16 พี่เขยใส่ความดาริกา
“เธอลองคิดดูดี ๆ สิ เพราะอะไรจู่ ๆ ยายดาถึงกลับมาอยู่บ้าน และบอกว่าจะไม่กลับไปดอยไปป่าอีกแล้ว คงไม่มีอะไรมากนักหรอก นอกเสียจากอยากได้สมบัติขึ้นมา ยิ่งพ่อเธอรักยายดามากยังงั้น เงินจะมาถึงมือเราสักกี่ตังค์ หากว่าเรามีลูกขึ้นมาตอนนี้จะไม่แย่กันรึ”
คำพูดของสามีทำให้ดารินฉุกคิด เธอรักสามีมาก ไม่ว่าเขาพูดอะไรก็จะเห็นดีเห็นงามไปด้วย ถ้าเป็นอย่างที่อาคมพูดจริง ๆ ล่ะก็ ส่วนแบ่งในกองสมบัติคงได้น้อยลง เธอนึกชังน้ำหน้าน้องสาวที่กลับมาทำลายความฝันอันบรรเจิด
“แต่ยายดาเคยบอกว่าไม่ได้หวังอะไรหรือว่าจะเอาอะไรจากทางบ้านนี่คะ”
“เชื่อให้โง่สิ ไม่มีใครคนไหนยอมกัดก้อนเกลือกินทั้งที่บ้านตัวเองรวยล้นฟ้าหรอกนะ น้องเธอน่ะฉลาด ไปอยู่ที่อื่น หลอกให้เราตายใจ เห็นไหมล่ะคราวนี้พ่อคุณเตรียมจะให้ทำโน่นทำนี่ ถ้ากิจการดีก็มอบให้บริหาร เราสองคนคงต้องแบมือขอเงินยายดาใช้ล่ะ”
เขายังไม่เลิกที่จะเป่าหู ดารินยกมือก่ายหน้าผากและครุ่นคิด
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันไม่กล้ามีปากมีเสียงกับพ่อหรอกนะ ท่านยิ่งไม่ชอบขี้หน้าคุณอยู่ด้วย”
อาคมได้ยินดังนั้น เดือดจนอกแทบระเบิด เขาคำรามในลำคอว่าไอ้แก่ แล้วลุกขึ้นนั่ง จ้องหน้าภรรยาเขม็ง
“อ้าวทำไมไม่ชอบหน้าผมล่ะ ผมไปทำอะไรให้ท่าน”
“ก็คุณชอบดื่มเหล้าเที่ยวกลางคืนน่ะสิ”
เมื่อได้ยินดังนั้นอาคมเขย่าร่างภรรยาแรง ๆ จนเธอหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด
“ถ้าคุณไม่บอก ท่านจะรู้ได้ยังไง อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนักนะ ถ้าผมเบื่อขึ้นมาละก็ ผมจะไป ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าแม่ม่ายหน้าจืด ๆ อย่างคุณ ไอ้หน้าโง่ที่ไหนมันจะมาสวมรอยแทน”
“เอ๊ะ ! คุณนี่พาลไม่เข้าเรื่อง ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว ถ้าคุณคิดว่าตัวเองวิเศษเลิศเลอก็ไปซี๊ ออกไปเลยไปอยู่กับใครก็ได้ ไปเลย”
อาคมหันหลังให้ภรรยา พอเธอเอาเข้าจริง ๆ เขาไม่กล้าหือเพราะถือว่าเธอเป็นบ่อเงิบ่อทองสำหรับเขา
แรก ๆ ที่ดาริกากลับมาอยู่บ้านทุกคนก็ทำดี แสดงความเมตตา แต่อยู่นานวันเข้า พวกพี่ ๆ ทำเหมือนว่าเธอเป็นตัวเชื้อโรคน่าขยะแขยง ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ วันนี้เช่นกัน ดารินกลับมาจากทำงานก็มีทีท่าปั้นปึ่งกับน้องสาวตลอด เมื่อเห็นท่าทางหญิงสาวเหม่อ ทำให้ไม่พอใจมากกว่าเดิม
“อ้าวยายดายังไม่ไปช่วยทำงานที่บริษัทอีกเหรอ เธอรู้หรือเปล่าว่าที่บริษัทเวลานี้ขาดคนมาก พี่ทำจนหัวยุ่งหมดแล้ว”
ดาริกาได้ยินดังนั้น ลุกขึ้นนั่งตัวตรง หายใจหนักหน่วง ท่าทางพี่สาวร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ผิดกับวันแรกที่กลับบ้านทำท่าเหมือนว่าจะอุ้มเข้าเอวเสียให้ได้
“ก็ดาบอกแล้วไงว่าจะขอพักสักระยะหนึ่ง พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกว่าดาขอนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ดายังเพลียอยู่เลยค่ะ”
“สบายจริงนะเรา คนอื่นทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่อีกคนกลับใช้เงินโครม ๆ ดูจะไม่เข้าท่านา”
หญิงสาวหน้าเผือดไม่คิดว่าการกลับมาในครั้งนี้จะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากระหว่างพี่น้องท้องเดียวกัน และคลานตามกันมาแท้ ๆ ทำไมถึงใจร้ายอย่างนี้
เสียงเอะอะของพี่สาวทำให้แม่ออกมาจากครัวมองหน้าดารินเหมือนหาคำตอบ
“เอะอะอะไรกันแม่ดาริน เสียงดังไปจนถึงในครัว เป็นผู้หญิงหัดสงบเสงี่ยมบ้างสิ เพราะเสียงอย่างนี้นี่ไง ผัวถึงเตลิดออกนอกบ้านแทบทุกคืน”
มารดาพูดจบ ดารินเม้มปากตาโพลงด้วยความไม่พอใจ เธอน่ากลัวจนดูเหมือนว่ากล้าที่จะหักคอใครได้ง่าย ๆ แม้แต่แม่ของตัวเอง
“แม่อย่าซ้ำเติมหนูได้ไหม อ๋อใช่น่ะซี้หนูไม่ใช่ลูกรักของแม่นี่ถึงได้ว่าเอา ๆ ถ้ามีที่ไปหนูไม่เกาะอยู่อย่างนี้หรอก ไม่ทนให้ว่าเช้าว่าเย็น หนูเหนื่อยจากการทำงานนะแม่น่าจะให้สบายใจบ้าง แต่นี่อะไรแม่กลับว่าหนู เพราะมีแม่ยายแบบนี้ไงอาคมเขาถึงออกไปเที่ยวข้างนอก”
ดาริกาอ้าปากค้างไม่นึกว่าผู้เป็นพี่จะกล้าขึ้นเสียงกับแม่ เห็นหน้าท่านแล้วสงสาร ขณะนั้นแม่มือบางยกขึ้นจับหน้าอกเหมือนหายใจไม่ออก
“แม่ แม่คะเป็นอะไรไปคะ”
ดาริกาถามด้วยความเป็นห่วง ประคองแม่นั่งบนเก้าอี้ แล้วเรียกสาวใช้หายาดมมาให้ ต่างจากดารินเดินลงส้นเท้าจากไป ไม่สนใจที่จะเหลียวมองดูแม่แม้แต่นิดเดียว
“ใจร้าย ใจร้ายที่สุด แม่ขาแม่ ดาจะพาแม่ไปหาหมอค่ะ”
มารดาโบกมือไปมา หายใจคล่องขึ้น สีหน้าเริ่มมีเลือดฝาด หญิงสาวค่อยโล่งใจนั่งกอดท่านด้วยความรัก และลูบเส้นผมลูกสาวไปมา