ยวลิลจะรูดให้ฉ่ำเลย ขอบคุณค่ะ" ฉกบัตรใบนั้นมาจากมือของเขาแล้วเดินลงจากรถเข้าไปยังห้างสรรพสินค้า
หญิงสาวเดินเข้าออกเลือกชมสินค้าแบรนด์ดังต่างๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่เธออยากได้อย่างแท้จริง จึงลงไปยังชั้นหนึ่งซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเลือกของเข้าบ้านอย่างที่บอกกับพี่ชายไว้
“ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้มีอาการเวียนหัวหรือคลื่นไส้ได้ค่ะ” ลลิลหวนนึกถึงคำบอกกล่าวของเภสัชกรพลางยกมือขึ้นมาลูบบริเวณหน้าอกเพราะอาการคลื่นไส้ที่แล่นปราดเข้ามาจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ได้อะไรบ้างล่ะ”
จู่ๆ ร่างสูงที่เดินมาจากทางไหนก็ไม่สามารถทราบได้เข้ามาขวางรถเข็นของเธอพร้อมเหลือบสายตามองข้าวของภายในนั้น
“ลิลขอไปเข้าห้องน้ำ อึก” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก พยายามต่อสู้กับความปั่นป่วนอย่างสุดความสามารถ
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ธีระขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับท่าทางนั้นของเธอแล้วเดินเข้าไปหา
“ลิลจะ…โอ้ก” หญิงสาวยังพูดไม่ทันจบก็ขย้อนสิ่งที่อยู่ในกระเพาะลงบนแผงอกของเขาอย่างทนไม่ไหว ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วค่อยๆ เงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ธีระกัดฟันกรอด ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความขยะแขยงออกมาอย่างไม่ปิดบังพร้อมคำรามเรียกชื่อเจ้าตัวการอย่างคาดโทษ
“ลลิล!”