ตอนที่ 6
ณ ร้านอาหารริมชายฝั่งทะเลสไตล์ไฟน์ ไดน์นิ่ง (Fine Dining) ภายนอกของร้านตกแต่งด้วยกระจกใสตลอดรอบ ๆ ตัวร้านอาหาร ทำให้คนที่นั่งทานอาหารอยู่ภายในร้าน สามารถที่จะมองเห็นคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งได้อย่างชัดเจนไม่แพ้ด้านนอกร้านอาหาร
เมนูแซลมอล ครีเอ็ท (Rillettes) เป็นเมนูที่ขึ้นชื่อของร้าน ซึ่งทำจากเนื้อปลาแซลมอนรมควัน รสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังกรอบ แครกเกอร์และมันฝรั่ง เป็นเมนูสำหรับเรียกน้ำย่อยได้อย่างเหมาะสม
ไม่เพียงเท่านั้น อาหารของร้านแห่งนี้ ขึ้นชื่อลือชามานาน ไม่ว่าจะเป็นหมูบดปรุงรสพิเศษ ไก่เนื้อแน่น แอ๊ปเปิ้ลกรอบอร่อย ปลาน้ำจืดเนื้อนุ่ม และเนื้อลูกวัวอ่อน ซึ่งเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อและอร่อยมาก
ครอบครัวของเซร่าจึงพากันมารับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารแห่งนี้ โดยมีฮิเดกิเป็นแขกร่วมโต๊ะด้วย
“โอ้โห!! น่าทานทั้งนั้นเลยค่ะคุณพ่อ”
เซร่าร้องออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะเธอไม่เคยเห็นปลาน้ำจืดที่ตัวโตขนาดนี้มาประกอบอาหาร รวมไปถึงเนื้อลูกวัวอ่อนที่ทางร้านได้ทำเป็นเมนูพิเศษมาเสิร์ฟให้กับหญิงสาวโดยเฉพาะ หลังจากทราบว่าเซร่าเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านทูตญี่ปุ่น
“นี่ๆ เก็บอาการหน่อยก็ดีนะ”
ฮิเดกิแอบกระซิบบอกเซร่าเบา ๆ เพราะว่าคนที่นั่งอยู่รอบๆ โต๊ะของพวกเขาเริ่มหันมามอง และซุบซิบหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“แหม.. ก็ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้นี่นา”
เซร่าย่นจมูกเบ้ปากใส่ฮิเดกิ ส่งผลให้พ่อกับแม่ของเธอหัวเราะออกมาอย่างตลกขบขันที่สองคนมักต่อล้อต่อเถียงกันเป็นประจำ
“ทานให้เยอะๆ เลยนะลูก”
“คิก คิก ไม่บอกหนูก็ทานเต็มที่อยู่แล้วล่ะค่ะ”
มิยาเกะ ทาคาดะ หันไปอมยิ้มกับภรรยาของเขาอย่างเอ็นดูที่ลูกสาวของพวกเขาทำตัวเหมือนเด็กได้ของเล่นที่ถูกใจ
แม้สายตาของมิเชลจะแสดงอาการเป็นห่วงเซร่า แต่เธอก็ไม่พูดอะไรออกมาให้เซร่าต้องเสียใจ
มิเชลได้แต่คิดว่า หากนี่เป็นสิ่งที่ลูกของเธอต้องการ ก็ขอให้พระเจ้าคุ้มครองลูกสาวของเธอด้วย
คิมหันต์เดินทอดน่องเอื่อยๆ ไปตามสะพานข้ามแม่น้ำลัวร์ และหยุดยืนอยู่กลางสะพาน ใช้สายตาเหม่อมองไปยังอุทยานพันธุ์ไม้และสวนสวยที่อยู่ตรงด้านหน้าของสะพานแห่งนี้
ความคิดของคิมหันต์กำลังล่องลอยไปไกลเสียจนไม่ได้สังเกตคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมา เพราะขณะนี้ความคิดของเขากำลังว้าวุ่นและสับสนเรื่องของออยเฟ่ย์ ชายหนุ่มพยายามที่จะไม่คิดถึงออยเฟ่ย์กับเหมันต์ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เลยซักครั้ง
อา....ถ้าเหมันต์ไม่แนะนำให้รู้จักกับออยเฟ่ย์ก็คงดี!!!
