ตอนที่ 5
“คุณหนูเซร่าคะ คุณหนูเซร่าคะ!!!”
“หยุดนะ!!!!!!!!!!”
เซร่าตะโกนเสียงดัง พร้อมกับทะลึ่งพรวดจากที่นอนขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว ทำให้ป้าแมรี่ซึ่งเรียกหญิงสาวอยู่ถึงกับตกใจ ผงะไปด้านหลัง
เซร่านั่งหอบอยู่บนเตียงนอนสีเขียวเข้มด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายขึ้นที่หน้าผากของเธอ
แม้อากาศในห้องจะค่อนข้างเย็นก็ตาม หญิงสาวรวบรวมสติที่แตกกระเจิงของเธอกลับมาอย่างช้าๆ พร้อมกับทบทวนความฝันของเธอเมื่อครู่
“คุณหนูคะ 5 โมงเย็นแล้วนะคะ”
หญิงสาวหันมามองป้าแมรี่อย่างงงๆ เธอเหลือบไปดูนาฬิกาซึ่งติดอยู่กับฝาผนังวอลเปเปอร์สีเขียวอ่อนซึ่งกำลังบอกเวลา 5 โมงเย็น
“แย่แล้ว!!!!!!”
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณหนู” ป้าแมรี่บอกเซร่าให้ใจเย็น
“โธ่! ป้าจ๋า ทำไมไม่ปลุกหนูล่ะ”
เซร่ากระเง้ากระงอดบอกป้าแมรี่ที่ไม่ยอมปลุกเธอก่อนหน้านี้ และรีบถลาลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว โดยมีป้าแมรี่ส่งเสื้อคลุมอาบน้ำและผ้าเช็ดตัวให้ หญิงสาวรีบตรงเข้าห้องอาบน้ำทันที
“ป้าเรียกคุณหนูนานแล้วนะคะ แต่คุณหนูไม่ยอมตื่นเองนี่นา”
ป้าแมรี่บอกเซร่าที่กำลังอาบน้ำอยู่ พร้อมกับเก็บที่นอนของหญิงสาวให้เรียบร้อย และเตรียมเสื้อชุดแซคสีฟ้าอ่อนให้กับเธอ
“โธ่ป้า! หนูไม่เห็นได้ยินเสียงเรียกของป้าเลยนี่นา!!”
“ก็แน่ล่ะสิคะ ก็คุณหนูมัวแต่ละเมอถามว่า “ใครน่ะ” ซ้ำๆ ตลอดเวลาเลย”
เซร่าได้ฟังเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไม่พูดจาอะไรอีก แต่รีบอาบน้ำให้เสร็จอย่างรวดเร็ว และออกมาแต่งตัวด้วยชุดแซคสีฟ้าอ่อนที่ป้าแมรี่เตรียมเอาไว้ให้แล้ว
จากนั้นเธอก็ไปนั่งนิ่งอยู่ด้านหน้าของกระจก ภาพสะท้อนของกระจกแสดงให้เห็นถึงหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยทิ้งตรงลงด้านหลังของเธอ
ป้าแมรี่หวีผมที่ยาวสลวยของหญิงสาวให้อย่างเบามือ พร้อมกับรวบผมด้านข้างของเธอเพียงครึ่งหนึ่งขึ้นไว้บนศีรษะ และผูกโบว์สีฟ้าน้ำทะเลซึ่งเข้ากับชุดที่เธอใส่ได้อย่างเหมาะสม
“เอาล่ะค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“สวยมากเลยนะคะ”
ป้าแมรี่ยิ้มให้เซร่าอย่างชื่นชม เพราะวันนี้คุณหนูของเธอสวยเป็นพิเศษ
“ก็เพราะป้าแมรี่น่ะล่ะ ขอบคุณนะคะ”
“รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวนายท่านจะรอ”
ป้าแมรี่เร่งเซร่า หญิงสาวจับชายกระโปรงชุดแซคของเธอกางออกเล็กน้อย พร้อมกับย่อเข่าไปด้านหลัง โค้งหัวเป็นการขอบคุณ และรีบออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ ป้าแมรี่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับความทะเล้นของเธอ
คิมหันต์กำลังซ้อมกีฬาบาสเกตบอลอยู่ในโรงยิมหลังจากที่เลิกเรียน เนื่องจากทีมของเขาผ่านรอบ 8 ทีมสุดท้าย จึงต้องฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นทุกวัน
ส่วนเหมันต์เป็นประธานนักเรียน จึงต้องคอยเคลียร์งานของกรรมการนักเรียนให้เสร็จก่อนกลับบ้านทุกวัน
ออยเฟ่ย์นั้นเป็นผู้จัดการของทีมบาสเกตบอลจึงต้องอยู่ช่วยงานชมรมเช่นกัน ทำให้ทั้งสามคนมักจะกลับบ้านพร้อมกันเสมอ
แต่ออยเฟ่ย์นั้นให้ความสนใจกับเหมันต์มากกว่าคิมหันต์ นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดใจเสมอเมื่อเห็นสายตาของออยเฟ่ย์จ้องมองเพียงเหมันต์เท่านั้น
เวลา 6 โมงเย็น คิมหันต์ซึ่งซ้อมบาสเกตบอลเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปล้างหน้าล้างตาที่ด้านหลังของโรงยิม ขณะที่กำลังล้างหน้าอยู่นั้น ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านหลังของเขา
“คุณคิมหันต์คะ”
“หือ?”
