ผีพนันเข้าสิง2
ซึ่งถ้าหากหญิงสาวย้ายไปอยู่กับทวดเล็ก ก็หมายความว่าเธอนั้น ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับน้ำเหนือ ผู้ชายที่มารดาคาดหวังว่าเขาจะสามารถคุ้มครองทานตะวันได้
“หนูไปอยู่กับทวดเล็กนะลูก” คราวนี้ดาวเรืองได้ฉายแววตาอ้อนวอนออกมา เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่อยากย้ายออกจากบ้านหลังนี้ ทั้งที่มันไม่ต่างจากรังหนู แค่ใช้ซุกหัวนอนไปวัน ๆ หนึ่งเท่านั้น
“ตะวันไม่มีทางทิ้งแม่ไปไหน ตะวันจะอยู่กับแม่ค่ะ แม่อย่าไล่ตะวันเลยนะคะ” น้ำเสียงสั่นเครือยังคงแฝงไปด้วยร่องรอยของความหนักแน่นอยู่ในที เพราะหญิงสาวไม่อาจหนีความอัปยศนี้ไปได้เพียงลำพัง
“ฟังแม่นะทานตะวัน! ลูกรักของแม่... ต่อให้พ่อของลูกตบตีแม่จนตาย หนูก็อย่าคิดย่างกรายหวนกลับมาที่นี่เด็ดขาด!” ถ้อยคำจากมารดาเป็นดั่งใบมีดกรีดลงกลางใจ เพราะถึงยังไงทานตะวันก็ไม่มีทางให้ใครมาทำร้าย หรือพรากมารดาของเธอไปได้อย่างแน่นอน แต่มีหรือดาวเรืองจะยอมเห็นลูกสาวถูกขายให้กับผู้ชายในบ่อน เธอยอมตายดีกว่าเห็นทานตะวันต้องตกอยู่ในนรกบนดิน
“ไม่นะแม่... ฮึก! ฮื้อ... ตะวันไม่ไปไหนทั้งนั้น ตะวันจะอยู่กับแม่” หญิงสาวพยายามปฏิเสธ แววตาของเธออ้อนวอนเกมขอร้องสุดกำลัง ประหนึ่งว่าชีวิตนี้ จะไม่ขออยู่ถ้าหากไม่มีมารดาอยู่ข้างกาย
“พ่อจะขายหนูให้กับผู้ชายในบ่อน พวกเขาป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์ในแดนนรก ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับหนู แม่รับไม่ได้จริง ๆ เลยต้องขอพึ่งใบบุญทวดเล็ก เชื่อแม่นะลูกไปอยู่ที่โน่นหนูจะมีชีวิตที่ดี แม่สัญญาว่าจะรีบตามหนูไป” ดาวเรืองเองก็ร้องไห้ไม่ต่างจากทานตะวัน แต่เพื่อลูกแล้วผู้เป็นมารดาย่อมหาทางปกป้อง แม้ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
“นี่คือเงินที่ตะวันเคยฝากแม่เอาไว้ แม่เพิ่งไปถอนมา โชคดีที่พ่อเขาไม่ค้นตัวแม่ ไม่เช่นนั้นคงแย่แน่” หญิงสาวถึงกับนิ่งงัน เธอมองธนบัตรเหล่านั้นด้วยแววตาเจ็บปวดเจียนตาม ไม่คิดไม่ฝันว่าบิดาจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นได้ลงคอ
“ตะวันพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ถ้าหากต้องจากบ้านไปจริง ๆ แม่ก็เก็บเงินนี้ไว้เถอะค่ะ”
“หนูจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว เอาติดตัวไปด้วยนะ เผื่อต้องใช้”
“แม่ค่ะ... ถ้าหากตะวันไปอยู่ที่โน่น ตะวันจะร้อยมาลัยขาย พร้อมทั้งรับวาดภาพไปด้วย ตลาดก็อยู่ไม่ไกล ยังไงก็มีช่องทางทำมาหากิน แต่แม่สิ... ต้องเจอกับอะไรบ้าง เราหนีไปด้วยกันไม่ได้เหรอคะ”
หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ถ้าเธอไม่อยู่แล้วใครจะห้ามบิดาไม่ให้ลงมือทำร้ายผู้เป็นมารดา นับวันมารุตยิ่งมีอารมณ์รุนแรงลงไม้ลงมือกับดาวเรืองเป็นประจำ
“เด็กโง่ไม่ร้องนะ แม่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากี่ฤดูกาลแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ยังไงแม่ก็ไหวอยู่แล้ว” คราวนี้ดาวเรืองได้โน้มตัวลูกสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอก็ตามที ขอเพียงแค่ทานตะวันอยู่รอดปลอดภัยก็เป็นพอ
เมื่อทานตะวันทนผู้เป็นมารดารบเร้าไม่ไหว หญิงสาวจึงจำใจต้องจากบุพการีไปแสนไกล ไม่ว่ายังไงเธอก็จะนับวันรอ ที่จะได้พบหน้ากับมารดาอีกครั้ง
“รถไฟกำลังแล่นมาโน่นแล้ว ไม่ต้องติดต่อมาหาแม่นะตะวัน เดี๋ยวแม่จะเป็นคนติดต่อกลับไปหาหนูเอง”
“ตะวันเป็นห่วงแม่ค่ะ ตะวันกลัวว่าพ่อจะทำร้ายแม่” ทั้งสองยืนจับมือจ้องตากัน สายใยความผูกพันทางสายเลือด ส่งผลให้ทานตะวันอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากจรไปแรมรอนต่างถิ่น