ถ้าหากไม่มีเหมันต์ซักคน ออยเฟ่ย์ก็คงจะมองเห็นเขาบ้าง!!!
นี่เราคิดอะไรบ้าๆ แบบนี้นะ!!!!!!!!!
เสียงภายในใจของคิมหันต์กำลังตะโกนแข่งกันอย่างสับสน ชายหนุ่มซบหน้าลงกับราวสะพานอย่างเหนื่อยอ่อน เหนื่อยกายยังไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก
คิมหันต์มองลงไปยังด้านล่างของแม่น้ำลัวร์ น้ำในแม่น้ำนั้นลึกเสียจนไม่สามารถจะมองเห็นถึงก้นบึ้งของแม่น้ำได้ เขาชะโงกหน้าออกไปจากราวสะพานมากยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“อย่านะ!!!!!!!!!!!!!”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนร้องห้ามเสียงดัง ทำให้หันมามอง และเกิดพลาดพลั้ง มือที่ท้าวไว้บนราวสะพานเกิดเสียหลัก
หญิงสาวคนนั้นเอามือข้างหนึ่งคว้าชายเสื้อของคิมหันต์เอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับเป้ที่สะพายด้านหลังของชายหนุ่มและออกแรงดึงเขากลับเข้ามาอย่างแรง ทำให้ทั้งคิมหันต์และหญิงสาวคนนั้นเสียหลัก หงายหลังล้มลงไปนั่งอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำลัวร์ทั้งคู่
คิมหันต์รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่หัวเข่าด้านซ้ายของเขา ชายหนุ่มรู้สึกว่าเข่าของเขาคงแตกอย่างแน่นอน
เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว เพื่อจะต่อว่าที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
แต่เมื่อสายตาของเขาประสานกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนของหญิงสาวคนนั้น กลับทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย
“นี่คุณ!! จะบ้ารึยังไง!! นึกยังไงถึงได้คิดสั้นจะโดดน้ำตายกันห๊า!!”
หญิงสาวตรงหน้าเขาลุกขึ้นยืน และปัดเสื้อผ้าของเธอให้เข้าที่อย่างเรียบร้อยตะโกนว่าเขาอย่างกราดเกรี้ยว
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองก่อนจะค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับหญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อน เขาใช้สายตาสำรวจการแต่งกายของเธอ
ชุดแซคกระโปรงสั้นสีฟ้าเข้ารูปแบบนี้
ไม่น่าจะเป็นคนแถวนี้ และมาเดินอยู่แถวนี้ได้
“นี่คุณ!! ฟังที่ฉันพูดรึเปล่า? เกิดคุณฆ่าตัวตาย แล้วพ่อแม่ของคุณล่ะ ท่านไม่เสียใจแย่รึ? ”
“ชีวิตคนเราน่ะ มันยังมีอะไรอีกตั้งเยอะ อยู่ดีๆ จะมาคิดสั้นทำไมกัน คนบางคนอยากมีชีวิตยืนยาวยังทำไม่ได้เลย แล้วนี่อะไรกัน คุณดันจะเอาชีวิตมาทิ้งซะนี่”
หญิงสาวตรงหน้าของคิมหันต์ท้าวสะเอวคาดคั้นเขาอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองเธออย่างรำคาญใจ
หญิงสาวคนนั้นยังคงพล่ามบ่นอย่างไม่ยอมหยุด ส่วนเข่าด้านซ้ายของเขาก็รู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
“ใครบอกคุณ ว่าผมจะฆ่าตัวตาย?”
“ก็....ฉันเห็นคุณ......ยื่นหน้าออกไปจากสะพานนี่นา....... ฉันก็เลยนึกว่า......”
หญิงสาวกลอกตาไปมามองหน้าคิมหันต์และทบทวนภาพที่เธอเห็นเมื่อซักครู่
“นี่ล่ะนะ พวกผู้หญิง ชอบตีตนไปก่อนไข้ วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง”
“ผมไม่ได้จะฆ่าตัวตาย กรุณาเข้าใจซะด้วย”
“แล้วที่สำคัญถึงผมจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ”
คิมหันต์บอกหญิงสาวตรงหน้าเสียงเข้ม ทำให้เธอคนนั้นหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด
“เฮอะ!! ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับคุณนักหรอก เพียงแต่ฉันกลัวว่า หากคุณคิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยการโดดลงไปในแม่น้ำ มันจะทำให้ปลาที่อยู่ในน้ำต้องเน่าตายตามศพของคุณไปด้วยต่างหาก”
หญิงสาวคนนั้นเถียงกลับใส่คิมหันต์ด้วยความฉุนเฉียว สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจ แต่สีหน้าของชายหนุ่มกลับนิ่งเฉยปนเอือมระอา
“เชอะ!!! ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว เสียเวลาเปล่าๆ !!”
หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดหันหลังเดินไปจากตรงนั้นทันที
คิมหันต์มองตามร่างสมส่วนของหญิงสาวคนนั้นด้วยความแปลกใจ เขาควรจะเป็นฝ่ายโกรธมากกว่าที่เธอจะมาโกรธหรือโมโหใส่เขาซะอีก
คิมหันต์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะก้มลงมองที่หัวเข่าของเขา ซึ่งเป็นแผลแตกและมีเลือดไหลออกมาเต็มหัวเข่า
อา...เลือดไหลออกมาซิบๆ เลยแฮะ........
วันนี้มันวันอะไรกันนะ.........ซวยซ้ำซวยซ้อนอยู่ได้
คิมหันต์ครุ่นคิดอยู่ในใจ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ที่หล่นอยู่ด้านข้างตัวของเขาสะพายขึ้นบ่า และออกเดินจากสะพานข้ามแม่น้ำลัวร์ เพื่อตรงกลับบ้าน โดยไม่สังเกตเห็นริบบิ้นสีฟ้าน้ำทะเลที่ติดอยู่กับด้านหน้าของกระเป๋าเป้เขาเลยซักนิดเดียว
เซร่าเดินตรงกลับไปยังร้านอาหารอย่างฉุนเฉียว หน้าตาบูดบึ้ง เธอรู้สึกโมโหกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างมาก
“อ้าว! เซร่า ทำไมรีบกลับมาเร็วจังล่ะจ๊ะ? ไหนบอกจะไปเดินเล่นตรงแถวสะพานข้ามแม่น้ำลัวร์ไง?”
มิเชลแม่ของเซร่าทักเธออย่างแปลกใจ เมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวของเธอเดินกลับมาจากการเดินเล่นด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
“ไปมาแล้วค่ะ แต่เจออีตาบ้องตื้นที่ไหนก็ไม่รู้ ช่างน่าโมโหเสียจริง!!”
“เอ๊....ใครกันนะ ที่ทำให้ลูกของพ่ออารมณ์เสียได้น่ะ?”
“ใครก็ไม่รู้ค่ะ หนูไม่อยากจะสนใจหรอก ก็แค่คนบ้า บ้องตื้นคนนึงเท่านั้นล่ะค่ะ”
เซร่าพูดออกมาเป็นชุดอย่างใส่อารมณ์ ทำให้ฮิเดกิมองเธออย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่เด็กมาเขาไม่เคยเห็นเซร่ามีอาการโกรธหรือโมโหใครมากมายขนาดนี้มาก่อน
“เอาเถอะๆ อย่าไปสนใจเลยนะลูก พ่อว่าเรากลับบ้าน แล้วให้ลูกน่ะ เตรียมตัวเตรียมของให้พร้อมสำหรับการไปเรียนพรุ่งนี้ดีกว่ามั้ย? ”
“ดีค่ะ!”
เซร่าเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน ทันทีที่ได้ยินคำว่า ไปเรียนพรุ่งนี้ ดวงตาเป็นประกายดีใจอยากให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ
แสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้าไปในห้องนอนที่ฝาผนังเป็นพื้นโทนสีฟ้า ทำให้ภายในห้องดูสว่างมากกว่าเวลากลางคืน
คิมหันต์กำลังยืนแต่งตัวอยู่ด้านหน้าของกระจกตู้เสื้อผ้า เนื่องจากวันนี้ชายหนุ่มตื่นเช้าเป็นพิเศษทำให้เขามีเวลามากพอที่จะจัดการธุระส่วนตัวของเขา
คิมหันต์มองสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย และหันหลังกลับเพื่อเดินไปหยิบเป้สะพาย ขณะที่ก้าวไปหยิบเป้นั้น คิมหันต์รู้สึกเจ็บระบมและตึงที่หัวเข่าด้านซ้าย ทำให้หยุดชะงักเท้าที่ก้าวเดิน และเปลี่ยนเป็นค่อยๆ ก้าวอย่างช้าๆ แทน
โอย….วันนี้จะซ้อมบาสได้รึเปล่าล่ะเนี่ย
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้น เราคงไม่เจ็บตัวแบบนี้หรอก
คิมหันต์คิดอย่างหงุดหงิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เพราะหลังจากที่เขากลับถึงบ้านด้วยเลือดที่อาบเต็มหัวเข่า แม่ของเขาตกใจมาก พร้อมกับวิ่งหายาเพื่อมาทำแผลให้กับชายหนุ่มอย่างวุ่นวาย
พ่อของเขาพูดจาเหน็บแนม หาว่าเขาใจเสาะกับแผลเล็กๆ แค่นี้ และแน่นอน แม่ของคิมหันต์ก็ออกมาปกป้องเขาอย่างเต็มที่ ทำให้พ่อกับแม่ของเขาทะเลาะกันในเรื่องเดิมๆ โดยมีคิมหันต์ยืนฟังอย่างน้อยใจในพ่อของเขาที่เข้าข้างเหมันต์มากจนไม่ใส่ใจเขาเลยแม้แต่น้อย
ทำไมใครๆ ถึงเห็นเหมันต์ดีกว่าเรานะ!!!!!!!
เรามีอะไรที่สู้เหมันต์ไม่ได้งั้นรึ ???
แม้การเรียนเราจะไม่เก่งเท่าเหมันต์ แต่เรื่องอื่นเราก็ไม่ด้อยกว่าเลย
แล้วทำไมใครๆ ถึงได้ชอบและเอาอกเอาใจเหมันต์มากกว่าเราอยู่ได้นะ!!!!!!!
รวมทั้งออยเฟ่ย์ด้วย….ในสายตาของเธอมีแต่เหมันต์…….
คิมหันต์คิดเรื่องต่างๆ อยู่ภายในใจอย่างพลุ่งพล่าน แม้ตอนเด็กๆ เขากับเหมันต์จะสนิทกันเหมือนพี่น้องธรรมดาทั่วไป
แต่เมื่อโตขึ้นมา เหมันต์นั้นกลับเรียนเก่งกว่า สอบได้ที่ 1 ของโรงเรียนเป็นประจำ และได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานนักเรียนตั้งแต่อยู่ประถม
ส่วนคิมหันต์นั้น การเรียนปานกลางไม่เก่งอะไรมากมายนัก แต่เขาก็ได้เป็นตัวจริงของทีมกีฬาบาสเกตบอลโรงเรียนมาตั้งแต่ประถมแล้วเช่นกัน
แต่พ่อของเขากลับเอาใจใส่เหมันต์มากกว่าเขา โดยให้เหตุผลว่าเหมันต์เป็นพี่ชายคนโตจึงต้องเรียนรู้ทุกอย่างให้เก่งๆ เพื่อมาสืบทอดบริหารกิจการส่งออกไวน์ของพ่อเขา
คิมหันต์คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเหลือบดูเวลาที่นาฬิกาของเขาก็พบว่าเป็นเวลา 7.30 น. แล้ว
ชายหนุ่มหยิบหนังสือเรียน และสะพายเป้ขึ้นที่บ่าเพื่อไปเรียนพลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นริบบิ้นสีฟ้าน้ำทะเลที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของเขาตั้งแต่เมื่อคืน
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจตั้งแต่เมื่อคืนว่า เป็นของใคร แล้วทำไมถึงติดมาอยู่กับเขาได้
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับริบบิ้นอันนี้มากนัก เขาจึงเดินออกจากห้องเพื่อลงไปขึ้นรถที่ต้องไปส่งเขาไปโรงเรียนเป็นประจำทุกวันอย่างเร่งรีบ