ตอนที่ 2
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่บนเตียงผ้าปูที่นอนสีฟ้าอมน้ำทะเล นอนลืมตาปริบๆ มองเพดาน ภายในหัวของเขากำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับความฝันที่เพิ่งเห็นไปเมื่อครู่อย่างเคร่งเครียด
อา…นานแล้วสินะ ที่เราไม่ได้ฝันแบบนี้ ชายหนุ่มคิด
ป่านนี้ เด็กหญิงคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ ?จะหายดี ?หรือว่า ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้วกันแน่นะ ?
ชายหนุ่มพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง และลุกจากเตียงเดินไปยังหน้าต่างซึ่งมีแสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามาภายในห้องเพื่อเปิดม่าน พร้อมกับเปิดบานหน้าต่างออกไป และสูดกลิ่นอากาศยามเช้าอย่างสดชื่น เพื่อไล่ความคิดที่อยู่ภายในหัวของเขาออกไปให้หมด
เขามองทิวทัศน์จากหน้าต่างบนห้องของเขา ซึ่งบ้านที่เขาอาศัยอยู่นั้นสามารถมองเห็นชายฝั่งที่เว้าแหว่งยื่นออกไปในทะเลได้อย่างชัดเจน สายลมพัดโชยเอื่อยๆ อย่างเย็นสบาย
ชายหนุ่มบิดไล่ความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อวานเขาได้ลงแข่งขันบาสเกตบอลให้กับทางโรงเรียน และทำให้ทีมของโรงเรียนเขาได้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
ก๊อก ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นด้านหน้าห้องของชายหนุ่ม ทำให้เขาหันไปมองอย่างแปลกใจ
“คุณชายครับ ได้เวลาที่จะต้องไปโรงเรียนแล้วนะขอรับ” เสียงเรียกของพ่อบ้านดังขึ้นหน้าห้องของชายหนุ่ม ทำให้เขาเหลือบมองไปที่นาฬิกาสีน้ำเงินรูปทรงสามเหลี่ยมพีระมิดที่อยู่ภายในห้องเพื่อดูเวลา
“เฮ้ย! 8 โมงแล้ว!!”
ชายหนุ่มตาเหลือก ร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลา 7.40 น.
เขารีบอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหากไปถึงโรงเรียนสายจะโดนทำโทษให้ยืนอยู่หน้าโรงเรียนประมาณ 10 นาที จนกว่าชั่วโมงโฮมรูมจะหมด เขาเคยไปโรงเรียนสายครั้งหนึ่ง
ตอนโดนทำโทษทำให้รู้สึกอายสายตาของนักเรียนอื่นๆ ที่จ้องมองเขา แม้ว่าคนที่ไปสายจะไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวก็ตาม
ตึง ตึง ตึง!!!
ชายหนุ่มก้าวกระโดดลงจากชั้นบนอย่างว่องไว ชายเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยยังไม่ได้ใส่เข้าไปในกางเกงให้เรียบร้อย มือข้างนึงพาดเสื้อคลุมตัวนอกและสะพายเป้ไว้บนบ่า
“คิม ไม่ทานข้าวเช้ารึลูก”
เสียงเรียกที่ใจดีของหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องทานอาหารยามเช้าดังขึ้น ขณะที่ชายหนุ่มวิ่งผ่านหน้าห้องไป ทำให้เขาหยุดชะงักและย้อนกลับมาชะโงกหน้าเข้าไปในห้องอาหาร
“ไม่ทันแล้วครับแม่”
ชายหนุ่มนามว่า “คิม” ตอบคำถามของหญิงสาวคนนั้น และตั้งท่าจะเดินจากไป
“เดี๋ยวสิจ๊ะ”
หญิงสาวรีบลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร และเดินไปหยิบขนมปังแซนวิชที่เธอทำเอาไว้ตอนเช้าใส่ถุง และเดินไปยื่นส่งให้กับชายหนุ่ม
“งั้นเอานี่ไปทานที่โรงเรียน ไม่งั้นเดี๋ยวลูกจะเป็นโรคกระเพาะนะ”
“ขอบคุณครับแม่”
ชายหนุ่มรับขนมปังแซนวิชมาไว้ในมือ ในขณะที่แม่ของเขาเอื้อมมือมาจัดชายเสื้อใส่เข้าในกางเกงให้อย่างเรียบร้อย
“ผมไปก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มบอกแม่ของเขาพร้อมกับยื่นหน้าไปหอมแก้มแม่ของเขา 1 ฟอด และรีบเดินตรงไปยังประตูหน้าบ้านทันที
“เดินทางระวังๆ นะลูก”
“นี่คุณ! เป็นห่วงเจ้าคิมมันมากไปรึเปล่า? ยังไงเวลามันไปโรงเรียนน่ะ คนขับรถก็ไปส่งมันอยู่แล้วนี่”
เสียงหงุดหงิดของชายวัยกลางคนดังขึ้นด้านหลังของหญิงสาว ทำให้เธอหันไปมองเขา
“ก็ฉันเป็นห่วงลูก ผิดตรงไหนกันคะ?”