“ไม่ต้องห่วงหรอกตะวัน แม่เอาตัวรอดได้สบาย ยังไงพ่อก็ต้องการเงินไปเข้าบ่อน ถ้าเขาทำให้เครื่องผลิตเงินเครื่องนี้พัง แล้วเขาจะมีปัญญาหาจากไหนได้อีก” ดาวเรืองยังคงเปรียบตัวเองเป็นดั่งขุมทรัพย์ ที่มารุตขุดไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เขาคงลืมสิ้นว่าสักวัน ขุมทรัพย์ขุมนี้ก็ต้องหมดลง เฉกเช่นความอดทนของดาวเรื่องที่มีต่อสามีของเธอ
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้น ประหนึ่งเสียงสัญญาณคลื่นความถี่ของหัวใจ ที่กำลังจะแตกสลายลงไปในพริบตา เมื่อมารดาค่อย ๆ คลายมือออกอย่างช้า ๆ สำหรับทานตะวันแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจยอมรับความจริงนี้ได้
“แม่จ๋า... ตะวันไม่อยากไปเลย”
“จำสิ่งที่แม่พูดได้ไหม ขึ้นชื่อว่าเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้มันน่ากลัวกว่าที่คิด ถ้าหากหนีพ้นได้ก็จะดีกับชีวิตของเรา แม่ไม่อยากเห็นลูกตกอยู่ในอันตราย เดนนรกไม่ใช่ที่ที่ตะวันควรได้รับ ไปอยู่กับทวดเล็กนะลูก ชีวิตของหนูจะได้พ้นภัย แม่สัญญาว่าจะรีบตามลูกไปอย่างแน่นอน”
“แม่สัญญาแล้วนะคะ ห้ามลืมเด็ดขาด ตะวันจะรอแม่ที่เรือนจันทร์ฉาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นานแค่ไหนตะวันก็จะรอแม่อยู่ที่นั่น” หยาดน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับทำนบแตก แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่กำลังถาโถมเข้ามาในหัวใจของทานตะวัน (จันทร์ฉายชื่อจริงของทวดเล็ก)
“แม่สัญญากับตะวันแล้ว ยังไงแม่ก็ไม่คืนคำ ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูกรัก อยู่บ้านท่านก็อย่านิ่งดูดาย เพราะถึงยังไงเราก็แค่ผู้อาศัย”
“ตะวันเข้าใจดีค่ะแม่ ยังไงตะวันก็ต้องทำงานแลกกับที่พักและอาหาร คนอื่นเขาถึงจะว่าเราไม่ได้” คนอื่นที่ตะวันพูดถึงคงหนีไม่พ้นน้ำเหนือ เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นไม้เบื่อไม้เมาไม่มีใครยอมใครอยู่แล้ว
“ไปขึ้นรถได้แล้วจ้า เดี๋ยวตกขบวนนะ”
“ตะวันลานะคะแม่ ขอกอดอีกได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดพลางโน้มตัวเข้าหาอกอุ่น ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรัก มันช่างประจักษ์ถึงรักแท้ยากจะหาที่ไหนเหมือน
ในความเข้มแข็งยังมีความอ่อนแออยู่ในที ดาวเรืองรู้ดีว่าเธอกำลังจะเผชิญกับอะไร พญามัจจุราชหรือจะสู้มารุตได้ เขาเป็นยิ่งกว่าปิศาจร้าย ที่คอยครอบงำชีวิตของเธอ
เมื่อทานตะวันขึ้นไปบนรถไฟ แววตาอันเศร้าสร้อยเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอไม่อายใครทั้งนั้น แม้จะมีผู้คนมากหน้าหลายตา เพราะต้องจากมารดาไปอยู่ไกลแสนไกล
ชีวิตครอบครัวของเธอไม่เคยราบรื่นอดมื้อกินมื้อมาทุกช่วงวัย แต่มารดากลับพยายามดิ้นรนเพื่อให้เธอกินอิ่มหลับสบาย แม้ตัวเองเหนื่อยทำงานสายตัวแทบขาด แต่ผู้เป็นสามีกลับเพิกเฉย ซ้ำยังก่อหนี้สินมากมายให้ภรรยาตามชดใช้ ราวกับเคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาแต่ชาติปางก่อน
เมื่อรถไฟแล่นออกมาจากชานชาลา ใบหน้างามยังคงเปื้อนคราบน้ำตา เธอพยายามมองออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อบรรเทาความคิดถึงมารดา แต่แล้วเธอกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน
หญิงสาวรีบซับน้ำตาออกจากใบหน้าขาวผ่อง ก่อนจะก้มลงไปหยิบแว่นตาดำขึ้นมาสวม เพื่ออำพรางแววตาที่มันกำลังแฝงไปด้วยความรู้สึกอ้างว้างในดวงใจ