บท
ตั้งค่า

ความเจ็บปวด

ในเวลานี้ทานตะวันพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง เธอคิดถึงมารดาปิ่มจะขาดใจ แต่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวที่มีไว้ใช้ในบ้าน หญิงสาวได้ให้มารดาเก็บเอาไว้ เพราะเธอตั้งใจจะไปร้อยมาลัยขาย บวกกับวาดภาพเก็บเล็กผสมน้อยแล้วค่อยซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่

“หนูชื่ออะไร ทำไมถึงเดินทางคนเดียว” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น ซึ่งทำให้ทานตะวันถึงกับหวาดระแวง เธอแสร้งทำเป็นหลับ เพื่อกลบเกลื่อนความหวาดกลัวที่มีในใจ ปกติแล้วเธอไม่ชอบเวลาถูกใครมองด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยประกายประหลาดเช่นนี้

ในเวลานี้หญิงสาวได้แต่ภาวนาให้รถแล่นถึงกรุงเทพฯ โดยเร็ว ซึ่งระยะทางจากพิษณุโลกไปถึงจุดหมายปลายทาง คงใช้เวลาประมาณหกชั่วโมงกว่า ๆ แต่ทำไมหญิงสาวรู้สึกว่ามันนานเหลือเกิน เธอไม่กล้าหลับ พยายามขยับตัวชิดขอบหน้าต่าง

หลายชั่วโมงผ่านไป ทานตะวันได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ หญิงสาวตัดสินใจนั่งรถแท็กซี่เข้าไปยังบ้านจันทร์ฉาย ซึ่งพอทวดเล็กเห็นทานตะวันมานั่งรอที่ห้องโถง ทำให้หญิงสูงวัยอดที่จะเอ็นดูในความเป็นตัวตนของเธอไม่ได้

“หนูตะวันมาถึงนานหรือยัง ทำไมไม่โทรมาบอก ทวดจะได้ส่งคนรถไปรับ” หญิงสูงวัยค่อย ๆ เดินมานั่งบนโซฟาตัวยาว พลางพูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ประหนึ่งกำลังยินดีต้อนรับในการมาของทานตะวัน

“ตะวันกราบคุณทวดค่ะ ก่อนอื่นตะวันต้องขอบคุณทวดเล็กมาก ๆ เลยนะคะที่เมตตาตะวัน แค่นั่งแท็กซี่มาแป๊บเดียวเองค่ะทวดเล็ก” หญิงสาวเดินเข่าเข้าไปกราบหญิงสูงวัย ซึ่งนางได้ก้มลงไปเอามือลูบศีรษะทานตะวันด้วยความรักและเอ็นดู

“แหม... ช่างพูดนะเราเนี่ย ลุกมานั่งข้าง ๆ ทวดสิจ๊ะ... ไหนขอดูหน้าชัด ๆ หน่อยซิ ไม่เจอตั้งหลายปี โตเป็นสาวแล้วสวยกว่าแม่เราอีกนะเนี่ย” หญิงสูงวัยกล่าวชมออกมาจากใจ ใบหน้ารูปไข่ ปากนิดจมูกหน่อยคิ้วโก่งดั่งคันศร ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินตา จนทวดเล็กเชื่อว่าใครบางคนต้องตกตะลึงในความสวยของทานตะวันตั้งแต่แรกเจออย่างแน่นอน

“ขอบคุณค่ะทวดเล็ก อ้อ! เกือบลืมแน่ะ... แม่ฝากมาให้ค่ะ มีจดหมายด้วยนะคะ” หญิงสาวหยิบพวงมาลัยออกมาจากถุงกระดาษอย่างเบามือ โชคดีที่มันไม่ช้ำแถมดอกมะลินั้นยังส่งกลิ่นหอมรัญจวนอบอวนไปทั่วห้องโถง

“ร้อยแบบชาววังเสียด้วย มีความประณีตละเอียดลออ สวยงามกว่าในท้องตลาดทั่วไป ย่าเข้าใจความรู้สึกของแม่ดาวเรืองเป็นอย่างดี เธอคงหวังที่จะฝากฝังให้ทวดดูแลหนูตะวันแทนสินะ” ทวดเล็กพูดพลางหยิบกระดาษออกมาจากซองสีขาว แล้วค่อย ๆ คลี่ออกอย่างเบามือ ก่อนจะอ่านข้อความเหล่านั้นในใจ ซึ่งทานตะวันเองก็ไม่รู้ว่ามารดาได้เขียนอะไรเอาไว้ในกระดาษแผ่นนั้น

“ทวดให้แม่กบจัดห้องไว้ให้หนูตะวันอยู่ชั้นบน ติดกับห้องเจ้าเหนือ ขาดเหลืออะไรก็บอกทวดได้นะหนูตะวัน” เพียงแค่ได้ยินชื่อนี้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก เธอไม่อยากเจอเขาแล้วใยห้องพักต้องติดกันด้วย “แค่นี้ตะวันก็เกรงใจทวดจะแย่แล้วค่ะ ความจริงตะวันพักอยู่ชั้นล่างก็ได้นะคะ ห้องพักแขกหรือห้องเก็บของก็ได้ค่ะ จะได้สะดวกในการช่วยป้ากบทำงานบ้านด้วย... นะคะคุณทวด” หญิงสาวพูดพลางมองหญิงสูงวัยด้วยแววตาใสซื่อ พลอยทำให้นางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความโอบอ้อมอารี

