19 แบ่งมรดก
การตอบโต้กันแม้ว่าจะแผ่วเบา แต่ดาริกาสดับรับฟังทุกเรื่อง รู้สึกสมเพชบรรดาพี่ ๆ ทุกคนที่เฝ้ารอแต่สมบัติ โดยไม่สนใจสุขภาพของพ่อแม่แม้แต่น้อย ทุกคนไม่รู้เลยว่าขณะนี้ท่านแย่เต็มที
คุณมานะร่างพินัยกรรมประมาณชั่วโมงเศษ แต่ผู้ที่หวังจะได้รับมรดกอย่างเต็มที่กลับรู้สึกว่านานเต็มที เสียงถอนหายใจดังเป็นระยะ ๆ บ้างก็บ่นว่าเมื่อยปวดหลัง
“เอาล่ะทุกคน”
ทุกคนรีบหันหน้าจ้องมองหน้าคุณมานะด้วยดวงตาเป็นประกาย ต่างรอฟังจำนวนส่วนแบ่งที่จะได้รับ และภาวนาให้ตนได้รับมรดกมากที่สุด
“พ่อรักลูกทุกคนเท่า ๆ กัน แม้บางครั้งลูกจะทำให้พ่อเสียใจก็ตามที แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อของลูกวันยังค่ำ เมื่อพ่อยังมีชีวิตอยู่ และมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน จึงจัดสรรปันส่วนสมบัติที่มีอยู่ให้จบสิ้น จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังเมื่อพ่อตาย”
“อุ๊ย ! พ่ออย่าพูดเป็นลางซิคะ พ่อยังแข็งแรงอยู่เลย”
ฉายเฉิดพูดแทรกท่ามกลางบรรยากาศอึดอัด ธานินทร์บิดแขนภรรยาเต็มแรง ซึ่งได้ผลเธอปิดปากเงียบสนิท
“มันไม่แน่หรอกเรื่องเป็นเรื่องตาย ปุบปับขึ้นมาใครจะรู้ เอาล่ะนะพ่อทำพินัยกรรมยกมรดกให้แก่ลูกทุกคนเรียบร้อยแล้ว คุณสุชาติก็มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน”
คุณมานะพูดพลางมองไปที่คุณสุชาติ ซึ่งเป็นทนายความส่วนตัว
“ทุกคนจะได้รับมรดกเท่าเทียมกัน เมื่อตีราคาเป็นจำนวนเงินแล้ว บ้านหลังนี้ยังเป็นชื่อของพ่ออยู่เป็นมรดกส่วนกลาง ใครอยากอยู่ก็อยู่ได้ ถ้าพ่อแม่สิ้นบุญไปแล้วจะขายหรือว่าเก็บเอาไว้ก็ตามแต่ บริษัทของของเรา นอกจากเงินเดือนประจำที่ทุกคนจะได้รับแล้ว สิ้นปีพ่อจะแบ่งปันหุ้นให้เท่า ๆ กัน ถ้าพ่อแม่เป็นอะไรไปสุดแล้วแต่ลูกๆ จะเอาไปต้มยำทำแกง เงินที่อยู่ในแบงค์พ่อจะแบ่งให้ทุกคนเท่า ๆ กัน คนละห้าล้านบาทถ้วน เพชรและทองจะจัดแบ่งเท่า ๆ กัน นอกจากนี้พ่อยังมีบ้านสามหลังซื้อเอาไว้ แบ่งให้คนละหลัง ถ้าใครอยากจะไปอยู่ก็เชิญ ส่วนเงินที่เหลือเพียงเล็กน้อยพ่อกับแม่จะเก็บเอาไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต โดยท่องเที่ยวรอบโลก คิดว่าลูกทุกคนคงจะพอใจต่อส่วนแบ่งในกองมรดกในครั้งนี้”
“พวกเราพอใจครับพ่อ”
ธานินทร์ลูกชายคนหัวปียิ้มกริ่ม เพราะจำนวนมรดกที่ได้รับนั้นสามารถมีชีวิตอยู่ได้สบายตลอดทั้งชาติโดยเฉพาะเงินปันผลของบริษัทตกปีหนึ่งหลายล้านบาท เวลานั้นฉายเฉิดตาลอยนึกถึงเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่อยากได้ เธอจะซื้อใส่โชว์ในงานราตรีให้ทุกคนตะลึงจนตาค้าง
“แล้วดารินล่ะพอใจไหมลูก”
“พอใจค่ะ แต่ดารินขอแยกตัวออกไปอยู่ต่างหากนะคะ คุณพ่อคงไม่ว่าอะไร”
“ตามใจถ้าอยากอยู่เฉพาะครอบครัว ขอเพียงแต่ช่วยกันทำงานก็แล้วกัน พ่อเองก็คงอยู่ไม่นานหรอก”
ดาริกาประคองพ่อด้วยน้ำตาเอ่อ ท่านชอบพูดเป็นลางไม่ดีแก่ตัวเอง ซึ่งทำให้เธอใจไม่ดี
“สำหรับลูกดา นอกจากมรดกที่พ่อแบ่งให้แล้ว พ่อขอร่วมสมทบทุนให้กับเด็ก ๆที่หนูไปสอนเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนบาท”
“ขอบคุณค่ะพ่อ คราวนี้เด็ก ๆ คงไม่ขัดสนสื่อการสอนอีกต่อไปแล้ว”
พวกพี่ ๆ มองหน้ากันซุบซิบด้วยความอิจฉา
“ไม่รู้ว่ายายดาจะเอาเงินไปช่วยเด็กจริงหรือเปล่า ถ้าอมเข้ากระเป๋าล่ะก็ใครจะไปรู้ อย่างนี้พ่อน่าจะมีพิเศษให้กับเราบ้าง”
อาคมเป่าหูภรรยา ดารินชักสีหน้าอย่างไม่พอใจในตัวน้องสาว แต่ไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ ฉายเฉิดเช่นกันเบียดร่างเข้าหาสามีอดที่จะพูดไม่ได้
“ฉันนึกแล้วเชียว เห็นน้องสาวคุณนั่งออเซาะแม่ต้องได้มากกว่าคนอื่น เวลาซื้อหวยทำไมไม่ถูกยังงี้น๊า”
คุณมานะมองหน้าลูกทุกคน ท่านพอจะเดาความคิดออก นึกน้อยใจตัวเองเลี้ยงลูกจนขนาดนี้ แต่ความคิดไม่พัฒนา สงสารแต่ดาริกาสู้อุตส่าห์ทำความดี พี่ ๆ กลับเห็นว่าเป็นการประจบเอาใจ ถ้าเธอแต่งงานมีผู้นำที่ดีท่านจะไม่ห่วงเลย
“เอาล่ะ ทุกคนมาเซ็นชื่อรับมรดกกันได้แล้ว”
ทุกคนเซ็นชื่อยอมรับมรดกจนเป็นที่เรียบร้อย อาคมชวนพี่เมียนั่งดื่มฉลองเสียงดัง ต่างคุยฟุ้งถึงจำนวนเงินว่าจะเอาไปทำอะไรบ้าง
“ผมจะให้รินซื้อรถไว้ใช้สักคัน เอาป้ายแดงจะได้สมฐานะลูกสาวเจ้าของบริษัท พอสิ้นปีได้เงินปันผลจากหุ้นบริษัท ผมจะชวนรินไปเที่ยวยุโรป จากนั้นกะว่าจะมีลูกสองคน หาคนมาช่วยใช้เงิน แล้วพี่ล่ะมีโครงการอะไรในอนาคต”