คิมหันต์ The Destiny

106.0K · จบแล้ว
เซเรีย
61
บท
415
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ความรักที่ขาดหายไปคือปริศนาที่รอการไข เมื่อโชคชะตาพาเขาไปพบกับเธอ ความรักจะนำพาเขาไปพบเจอกับความสุขหรือความเจ็บปวด ความรักที่ต้องเลือก ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เขาจะเลือกใคร ?

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักรักหวานๆดราม่ารักวัยรุ่นโรงแรม/มหาลัยโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นนักศึกษาคนธรรมดา

ตอนที่ 1

Pre-Chapter

“ออก...ไม่ได้ออก...ออก...ไม่ได้ออก...”

“ว้า! ทำไมได้แต่แบบเดิมล่ะ!” เด็กหญิงคนหนึ่งร้องออกมาอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะขยำดอกไม้ในมือทิ้งลงกับพื้นดิน

“อ้าว ทำแบบนั้นไม่ดีนะจ๊ะ ดอกไม้เจ็บหมด” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดุแกมเอ็นดู

“ก็หนูไม่เข้าใจว่า ทำไมมันถึงได้คำตอบแบบเดิมซ้ำๆ กันนี่คะ” เด็กหญิงบ่นพึมพำด้วยความน้อยใจ

“ก็หนูใช้ทำนายผิดเรื่องนี่จ๊ะ”

“!!”

“หึหึ ดอกเดซี่เป็นดอกไม้สำหรับเสี่ยงทายรักน่ะจ้ะ”

“เสี่ยงทายรัก??” เด็กหญิงเอียงคอมองอย่างงุนงง

“ใช่จ้ะ หนูต้องหลับตาหยิบดอกไม้ แล้วลืมตานับจำนวนดอกเดซี่ เมื่อได้จำนวนเท่าไหร่ ก็ถือว่าเป็นอายุก่อนที่จะแต่งงาน และทำนายรักโดยการเด็ดกลีบของดอกเดซี่ทีละกลีบ เพื่อให้รู้ว่าคนที่หนูชอบมีใจให้รึเปล่า”

หญิงสาวอธิบายพร้อมกับแสดงวิธีให้เด็กหญิงดูด้วย

เด็กหญิงเบิกตาโพลงกับความรู้ใหม่ ก่อนจะกลอกตาไปมาอย่างครุ่นคิด

“เอาไว้ โตขึ้นแล้วเดี๋ยวหนูก็รู้เองล่ะจ้ะ”

“แต่....”

เด็กหญิงอ้าปากจะถาม ก่อนจะมีสีหน้าบิดเบี้ยว เหยเกด้วยความเจ็บปวด เอามือกุมหน้าอก ก่อนจะคว่ำหน้าลงกับพื้นดินหมดสติไป

“ใครก็ได้ มานี่ที!!!!!”

หญิงสาวกรีดร้องขอความช่วยเหลือด้วยความตกใจ

โรงพยาบาล Saint Paul เป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงของเบรอตาญ ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของฝรั่งเศส ที่นี่จะมีผู้ที่เจ็บป่วยเข้ามารับการรักษาเป็นจำนวนมาก แพทย์และพยาบาลเป็นกันเองกับผู้ป่วย รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้มีผู้มาใช้บริการของโรงพยาบาลอย่างเนืองแน่น รวมทั้งวันนี้ก็เช่นกัน

“โฮ โฮ แม่ครับ ผมเจ็บ ฮือ ฮือ!”

เด็กชายที่หกล้มหัวเข่าแตกร้องไห้ดังลั่น ทั้งๆ ที่หมอเพิ่งเย็บแผลเสร็จโดยประมาณ 6 เข็ม แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้

“โอ๋ๆๆ อย่าร้องนะลูก เราเป็นผู้ชายนะครับ”

“มานี่สิลูก ดูเด็กผู้หญิงคนนั้นสิ เขามีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด เขายังไม่ร้องไห้แบบลูกเลยนะครับ”

แม่ของเด็กชายจูงมือเขามายังห้องไอซียูซึ่งสามารถมองเห็นจากกระจกด้านนอก

เด็กชายคนนั้นมองตามที่แม่ของเขาบอก ก็พบว่ามีเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลอ่อนนอนหลับอยู่ภายในห้องไอซียูนั้น ร่างกายของเธอมีเครื่องช่วยต่างๆ มากมายเต็มไปหมด