“หน้าที่ของตะวันคือเรียนหนังสือ งานเหล่านั้นมีคนทำอยู่แล้ว ทวดจัดการเรื่องเรียนให้หนูเรียบร้อยแล้วนะตะวัน”

“อะไรนะคะ!” คราวนี้หญิงสาวเริ่มแสดงสีหน้าฉงน ไม่คิดว่าหญิงสูงวัยจะทำการตระเตรียมเรื่องเรียนไว้ให้เธอ

“ไม่ต้องตกใจหรอก ทวดอยากให้ตะวันมีอนาคตที่ดี”

“อนาคตของตะวันไม่ได้ขึ้นอยู่กับใบปริญญา ทวดเล็กค่ะ... ได้โปรดเห็นใจตะวันด้วยนะคะ ตะวันอยากทำงานมากกว่าเรียน... นะคะคุณทวด” หญิงสาวพูดจาออดอ้อนแกมขอร้องอยู่ในที เพราะเธอรู้ดีว่าการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ต้องใช้เงินมากพอสมควร จึงไม่อยากเป็นภาระให้กับหญิงสูงวัย แค่มาขออาศัยพึ่งใบบุญท่าน ทานตะวันก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว

“ทำไมล่ะหนูตะวัน ถ้าหากมีใบปริญญาติดตัว อย่างน้อยมันก็การันตีถึงความสามารถอย่างหนึ่ง ที่เราคว้ามันมาได้สำเร็จ ซึ่งผู้คนส่วนมากมักจะให้ความสำคัญ”

“ตะวันทราบดีค่ะ แต่ตอนนี้ตะวันอยากทำงานมากกว่า เพราะเงินคือปัจจัยหลัก ที่จะทำให้พ่อกับแม่มีชีวิตที่ดีขึ้น” เมื่อเอ่ยถึงบิดามารดา แววตาของหญิงสาวแฝงไปด้วยร่องรอยของความหมองหม่น เพราะเธอไม่รู้ว่าต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน

“เอาเถอะเรื่องนี้ค่อยคุยกันใหม่ ตะวันมาเหนื่อย ๆ ขึ้นห้องไปพักเถอะ แม่กบมายกกระเป๋าให้หนูตะวันสิ”

“เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะ กระเป๋าเล็กนิดเดียวเองตะวันยกเองได้ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะทวดเล็ก ขอบคุณมากค่ะป้ากบ”

“คุณหนูตะวันตามป้ามาทางนี้ค่ะ” ป้ากบฉีกยิ้มให้กับหญิงสาวอย่างมีมิตรไมตรี ก่อนจะเดินนำหน้าทางตะวันขึ้นไปบนบ้าน

“ระเบียงสวยจังเลยค่ะ บรรยากาศก็ดี” ทานตะวันแอบยิ้มให้กับความร่มรื่นหน้าอยู่น่าอาศัยของบ้านหลังนี้ ถ้าหากได้มีโอกาสมานั่งวาดภาพตรงนั้น เธอจะตั้งใจวาดให้ออกมาสวยสุดฝีมือเลยคอยดูสิ

“คุณท่านชอบมานั่งเล่นตรงนี้เป็นประจำ เพราะลมโชยเย็นสบาย ถ้าคุณหนูตะวันอยากวาดภาพ ก็ลองมานั่งมุมนี้ดูก็ได้นะคะ”

“ได้ด้วยเหรอคะ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ”

“ก็ตรงระเบียง... เป็นเขตหวงห้ามของอาเหนือไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวยังคงพูดถึงอีกฝ่ายอย่างคุ้นเคย เพราะเธอชินกับการเรียกน้ำเหนือแบบนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“เดือนหนึ่งคุณน้ำเหนือกลับบ้านไม่กี่ครั้ง คุณหนูตะวันไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ อีกอย่างระเบียงนี้ไม่ใช่เขตหวงห้ามหรอกค่ะ ปกติแล้วส่วนมากลูกหลานเวลามาเยี่ยมคุณท่าน ทุกคนต่างก็ชอบขึ้นมานั่งเล่นตรงระเบียงนี้เป็นประจำ”

“เหรอคะ สงสัยตะวันจะเข้าใจผิด”

“นี่ค่ะห้องของคุณหนูตะวัน”

“ขอบคุณมากค่ะป้ากบ”

“ขาดเหลืออะไรก็บอกป้าได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ยังไงคุณหนูตะวันก็ต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกนาน” ป้ากบพูดจบประโยคได้ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับหญิงสาว ก่อนที่นางจะเดินออกไป ปล่อยให้ทานตะวันยืนน้ำตาคลอตามลำพัง เมื่อหญิงสาวคิดถึงมารดาจับหัวใจ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นเช่นไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel