โชคชะตา
เมื่อป้ากบเดินลงมาจากบนเรือน ทำให้หญิงวัยกลางคนถึงกับแปลกใจ ที่เห็นคุณนายจันทร์ฉายเอาแต่อ่านจดหมายฉบับนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณท่าน”
“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า เจ้ามารุตจะเป็นคนแบบนี้ สงสารก็แต่หนูตะวัน ที่มีพ่อติดเหล้าเข้าบ่อนเสียจนไม่เหลืออะไร” หญิงสูงวัยนึกถึงคราที่มารุตตกหลุมรักดาวเรือง เขาทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เธอมาเป็นภรรยา แต่พออยู่กินกันไปได้ไม่นาน ผีพนันก็เข้าสิงเสียจนต้องขายบ้านขายรถ ขายทุกอย่างทิ้งหมด จนไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
“คงเป็นเพราะกรรมเก่ามั้งคะคุณท่าน”
“แต่ฉันว่ามันเกิดจากนิสัยไม่รักดีของเจ้ามารุตมากกว่า มีลูกสาวที่น่ารักและภรรยาออกจะแสนดี แต่เขากลับทำให้ครอบครัวแตกสาแหรกขาด น่าอนาถใจเหลือเกิน”
“ไม่รู้ป่านนี้คุณดาวเรืองจะเป็นยังไงบ้างนะคะ”
“แม่ดาวเรืองเป็นคนพูดจาอ่อนน้อมถ่อมตน แต่จิตใจของเธอเข้มแข็งยิ่งกว่าภูผา ฉันกลัวว่าครั้งนี้มันจะเป็นฟางเส้นสุดท้าย”
“ฟางเส้นสุดท้ายเหรอคะ หมายความว่า...”
“ใช่แล้วแม่กบ เพราะความอดทนของลูกผู้หญิงอย่างเรา มีขีดจำกัดเช่นกัน พอเจอกับแรงกดดันที่มันถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า ซ้ำยังโดนทำร้ายบ่อยครั้ง ต่อให้รักแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยมือ”
หญิงสูงวัยรู้ดีว่าดาวเรืองกำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตอย่างหนักหน่วง เพราะเท่าทีฟังเรื่องราวมาทั้งหมดนั้น ทำเอาคุณนายจันทร์ฉายถึงกับพูดไม่ออก มันจุกอกไปหมด สงสารทานตะวันกับมารดาของเธอจับใ
“หลายปีที่ทนมาได้ คงสุดแล้วจริง ๆ คุณดาวเรืองจึงตัดสินใจฝากแก้วตาดวงใจของเธอไว้กับคุณท่าน”
“ฉันละสมเพชเวทนาชีวิตของหนูตะวันเหลือเกิน ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเจอกับอะไรบ้าง” หญิงสูงวัยพูดพลางถอนหายใจออกมาด้วยความรูสึกประหนึ่งกำลังเผชิญปัญหานี้เอง เพราะถึงยังไงนางก็รักทานตะวันประหนึ่งหลาวสาวแท้ ๆ แม้จะเป็นญาติห่าง ๆ ก็เถอะ แต่ความรักความผูกพันมันยาวนานเกินกว่าจะทอดทิ้ง ให้หญิงสาวต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายได้
“คุณท่านค่ะ มีอีกเรื่องที่ดิฉันหวั่นใจ กลัวว่าคุณหนูตะวันจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เพราะถูกกดดันให้ย้ายออกไป” ป้ากบแสดงสีหน้ากังวลออกมา แววตาของนางแฝงไปด้วยความรู้สึกห่วงใยหญิงสาวออกมาอย่างชัดเจน
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมหนูตะวันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ในเมื่อฉันคือเจ้าของบ้านจันทร์ฉาย”
“ก็คุณน้ำเหนือน่ะสิค่ะ ดิฉันกลัวเหลือเกินค่ะ กลัวคุณน้ำเหนือจะแกล้งคุณหนูตะวันเหมือนตอนเธอเป็นเด็ก”
“แต่ตอนนี้หนูตะวันของฉันเป็นสาวแล้ว แถมยังน่ารักมองมุมไหนก็สวยมีเสน่ห์ กิริยามารยาทงามยิ่งกว่าลูกหลานตระกูลผู้ดีบางคนเสียอีก” คุณนายจันทร์ฉายยังคงรักและเอ็นดูทานตะวันไม่ต่างจากหลานสาวแท้ ๆ
“ดิฉันก็หวังว่าคุณน้ำเหนือคงไม่วีนใส่คุณหนูตะวันฉ่ำ ๆ หรอกนะคะ”
“ไม่หรอก เพราะฉันรู้จักเจ้าเหนือดีกว่าใคร” คราวนี้ดวงตาของหญิงสูงวัยแฝงไปด้วยแววตาเป็นประกายเจิดจ้า เหมือนกับว่าเรื่องราวดี ๆ กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกในไม่ช้า พลางยกยิ้มมุมปากอย่างมีความหมาย
“คุณท่านยิ้มแบบนี้ ก็แสดงว่าคุณหนูตะวันจะไม่ถูกใครรังแก ดิฉันค่อยโล่งใจหน่อย”
“ฉันอยากเปลี่ยนแปลงพินัยกรรม”
“อะไรนะคะคุณท่าน!” คราวนี้ป้ากบถึงกับอุทานออกมาเสียงดัง เพราะกลัวว่าหญิงสูงวัยจะทำอะไรแบบนั้น ซึ่งมันยิ่งจะส่งผลร้ายให้กับทานตะวัน
“ถ้าวันหนึ่งฉันไม่อยู่แล้ว หนูตะวันก็ควรมีหลักประกัน ฉันไม่อยากให้คนอื่นใช้สิทธิ์ความเป็นธนาลักษณ์กดดันหนูตะวันของฉัน”
คำก็หนูตะวันสองคำก็หนูตะวัน ไม่แปลกใจที่น้ำเหนือชอบแกล้งเธอ เพราะหญิงสาวเป็นคนโปรดของคุณนายจันทร์ฉาย ทั้งที่เขานั้นเป็นหลานชายแท้ ๆ แต่กลับถูกตำหนิอยู่บ่อยครั้งต่อหน้าทานตะวัน เมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็กเคยแวะมาบ้านจันทร์ฉายอยู่เป็นประจำ ก่อนที่บิดามารดาจะพาทานตะวันย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่เมืองพิษณุโลก
“เดี๋ยวดิฉันจะนัดคุณทนายให้นะคะ แต่...”
“แต่อะไรรึแม่กบ”
“แต่คุณน้ำเหนือควรทราบเรื่องนี้นะคะ”
“อย่าให้เขารู้เด็ดขาด”
“คุณท่านค่ะ...” ป้ากบเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อน ประหนึ่งขอร้องให้หญิงสูงวัยเปลี่ยนใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า... ฉันแน่ใจว่าตัวเองมองอะไรไม่เคยพลาด ถ้าหากฉันต้องจากโลกนี้ไปจริง ๆ ฉันก็อยากทำให้คนที่ฉันรักทั้งสองคนได้ลงเอยกันสักที”
“หมายความว่ายังไงคะคุณท่าน” คราวนี้ป้ากบเริ่มแสดงสีหน้าสงสัยออกมา ราวกับไม่อยากเชื่อในถ้อยคำที่ได้ยินจากปากของคุณนายจันทร์ฉาย
“แม่กบ! เลิกสงสัยสักที ถามโน่นถามนี่อยู่ได้ เรื่องบางเรื่องก็หัดฉลาดเสียบ้างนะ” คราวนี้หญิงสูงวัยได้แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ซักไซ้ไล่เลียงตนอยู่ได้
“แหม... คุณท่าน ก็ดิฉันสงสัยนี่ค่ะ”
“ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปล่อยให้พรหมลิขิตทำงานไปเถอะ ส่วนเราก็แค่ส่งใจให้กับคนสองคนเป็นพอ”
“คนสองคนใครเหรอคะ”
“โธ่โอ๊ย! ยิ่งพูดก็ยิ่งเมื่อยปาก ไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาให้หน่อย ฉันจะโทรหาแม่ดาวเรือง”
“ค่ะคุณท่าน”
หลังจากป้ากบเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาให้ คุณนายจันทร์ฉายเริ่มชั่งใจ เพราะกลัวโทรไปแล้ว คนรับสายอาจจะเป็นมารุต ซึ่งดาวเรืองไม่อยากให้เขารู้ว่าทานตะวันอยู่ที่ไหน
“ไม่โทรแล้วเหรอคะคุณท่าน”
“เอาไว้ให้แม่ดาวเรืองติดต่อกลับมาดีกว่า ฉันกลัวเจ้ามารุตจะรู้ ว่าหนูตะวันอยู่ที่นี่”
“น่าสงสาวคุณดาวเรืองนะคะ ชีวิตที่เคยรุ่งเรือง สุดท้ายกลับตกอับเสียจนไม่เหลือเค้าของคุณผู้หญิง เพราะคุณมารุตแท้ ๆ เลย พลอยทำให้ลูกเมียลำบากไปด้วย”
“บางครั้งคนเราก็มักทำอะไรไม่ยั้งคิด จนลืมว่าชีวิตยังมีอะไรอีกมาย ทั้งคนรักคนชังต่างก็เฝ้ารอดูการเติบโตของเราในทุกช่วงอายุ เพียงแค่ความรู้สึกมันแตกต่างกันออกไป คนรักก็ห่วงใย ส่วนคนชังเห็นชีวิตเราดิ่ง ก็คอยยิ้มเยาะด้วยความสะใจ"
คุณนายจันทร์ฉายผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่รู้กี่ฤดูกาล จึงทำให้นางพอจะมองออกถึงอนาคตของมารุต แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับความเป็นจริง จะโทษใครได้ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกทางเดินนี้เอง
“นั่นใครมา ทำไมเสียงกริ่งหน้าบ้านดังรัวแบบนั้น” หญิงสูงวัยพูดพลางชะเง้อมองไปทางประตูหน้าบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้พอสมควร
“ไม่ต้องเดาหรอกค่ะ เสียงกดกริ่งแบบนี้มีคนเดียวค่ะ” ป้ากบพูดพลางถอยหายใจออกมาเสียงดัง เพราะผู้มาเยือนนั้น คือญาติห่าง ๆ ที่ตามตอแยน้ำเหนือไม่เลิก
“มิลินเหรอ”
“ดิฉันเดาไม่ผิดแน่ค่ะ”
“อ้าว! ไหนหล่อนบอกกับฉันว่าจะไปทำงานต่างประเทศไม่ใช่เหรอ”
“คงเพิ่งกลับมั้งคะคุณท่าน ดิฉันไปเปิดประตูก่อน เดี๋ยวคุณมิลินจะวีนฉ่ำ”
“ดูละครเยอะไปหรือเปล่า ใช้คำพูดราวกับเด็กวัยรุ่น”
คุณนายจันทร์ฉายส่ายศีรษะไปมา เมื่อเห็นป้ากบพูดจาด้วยถ้อยคำนี้หลายครั้งหลายครา แต่ก็แอบถอนหายใจอยู่ในที เพราะมิลินมาที่บ้านหลังนี้ทีไร หล่อนมักจะพูดถึงน้ำเหนือ ในทำนองที่ขอความเห็นใจ อยากให้หญิงสูงวัยสนับสนุนหล่อน ได้คบกับน้ำเหนือสักที เพราะเขานั้นโสดมาหลายปี