“เฮอะ! จะห่วงอะไรมันหนักหนา ทีพี่ชายมัน ไม่เห็นคุณจะห่วงมากขนาดนี้เลย”
“ก็เพราะว่าตาเหมมีคุณคอยเป็นห่วงเป็นใยเขาออกนอกหน้าอยู่แล้วนี่คะ มาร์คัส”
หญิงสาวพูดจายอกย้อนกลับใส่ชายวัยกลางคนอย่างไม่แยแสสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา
“เฮ้อ…ผมต้องบอกคุณกี่ครั้งนะ ว่าเจ้าเหมน่ะมันเป็นพี่คนโต ผมหวังจะให้มันมาสืบทอดธุรกิจของผมในอนาคตน่ะ”
มาร์คัสถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายที่ภรรยาของเขาชอบประชดประชันเรื่องที่เขาเอาอกเอาใจลูกชายคนโตมากกว่าลูกชายคนเล็ก
“เพราะแบบนั้นสิคะ ฉันถึงต้องเป็นคนที่คอยห่วงใยคิมแทนพ่อของเขาที่มัวแต่ห่วงพี่ชายเขาน่ะ”
หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของมาร์คัสย้อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ทำให้มาร์คัสอึ้งไปถนัดใจก่อนจะหยุดการสนทนา เพราะรู้ดีว่าหากพูดต่อไปคงไม่พ้นการทะเลาะกันเป็นแน่
คิม ชายหนุ่มที่กำลังถูกพูดถึงกำลังนั่งคิดถึงเรื่องความฝันของเขาเมื่อเช้าอยู่ภายในรถเบนซ์ราคาแพง ในระหว่างทางที่ไปโรงเรียน Saint Helena โรงเรียนคริสต์ชื่อดังของเมืองเบรอตาญแห่งนี้
เขาพยายามเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ในวัยเด็กของเขา จนบัดนี้เขายังไม่สามารถที่จะจดจำชื่อของเด็กหญิงคนนั้นได้เลย เนื่องจากเหตุการณ์ในวันนั้นชุลมุนวุ่นวายมาก และหลังจากวันนั้นสองวัน เขาได้ไปที่โรงพยาบาลแห่งนั้นอีกครั้ง ก็ไม่พบกับเด็กหญิงคนนั้นเสียแล้ว เมื่อสอบถามแพทย์ที่นั่นก็ได้รับคำตอบว่าเธอได้ถูกย้ายไปที่อื่นแล้ว ทำให้เขาไม่ได้พบกับเธออีกเลย
เมื่อตอนที่คิมเข้าเรียนชั้นปี 1 ของโรงเรียน Saint Helena นี้ เขาเคยได้ยินชื่อของเด็กผู้หญิงที่ลงท้ายเสียงด้วย “ร่า” แต่เมื่อเขาไปพบกับเด็กผู้หญิงคนนั้น กลับเป็นคนอื่นไม่ใช่เด็กหญิงในความทรงจำ ซึ่งทำให้เขาผิดหวังมาก
ชายหนุ่มพยายามค้นหาเด็กหญิงคนนั้นอยู่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม แต่ก็พบกับความผิดหวัง จนกระทั่งมีเรื่องต่าง ๆ มากมายเข้ามาในชีวิต ทำให้เขาเริ่มลืมเลือนเด็กหญิงคนนั้นไป จวบจนเมื่อเช้าที่เขาได้ฝันถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเด็กอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ และเริ่มคิดถึงเด็กหญิงคนนั้นอีกครั้ง
“คุณชายครับ ถึงแล้วครับ”
เสียงของลุงคนขับรถเรียกเตือนสติของชายหนุ่มที่กำลังเหม่อลอย นาฬิกาที่ข้อมือของเขาแสดงเวลา 7.55 น.
“ขอบคุณมากนะครับ ลุง”
คิมหันต์ยิ้มให้ลุงขับรถนิดหนึ่ง ก่อนจะลงจากรถเบนซ์และเดินผ่านประตูเข้าสู่โรงเรียน Saint Helena
“คิม”
เสียงเรียกอันไพเราะอ่อนหวานที่คุ้นเคยของหญิงสาวคนหนึ่ง ทำให้คิมหันต์ใจเต้นนึกตัก ก่อนจะหันไปมองเพราะเขาจำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของใคร
“อรุณสวัสดิ์ ออยเฟ่ย์”
“อรุณสวัสดิ์จ้า”
ออยเฟ่ย์ฉีกยิ้มส่งให้กับคิมอย่างร่าเริง ผมยาวหยักศกสีทองที่รวบขึ้นไว้บนศีรษะของเธอส่องประกายรับกับแสงแดดยามเช้าทำให้ดูสวยน่ารักสมกับเป็นดาวของโรงเรียน
“วันนี้มาเกือบสายเลยนะ”
“อืม..พอดีฉันตื่นสายน่ะ”
คิมหันต์ตอบออยเฟ่ย์เสียงเรียบๆ สายตาจับจ้องที่ดวงหน้าอันงดงามของเธอ
“มัวแต่ฝันถึงฉันอยู่ล่ะสิ”
ออยเฟ่ย์แกล้งพูดและยิ้มล้อเลียนคิมหันต์อย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มนิ่งอึ้งกับคำพูดล้อเล่นของหญิงสาว ช่างไม่รู้เอาเสียเลยว่าแทงใจดำคนอื่นไม่น้อย
“เหม”
ออยเฟ่ย์ร้องออกมา เมื่อมองเห็นเหมันต์กำลังยืนคุยกับอาจารย์มิเชลอยู่ตรงทางเดินระเบียงตึก A นัยน์ตาเป็นประกายดีใจ นั่นทำให้ชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างมีสีหน้าเงียบขรึมลงทันที
เหมันต์ พี่ชายแท้ๆ ของคิมหันต์ ทั้งคู่อายุห่างกันเพียง 1 ปี หากแต่ความสามารถ รวมไปถึงอุปนิสัยของทั้งคู่นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหมันต์นั้นเรียนเก่ง พูดจาสุภาพ เป็นที่ชื่นชมของอาจารย์รวมทั้งพ่อของเขาด้วย
ส่วนคิมหันต์นั้นการเรียนปานกลาง พูดน้อย เป็นคนค่อนข้างเงียบขรึม แต่ด้านกีฬานั้นเป็นเลิศ เขาสามารถพาให้ทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนชนะเลิศติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แล้ว
แต่สิ่งที่ทั้งคู่เหมือนกันก็คือ ความหล่อของทั้งคู่นั้นไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อย ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ เกือบทั้งโรงเรียน และมีการตั้งแฟนคลับให้ด้วย
หากแต่เหมันต์นั้นดูเหมือนจะได้รับความนิยมชมชอบมากกว่าคิมหันต์ เพราะความมีมนุษยสัมพันธ์ของเหมันต์นั้นดีกว่าคิมหันต์มากนัก
“โอเค เหมันต์ ครูจะลองพิจารณาเรื่องที่เธอขอมา เธอก็ทำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนักเรียนพรุ่งนี้ด้วยละกัน”
“ครับอาจารย์”
เหมันต์โค้งตัวทำความเคารพอาจารย์มิเชล ก่อนที่อาจารย์จะเดินเข้าห้องพักครูไป
“เหม!”
“อ้าว ออยเฟ่ย์ คิม?”
เหมันต์หันมาทักหญิงสาวก่อนจะเลิกคิ้วมองชายหนุ่มอีกคนที่เดินเคียงคู่กับออยเฟ่ย์มาด้วยความแปลกใจ
“คุยอะไรกับอาจารย์มิเชลหรือ?”
“เรื่องงานน่ะ”
เหมันต์ตอบหญิงสาวสั้นๆ ไม่บอกรายละเอียดอะไรมากกว่านั้น ทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความอยากรู้
-------------ออด ออด ------------
เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น และบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นเวลาที่ทุกคนต้องตรงเข้าห้องเรียนเพื่อโฮมรูมตอนเช้า
“เข้าเรียนกันได้แล้ว”
“จ้า! คุณประธานนักเรียน”
“คิม งั้นเราไปก่อนนะ”
ออยเฟ่ย์บอกลา โดยคิมหันต์พยักหน้าให้เธอเล็กน้อย และได้แต่ยืนมองตามหญิงสาวที่คล้องแขนพี่ชายของเขา กึ่งลากกึ่งจูงให้เดินไปยังห้องเรียนด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