18 พ่อผิดหวังในตัวลูก
ชายสูงวัยนั่งบนเตียง หายใจหอบเหนื่อย สีหน้าผิดหวังเต็มที่ต่อการกระทำต่อลูกสาวคนโต น้ำตาท่านรื้นด้วยความเสียใจ
“ดารินรักแต่ผัวจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนอย่างนี้ มัแสบจริง ๆ คอยดูเถอะ ผัวจะพาให้เดือดร้อน ถ้ายังจะเชื่อผัวอย่างนี้”
“พ่อหยุดเถอะ ถึงยังไงดารินก็เป็นลูกของเรานะ”
คนเป็นภรรยาปราม และร้องไห้ออกมา หญิงสาวเอาผ้าเช็ดหน้าบิดา กุมมือนวดตามฝ่ามือไปมา เธอเข้าใจความรู้สึกของบิดา ท่านคงจะผิดหวังในตัวลูกสาวคนโตมาก
“มันบาปมากที่ทำให้พ่อแม่ร้องไห้”
“พ่อคะหยุดเถอะค่ะ พ่อพูดมากจะเหนื่อยนะคะ เป็นความผิดของดาเองที่กลับมาถ้าดาไม่มาทุกอย่างคงเหมือนเดิม เรื่องร้าย ๆ ทุกอย่างคงไม่เกิด”
หญิงสาวพูดเสียงเครือ คุณมานะหัวเราะทั้งน้ำตา กอดลูกสาวคนเล็กแนบอก จูบเรือนผมนุ่มสลวยสีดำขลับ
“ดามาสิดี พ่อได้เห็นธาตุแท้ของพวกนั้นที่ค่อยเผยออกมาทีละนิด คนมันเลวปิดยังไงก็ไม่ได้ วันหนึ่งมันก็เผยออกมาเองนั่นแหละ ดาเอ้ยเจ้าเป็นลูกที่ดีของพ่อ คนดีพระย่อมคุ้มครอง พ่อรู้ว่าพวกพี่ ๆ ร้ายกับลูกเพราะเรื่องทรัพย์สิน นี่ขนาดพ่อแม่ยังไม่เสียชีวิตนะ มันยังแย่งกัน ถ้าพ่อแม่ตายไปมันคงฆ่ากันตายเพราะความโลภ คนที่น่าสงสารที่สุดคือดา”
หญิงสาวบีบมือบิดาจนแน่นน้ำตานอง เธอจูบฝ่ามือพ่อเบา ๆ แม่เข้ามากอดลูกสาวด้วยความสงสาร
“ดาไม่คิดที่จะเอาอะไรหรอกค่ะ ขอเพียงคอยอยู่รับใช้พ่อแม่ก็พอแล้ว”
“ทำไมนะคนดี ๆ อย่างลูกดาถึงต้องมาเกิดรวมกับพี่ที่มีแต่ความโลภในสมอง ตอนเย็นก็เหมือนกันนะคะ ดารินมาว่าลูกดาว่าแม่ จนแม่แทบเป็นลม”
แม่บอกพ่อทั้งที่พยายามปกปิดเอาไว้ หญิงสาวจะห้ามท่านไม่ให้พูด แต่ไม่ทัน
“อย่าค่ะแม่ อย่าพูดอีกเลย แค่นี้พ่อก็ช้ำใจพอแล้ว”
“แม่เล่ามาเลย เล่ามาให้หมด แล้วมันจะไม่เหลืออะไร พ่อจะไม่ให้พวกมันเลย”
ภรรยาจึงเล่าให้คุณมานะฟังจนหมดเปลือกด้วยความกดดัน การกระทำของดารินเมื่อครู่เป็นเครื่องยืนยันเป็นอย่างดี พ่อนิ่งเงียบทันทีที่แม่เล่าจบ ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความยากลำบาก ดาริกาเข้าไปประคองท่านเข้าห้องนอน
“พรุ่งนี้ทุกอย่างคงจะจบลงด้วยดี”
“พ่อหมายความว่า”
“ใช่ดา พ่อคิดว่าจะทำพินัยกรรมให้แก่ลูกทุกคน ให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเสียที พ่อจะได้พักไม่ต้องเหนื่อยเหมือนทุกวันนี้ เชื่อสิพอมันได้สิ่งที่ต้องการแล้วมันคงไม่มาดูแลเอาใจใส่ และคลอแข้งคลอขาเหมือนอย่างทุกวันนี้หรอก”
ชายสูงวัยกล่าวด้วยเสียงเศร้า พอ ๆ กับดวงตาที่มีน้ำตาคลอ ดาริกาสงสารจับใจไม่รู้ว่าจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของท่านได้อย่างไร
ห้องโถงกว้างตกแต่งหรูหรา โต๊ะเก้าอี้ลายหลุยส์สวยงาม ทุกคนอยู่กันครบถ้วนหน้า แทนที่จะมีเสียงคุยหรือหัวเราะสนุกสนานตามประสาพี่น้อง เปล่าเลย มีแต่ความเงียบสงบ บรรยากาศอึมครึมจนอึดอัด คุณมานะนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ใบหน้าเคร่งขรึม ด้านซ้ายแม่นั่งสงบนิ่ง นัยน์ตาเฉยชาเหมือนคนไร้ความรู้สึก ด้านขวาของพ่อ ทนายความที่จ้างมาให้ร่วมกันร่างพินัยกรรมและเป็นสักขีพยาน
ดาริกานั่งข้างแม่กุมมือท่านเอาไว้ สร้างความหมั่นไส้ให้กับฉายเฉิดพี่สะใภ้เพราะดูการกระทำของน้องสามีแล้วเหมือนกับประจบเอาใจเพื่อขอสมบัติมาก ๆ เธอกระซิบกับสามีเบา ๆ
“ดูยายดาซิ ทำออดอ้อนออเซาะแม่ คงอยากจะได้สมบัติมากกว่าใคร ท่าทางแม่ก็โอ๋เสียด้วย งานนี้จะหลงเหลือถึงมือเราสักกี่ตังค์เชียว”
ธานินทร์ใจเต้นแรงจ้องหน้าภรรยาด้วยความไม่พอใจ
“หยุดเถอะน่า ถ้าขืนพูดมากเธอนั่นแหละแหละจะไม่ได้อะไรเลย ผมยิ่งใจไม่ดีอยู่ด้วยนิ่งไว้เป็นดีที่สุด”
เมื่อธานินทร์พูดดังนั้น ฉายเฉิดค้อนควักด้วยใบหน้าเครียดจัด
“ฮึ มัวแต่ใจเย็นอยู่นั่นแหละ คอยดูเถอะ ถ้าไม่ได้อะไรเลยชั้นจะหัวเราะให้ฟันร่วงเชียว”
ฉายเฉิดพูดไม่เท่าไหร่ต้องร้องโอ๊ย เพราะธานินทร์เหยียบเท้าเอาไว้ เขาออกแรงกดขยี้อย่างรุนแรงหน้าเธอเขียวคล้ำทันตาเห็น
“เป็นอะไรไปล่ะฉาย”
อาคมอดถามไม่ได้ ฉายเฉิดเชิดหน้าระงับความเจ็บปวดเอาไว้ ทั้งที่ปากสั่นระริกน้ำตาจะไหลเสียให้ได้
“เปล่าหรอก เพียงแต่รู้สึกปวดศีรษะจี๊ดขึ้นมาเท่านั้น ตอนนี้หายแล้วล่ะ”
ดารินหัวเราะเบา ๆ มองหน้าพี่สะใภ้อย่างดูแคลน
“ไม่ใช่คิดมากเรื่องส่วนแบ่งรึเปล่า กลัวได้น้อยรึไง”