คิมหันต์ซึ่งล้างหน้าอยู่เงยหน้าขึ้น เลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะเอาผ้าเช็ดหน้าที่พาดอยู่บนบ่าของเขามาเช็ดหน้า
“เอ่อ..คือว่า...”
หญิงสาวคนนั้นรู้สึกประหม่าเขินอาย จนใบหน้าของเธอเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ
“ฉัน.....ฉัน...เอ่อ....ฉันชอบคุณค่ะ.. ถ้าไม่รังเกียจคบกับ.....”
หญิงสาวคนนั้นพูดจาตะกุกตะกัก แก้มทั้งสองข้างของเธอแดงราวกับดอกกุหลาบสีแดงที่เพิ่งเบ่งบาน
“เสียใจ ฉันยังไม่คิดจะคบกับใครทั้งนั้น”
คิมหันต์เอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สายตาเย็นชา ทำให้หญิงสาวคนนั้นหยุดชะงักหน้าเสียไปทันที
“แต่ว่า....”
“ฉันไม่คบกับเธอก็เพราะว่า ฉันไม่ได้ชอบเธอ ที่สำคัญฉันไม่รู้ว่าการที่เธออยากจะคบกับฉัน เป็นเพราะอยากจะเข้าหาพี่ชายของฉันรึเปล่า?”
คิมหันต์บอกหญิงสาวคนนั้นอย่างตรงไปตรงมา ท้ายประโยคมีน้ำเสียงปนเย้ยหยันเล็กน้อย ทำให้หญิงสาวหน้าเสีย เพราะมันช่างเป็นคำพูดที่แทงใจดำของเธอพอดี
“ขอตัว”
คิมหันต์บอกลาห้วนๆ อย่างไม่ใยดีหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย และหันหลังกลับเพื่อเดินกลับไปยังโรงยิม โดยทิ้งหญิงสาวคนนั้นยืนหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษไว้คนเดียวโดยไม่เหลียวหลังซักนิด
“แหม..คิมชอบทำผู้หญิงเสียใจอยู่เรื่อยเลยนะ”
เสียงออยเฟ่ย์ดังทักออกมาจากทางพุ่มไม้ด้านข้างโรงยิม ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินกลับเข้าห้องของชมรมเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย
“แอบฟังอีกแล้วรึ?”
คิมหันต์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะคราวก่อนออยเฟ่ย์ก็เห็นเขาปฏิเสธผู้หญิงคนหนึ่งไปอย่างไม่มีเยื่อใยเช่นกัน
“แหมๆ ก็เราอยู่ชมรมเดียวกัน ทางที่ไปล้างหน้าก็ที่เดียวกัน แล้วจะไม่ให้ฉันเห็นได้ยังไงกันเล่า”
ออยเฟ่ย์ลอยหน้าลอยตาบอกคิมหันต์ และออกจากพุ่มไม้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา
คิมหันต์มองใบหน้าสวยสดและริมฝีปากบางเฉียบที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่ตรงหน้าอย่างสะกดอารมณ์เอาไว้ไม่ให้มันพลุ่งพล่าน
“เธอนี่ สอดรู้สอดเห็นจริงๆ เลยนะ”
“อ๊ะ!! คิม ฉันรอที่หน้าประตูโรงเรียนนะ!!!”
ออยเฟ่ย์ตะโกนตามหลังบอกคิมหันต์ให้รับรู้เอาไว้ โดยเขาทำเพียงยกมือขึ้นบอกเป็นเชิงรับทราบ
“ฮึ! อีตาบ้านี่ ชอบเดินหนีเวลาเราว่าทุกทีเลยแฮะ”
ออยเฟ่ย์บ่นพึมพำตามหลังอยู่คนเดียว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดนักเรียน
คิมหันต์เปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เพราะเขาอยากที่จะได้คุยกับออยเฟ่ย์เพียงลำพังสองต่อสอง เพราะทุกครั้งที่กลับบ้านพร้อมกัน ออยเฟ่ย์มักจะสนใจคุยกับเหมันต์เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เขาเหมือนเป็นส่วนเกินเกือบทุกครั้ง
ชายหนุ่มรีบออกจากห้อง และตรงไปยังหน้าประตูโรงเรียนอย่างรวดเร็ว แต่ความคิดของเขาไปถึงยังหน้าประตูเร็วกว่าเท้าของเขาเสียอีก
คิมหันต์คิดถึงใบหน้าอันสดสวยของออยเฟ่ย์ ริมฝีปากที่เต็มอิ่ม ผมหยักศกที่ยาวสลวยรวบขึ้นไปไว้บนหัวทำให้เห็นลำคอที่งามระหง เพียงแค่คิดเขาก็ไม่รู้ว่าจะห้ามใจตัวเองได้อีกนานแค่ไหน
คิมหันต์เร่งฝีเท้าตรงไปยังหน้าประตูโรงเรียน แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงัก พบกับความผิดหวังเนื่องจากมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งอีกคนยืนอยู่เคียงข้างออยเฟ่ย์ มือของชายหนุ่มคนนั้นกำลังจับผมยาวหยักศกที่รวบไว้บนหัวของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม
คิมหันต์ตัวแข็งทื่อ เขาเห็นชายหนุ่มคนนั้นจับผมของเธอขึ้นมาดอมดมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยมันทิ้งลงไปด้านหลังของออยเฟ่ย์เช่นเดิม
ภาพนั้นช่างบาดใจคิมหันต์เสียเหลือเกิน
“อ้าว คิม เร็วๆ สิ ชักช้าอืดอาดอยู่ได้”
ออยเฟ่ย์หันมาเห็นคิมหันต์ที่เดินเข้ามาหาพวกเธออย่างเงียบๆ ใบหน้าของออยเฟ่ย์ยังคงแดงระเรื่อ
“วันนี้เราจะไปแวะที่ไหนกันดีล่ะ? ร้านชองค์พองมั้ย? ”
“แล้วแต่เธอสิ”
เหมันต์ยิ้มตอบอย่างเอ็นดูออยเฟ่ย์
“เอ้อ..วันนี้พวกนายไปกันสองคนเถอะ พอดีฉันมีธุระต้องไปทำก่อนกลับบ้านน่ะ”
คิมหันต์หักห้ามความเสียใจที่กำลังพุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง บอกกับทั้งคู่ว่าเขาจะไม่กลับบ้านด้วย
“ธุระ?”
เหมันต์ขมวดคิ้วมองน้องชายของเขาด้วยความสงสัย ช่วงหลังเขาไม่ค่อยได้คุยกับคิมหันต์มากนัก เนื่องจากงานของคณะกรรมการนักเรียนยุ่งมาก ทำให้ไม่เขาไม่มีเวลาที่จะสนใจสิ่งอื่นใด
“เหอะน่า!! ฉันก็มีธุระของฉันบ้างสิ พวกนายสองคนก็ไปด้วยกันสิ ฉันไม่อยากเป็น กขค.น่ะ”
คิมหันต์ฝืนยิ้มให้กับออยเฟ่ย์ และพยายามพูดเล่นเพื่อกลบเกลื่อนอาการของเขา และไม่ทำให้ทั้งคู่สงสัย
“บ้าเหรอ!! กขค. ที่ไหนกันเล่า!!”
ออยเฟ่ย์ปฏิเสธออกมาทันที แต่ใบหน้าของเธอกลับเป็นสีเข้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ตามใจนายละกัน อย่ากลับดึกล่ะ แม่เป็นห่วง”
เหมันต์มองหน้าน้องชายของเขาแล้วก็พอจะรู้ว่าคิมหันต์คงไม่อยากให้พวกเขาซักถามมากกว่านี้ และเตือนชายหนุ่มไม่ให้กลับบ้านเย็นมากนัก
คิมหันต์พยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ ออยเฟ่ย์จึงโบกมือลาเขาและเดินไปพร้อมกับเหมันต์ โดยมีสายตาของคิมหันต์มองตามอย่างเจ็บปวด