7 รักค่ะ
“คุณต้องจัดการนะคะ เคลียร์ให้รู้เรื่อง ดาไม่อยากเสียเพื่อนไปค่ะ”
“จะให้ผมเคลียร์เรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อผมไม่ได้รักเขา”
“แต่เข็มฟ้ารักคุณนะคะ อย่าทำให้เธอเสียใจสิ”
ชายหนุ่มเข้าประชิดตัวจับมือดาริกาเอาไว้ จนร่างงามตัวแข็ง และยืนนิ่งอยู่กับที่ เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำเช่นนี้ พยายามสลัดเท่าไหร่ก็ไม่ออก ตรงกันข้ามเขายิ่งจับแน่นเข้าไปอีก
“นี่คุณปล่อยดานะ”
“ไม่ปล่อย ผมจะพาคุณไปบอกใคร ๆ ว่าผมรักคุณ รักคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”
สีหน้าเขาจริงจัง และพยายามลากเธอไปด้วย ดาริกาขัดขืนแข็งตัวเอาไว้ไม่ยอมไปตามแรงลาก เธออยากร้องไห้จริง ๆ
“คุณจะบ้าเหรอ ดาไม่ไป”
“ถ้าไม่ไปก็บอกผมซิว่ารักผม”
หญิงสาวอึกอัก ไม่กล้าพูดคำนั้นออกมา ผู้ชายอะไรร้ายนัก เขายังคงออกแรงดึงจนดาริการ้องลั่น
“พอแล้ว พอแล้วค่ะ ดาก็รักคุณ ปล่อยดาได้แล้วนะคะ”
เขาคลายการเกาะกุม แต่ยังจับมือไว้หลวม ๆ ตาจ้องตา จนหญิงสาวหลบสายตาด้วยอาการขวยเขิน ภูผาอยากจะกอดร่างงามนี้ให้แน่น ๆ
“เพียงเท่านี้แหละที่ผมต้องการ ผมรักคุณมาก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็รักคุณ และรักตลอดไป เชื่อผมนะคนดี”
สีหน้าภูผาดูจริงจังจนหญิงสาวสะท้านไปทั่วเรือนกาย จากนั้นร่างทั้งสองค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากันท่ามกลางความมืดที่โรยตัวเข้ามา เขายกฝ่ามือลูบไล้ตามเนื้อตัวเธอช้า ๆ จนดาริการ้อนผ่าวไปทั้งเรือนกาย สักพักจมูกโด่งกดลงที่แก้มบางใส เธอร้อนวูบวาบ
“คุณดารู้ไหมผมรักคุณ สนใจคุณตั้งแต่แรกเห็น แต่ว่าผมไม่กล้าจึงแสดงออกมาในรูปแบบการกวนโมโหทำให้คุณโกณะ แล้วคุณล่ะรักผมตอนไหนช่วยบอกให้ผมชื่นใจบ้างเถอะนะ”
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็หยิกจนเขาร้องโอ๊ย แต่รัดร่างงามแน่นเข้าอีก จนสัมผัสถึงทรวงอกแน่นตึง แทบสะกดความต้องการตามธรรมชาติเอาไว้ไม่ได้
“คุณเนี่ยชาติก่อนคงเกิดเป็นแมว ทั้งหยิกทั้งข่วนจนผมตัวลายไปหมดแล้ว”
“ก็ปล่อยสิ หายใจไม่ออกนะ”
“ปล่อยให้โง่ ถ้าปล่อยคุณก็หนีผมไป แล้วปล่อยให้ผมหนาวคนเดียว อากาศเย็น ๆ อย่างนี้พอได้กอดคุณ ผมหายหนาวทันตาเห็นเลยแฮะ”
ดาริการู้ว่าปล่อยตัวเองมากเกิน จึงไปผละร่างออก แล้ววิ่งจากไป ภูผาส่ายหน้าไปมาแต่แววตาเปี่ยมไปด้วยความสุข กลิ่นหอมจากเรือนกายยังกรุ่นไม่คลาย เขาจึงกอดตัวเองแน่นเหมือนกอดรัดสาวสวยเอาไว้ เพียงแค่ก็มีความสุขมากแล้ว
ขณะที่ภูผามีความสุขอยู่นั้น หารู้ไหมว่าที่พุ่มไม้ข้าง ๆ กัน ร่างหนึ่งจ้องมองเขาด้วยสายตาเศร้าระคนโกรธ เมื่อภูผาเดินเข้าบ้านพัก เจ้าของร่างหลังพุ่มไม้ก็กรี๊ดสุดเสียง แต่ไม่มีใครได้ยินเพราะลมหนาวที่พักหวีดหวิวกลบเสียงร้องเหมือนคนบ้าคลั่งเสียสนิท
ทุกคนในหมู่บ้านทั้งหนุ่มสาว เด็ก คนชราไม่ว่าหญิงหรือชายต่างพากันมารวมตัวกันยังลานดินหน้าหมู่บ้าน รวมถึงครูหนุ่มสาวทั้ง 5 ถูกรับเชิญมาร่วมในงานนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นงานรื่นเริงประจำปี ทุกคนแต่งตัวสวยงามและเป็นเสื้อตัวใหม่ที่สุด
บางคนแต่งชุดท้องถิ่นเพื่อแสดงศิลปะพื้นบ้าน กลางลานดินที่ปรับเรียบ ผู้ที่ถูกคัดเลือกเป็นหนุ่มสาวหน้าตาดี จับคู่เต้นรำอย่างสนุกสนาน ซึ่งกับจังหวะดนตรีที่เร้าใจ ทำให้คืนนี้ของหมู่บ้านคึกครื้นไม่เงียบเหงาเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา
ภูผานั่งใกล้กับดาริกา เขาพยายามที่จะให้ใคร ๆ รู้ว่าตัวเองกับหญิงสาวผู้นี้มีใจตรงกัน ลมหนาวเย็นโชยพัดผ่านครูหนุ่มขยับชิดใกล้ หญิงสาวรู้สึกถึงไออุ่นจากเรือนกายคนร่างใหญ่ ความอุ่นร้อนทำให้คลายความหนาวได้มาก เมื่อตาสบตา หญิงสาวสั่นไหว วูบวาบไปทั่วทั้งตัว ความสุขซาบซ่านไปถึงหัวใจ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ตัวเองเพิ่งได้พบเจอ
“คืนนี้ชาวบ้านสนุกกันเต็มที่ เพราะเป็นวันที่พวกเขารอคอยมานานนับปี เพื่อวันนี้เพียงวันเดียว”
หญิงสาวฟังเขาพูดด้วยความสนใจ ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงนั้นมองเท่าไรไม่รู้เบื่อ เธอกล้าที่จะจับจ้องใบหน้าคมเข้มนิ่ง ๆ
“พรุ่งนี้ก็เงียบเหงาเหมือนเดิม”
ดาริกาเปรยด้วยเสียงเบาระคนเศร้า เธออยากจะให้มีบรรยากาศอย่างนี้อีก เพราะสุขใจอย่างประหลาดล้ำ
“ก็ยังดีที่ได้สนุกสักวัน และสำหรับผมรู้สึกสนุก มีความสุขทุกวันที่อยู่ใกล้คุณ โดยเพราะนั่งชิดกันอย่างนี้”