เด็กชายยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า เครื่องมือต่างๆ เหล่านั้นเอาไว้ทำอะไร เขาหยุดร้องไห้อัตโนมัติ และเริ่มสนใจสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเขา มากกว่าแผลที่เจ็บระบบตรงหัวเข่า

หลังจากวันนั้น แม่ของเด็กชายต้องพาเขามาที่โรงพยาบาล เกือบทุกวัน เพราะแพทย์สั่งให้มาล้างแผลทำความสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลเขาจะแวะไปเฝ้ามองเด็กผู้หญิงที่นอนหลับใหลอยู่ในห้อง ICU เสมอ และคาดหวังว่า ซักวันเธอจะตื่นขึ้นมาและสนทนากับเขาได้

วันหนึ่งขณะที่เด็กชายมาทำการล้างแผลตามปกติ เขาเดินไปยังห้อง ICU นั้น เพื่อนั่งเฝ้ามองเด็กหญิงคนนั้นตามปกติ

เมื่อไปถึงห้อง ICU เขากลับพบว่า ไม่มีร่างของเด็กผู้หญิงคนนั้นเสียแล้ว เด็กชายมองอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ เขาจึงเริ่มเดินตามหาเด็กหญิงคนนั้นตามห้องพักของคนไข้ต่างๆ

จนกระทั่งเขาเดินมาถึงห้องพักห้องหนึ่งซึ่งประตูเปิดแง้มเอาไว้ เสียงพูดคุยเล็ดลอดออกมาเขาจึงแอบมองเข้าไป เด็กสาวคนนั้นนั่นเอง กำลังพูดคุยอยู่กับแพทย์ด้วยท่าทางร่าเริง…

“พักผ่อนเยอะๆ นะ คนเก่ง”

“ค่ะ คุณหมอ”

เด็กผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าและยิ้มให้หมออย่างสดใส ทำให้หัวใจของเด็กชายรู้สึกวูบวาบไปขึ้นมากะทันหัน

แพทย์คนนั้น จ้องมองเด็กหญิงอย่างเอ็นดู ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาจากห้อง เด็กชายรีบแอบด้านข้างของประตูทันที

หลังจากที่เห็นแพทย์คนนั้นเดินห่างไปแล้ว เขาค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปในห้อง เท้าของเขาก้าวเดินเข้าไปใกล้เด็กหญิงคนนั้นราวกับโดนมนต์สะกด

ทุกวันที่เขาเคยเห็นเธอนอนหลับอยู่บนเตียงภายในห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องมือ แต่ ณ วันนี้ เวลานี้ เธอคนนั้นออกมาจากห้องนั้น และยังพูดคุยกับแพทย์ได้

“ใครน่ะ?”

เด็กหญิงถามขึ้น ขณะที่เด็กชายแปลกหน้าคนหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาหาเธอที่เตียง

“เธอเป็นใครน่ะ?”

“เอ้อ…คือ....เอ่อ..ฉันคือ…” เด็กชายตอบอย่างอึกอัก

“มีธุระอะไรกับฉันหรือ?” เด็กหญิงเอียงคอถามเขาโดยไม่รอฟังคำตอบ

“เอ้อ….ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ฉันเคยเห็นเธอนอนหลับอยู่แต่ในห้องโน้น ก็เลยแปลกใจเท่านั้นที่เธอมาอยู่ห้องนี้น่ะ”

เด็กชายตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะกัดริมฝีปากกับประโยคงี่เง่าที่ตอบออกไป

“คิกคิก ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”

“รู้แต่...เหมือนฉันนอนหลับ แล้วอยู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมา..ก็มาอยู่ตรงนี้ แล้วก็กำลังคุยกับเธออยู่นี่ไง ฮิฮิ”

เด็กหญิงส่งยิ้มทะเล้นให้เขา ใบหน้าสดใสทำให้เขาหน้าแดงใจเต้นตึกตักไม่เป็นส่ำ

“อ๊ะ! แย่ล่ะ ฉันต้องไปแล้วล่ะ แม่ฉันจะเป็นห่วงน่ะ”

“อืม” เด็กหญิงมีสีหน้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วฉันจะมาเยี่ยมเธออีกนะ”

“สัญญานะ”

เด็กหญิงฉีกยิ้มสดใส และยกนิ้วก้อยขึ้นมาเพื่อให้เด็กชายเกี่ยวก้อยสัญญากับเธอ

“สัญญาเลย”

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเด็กชายแวะเวียนไปพูดคุยกับเด็กหญิงที่โรงพยาบาลเกือบทุกวัน ทำให้เธอรู้สึกหายเหงาไปได้มาก เพราะ นอกจากคุณหมอชาร์ลตันที่แสนใจดี กับนางพยาบาลเฮเลนแสนสวยที่คอยเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษแล้ว ก็แทบจะไม่มีใครมาเยี่ยมเธอเลยสักคน แม้จะมีเวลาอยู่กับเด็กชายเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่เธอก็มีความสุข และตั้งตารอคอยเวลาที่เขาจะมาเสมอ

“ฉันชอบดอกเดซี่มากที่สุดเลย”

เด็กหญิงเอ่ยกับเด็กชายวันหนึ่งในยามสนธยา ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งมองสวนดอกไม้ภายในขอบเขตของโรงพยาบาล

“มันดูอบอุ่น อ่อนหวาน น่าทะนุถนอม และที่สำคัญยังเป็นสีขาวบริสุทธิ์ด้วยล่ะ”

เด็กหญิงยิ้มให้เด็กชายอย่างสดใสเมื่อนึกถึงดอกไม้ที่เธอชื่นชอบ เด็กชายมองรอยยิ้มของเด็กหญิงอย่างหลงใหล

“แต่ฉันคงไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นอีกแล้วมั้ง….”

เด็กหญิงมีสีหน้าสลดลง และมองไปด้านหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย ตั้งแต่เธอรู้สึกตัวขึ้นมา เธอยังไม่เคยได้รับอนุญาตให้ออกนอกรั้วของโรงพยาบาลเลย

“ถ้าฉันหามาให้เธอได้ล่ะ!”

“เธอเนี่ยนะ...” เด็กหญิงเอียงคอมองหน้าเขา

“ถ้าฉันหามาได้...เธอจะ..เอ่อ..” เด็กชายหน้าแดง

“หืม?”

“เธอจะแต่งงานกับฉันมั้ย?”

เด็กชายโพล่งออกมาทันที ใบหน้าของเขาแดงรับกับแสงแดดยามเย็น

“ได้สิ”

เด็กหญิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบพร้อมกับส่งยิ้มสดใส นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ

“สัญญานะ” เด็กชายรู้สึกดีใจอย่างมาก

“สัญญาเลย”

ทั้งสองคนเกี่ยวก้อยกัน โดยมีสักขีพยานเป็นท้องฟ้ายามเย็น และเหล่าดอกไม้ภายในสวนของโรงพยาบาลนั้น

หลังจากวันนั้น เด็กชายก็ตั้งหน้าตั้งตาค้นหาดอกเดซี่ตามร้านขายดอกไม้ใหญ่ๆ ที่อยู่ภายในเมือง ทำให้เลยเวลาที่ต้องไปเยี่ยมเด็กหญิงคนนั้น

ในที่สุดความพยายามของเขาก็ได้รับการตอบสนองโดยป้าของเขาเล่าให้แม่ของเขาฟังว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งปลูกดอก เดซี่เอาไว้แถบชานเมือง

เด็กชายรบเร้าให้แม่พาเขาไป จนแม่ของเขาทนไม่ไหวจึงยอมพาเขาไปยังสถานที่นั้น ขณะที่แม่ของเขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

“พี่สาวครับ ผมขอซื้อดอกเดซี่ 1 ดอกได้มั้ยครับ”

“เอาไปทำอะไรรึจ๊ะ”

หญิงสาวเจ้าของไร่ดอกเดซี่เอียงคอถาม

“คือ..เอ่อ..”

เด็กชายเอ่ยปากเล่าเรื่องของเด็กหญิงที่โรงพยาบาลให้เธอฟัง

“พี่ไม่ขายหรอกจ้ะ”

“แต่ว่า...”

“พี่ฝากไปเยี่ยมน้องคนนั้นด้วยนะ แล้วก็ขอให้หายป่วยไวๆ ด้วย”

หญิงสาวหยิบช่อดอกเดซี่ที่มัดรวมกันเป็นกำส่งให้เขา

“ขอบคุณมากๆ ครับ!!!”

เมื่อเขาไปถึงโรงพยาบาล เด็กชายรีบวิ่งลงจากรถและมุ่งตรงไปยังห้องที่เด็กหญิงคนนั้นพักอยู่ แต่ทว่าเมื่อไปถึงห้อง เขาก็พบว่ามีผู้คนมากมายกำลังตะโกนโหวกเหวก รวมทั้งแพทย์และพยาบาลที่ยืนอยู่ภายในห้อง ก็มีอาการร้อนรนและตื่นตระหนกมาก เขาหยุดมองอย่างงุนงง ก่อนจะพยามแทรกตัวผ่านผู้คนเหล่านั้นเพื่อไปให้ถึงตัวของเด็กหญิง

แต่แล้วเขาก็พบว่าเด็กหญิงคนนั้น นอนอยู่บนเตียงด้วยหน้าตาซีดเซียว ใบหน้าสดสวยของเธอมีฝาครอบไว้ตรงปาก และกำลังอาการหายใจหอบค่อนข้างแรง

“เตรียมรถเข็น! เอาเข้าห้องฉุกเฉิน!”

เสียงของหมอตะโกนเรียกบุรุษพยาบาลดังลั่น พยาบาลตรงเข้ารุมล้อมเด็กหญิงอย่างรวดเร็ว เพื่อพาเธอจากห้องพักแห่งนี้

เด็กชายมองอาการของผู้ใหญ่อย่างไม่เข้าใจ แต่เขาสังหรณ์ใจว่าหากเขาไม่เข้าไปหาเด็กหญิงตอนนี้ เขาคงไม่มีโอกาสได้พบกับเธออีกแล้ว

“นี่! ฉันเอาดอกไม้มาให้เธอแล้วนะ!” เด็กชายร้องตะโกนเสียงดัง และฝ่าผู้คนเข้าไปยืนชิดเตียงของเด็กหญิงคนนั้น

“ดูนี่สิ! ดอกเดซี่ยังไงเล่า! ดอกไม้ที่เธอชอบน่ะ!”

เด็กชายยื่นดอกเดซี่สีขาวบริสุทธิ์ที่มัดรวมกันไว้เป็นกำให้เธอ

“อา….”

เด็กหญิงพยายามเปล่งเสียงพูดออกมาและยื่นมือมารับดอกไม้จากเด็กชาย แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสวยได้รูป น้ำตาของเธอรื้นขึ้นมาคลอเต็มดวงตาคู่งามของเธอ

“เธอต้องหายดีนะ! แล้วแต่งงานกับฉันตามสัญญาไง”

เด็กชายละล่ำละลักบอกเด็กหญิงและคว้ามือของเธอเอาไว้อย่างกลัวว่าจะไม่ได้พบกับเธออีก

แววตาของเด็กหญิงดีใจที่ได้เห็นเขามาหาเธอ เด็กหญิงจึงเอามืออีกข้างยกขึ้นอย่างสุดแรง และดึงฝาครอบที่ปากของเธอออก

“ขอบ..คุณ..นะ…. แค่ก แค่ก…”

เด็กหญิงพยายามที่จะพูดกับเด็กชายให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องหอบเนื่องจากหายใจไม่ทัน

“เร็วเข้า!!”

เสียงคำสั่งของหมอดังขึ้นกะทันหัน เมื่อเห็นอาการของเด็กหญิงเริ่มแย่ลงมากกว่าเดิม

“ขอโทษทีนะหนู”

พยาบาลบอกเด็กชายพร้อมกับพยายามนำตัวเด็กชายให้ออกห่างจากเด็กหญิงให้มากที่สุด เพื่อพวกเธอจะได้นำเด็กหญิงเข้าห้องฉุกเฉิน

เด็กชายพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการจับกุมของพยาบาล พร้อมกับนึกขึ้นบางอย่างขึ้นได้

“ฉันชื่อ คิม! แล้วเธอล่ะ!” เด็กชายร้องตะโกนถามสุดเสียง

“………….ร่า”

เด็กหญิงพยายามเปล่งเสียงบอกชื่อของเธอ แต่ทว่าเสียงของแพทย์และพยาบาลดังจนกลบเสียงที่แสนจะเบาของเธอ

เด็กชายได้แต่ยืนมองเด็กหญิงถูกแพทย์และบุรุษพยาบาลช่วยกันเข็นเตียงที่เธอนอนอยู่ตรงเข้าห้องฉุกเฉินจนลับสายตา