15 พี่เขยคิดไม่ซื่อ
พี่เขยที่ชื่ออาคมชอบพูดยกยอ และท่าทางเป็นคนเจ้าชู้ ลับหลังคนอื่นมักฉวยโอกาสแตะต้องเนื้อตัวน้องเมีย ดาริกาต้องคอยระวังตัว พยายามไม่อยู่ใกล้เขา บางครั้งเคยได้ยินเด็กรับใช้ที่บ้านพูดว่าเขาชอบกลับดึก ดื่มเหล้าเคล้านารีและทะเลาะกับพี่สาวเป็นประจำ ไม่รู้ว่าดารินทนผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร เวลาที่เขามองมานั้นดาริกาใจหาย เพราะดวงตาคู่นั้นเหมือนเจาะล้วงลึกเข้าไปในร่มผ้า
“ดาจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง แต่ตอนนี้ดาขอพักก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงาน อยากจะปรับตัวค่ะ”
“ดาเก่งออกไม่เห็นจะต้องปรับตัวอะไรเลย ถ้าไม่เข้าใจอะไรถามพี่ก็ได้ แล้วเรื่องเงินเดือนจะให้น้องยังไงคะพ่อ”
ดารินถามบิดาด้วยเสียงเป็นงานเป็นการ สีหน้าท่านไม่สู้ดีนัก เพียงแค่มีคนเพิ่มมาหนึ่งดูเหมือนว่าลูกสาวลูกชายเริ่มนึกถึงผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งที่คน ๆ นั้นเป็นน้องแท้ ๆ ของพวกเขา ดาริการู้สึกอึดอัด ทุกคนเว้นพ่อกับแม่ ล้วนแต่สวมหน้ากากเข้าหากัน ต่อหน้าทำเป็นพูดดีพอลับหลังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
ดาริการู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของครอบครัว จึงขอตัวเดินไปทางหลังบ้าน เวลาเย็น ๆ แบบนี้นึกถึงป่าหนาว เธอและภูผาชอบนั่นคุยกัน ยิ่งคิดยิ่งใจหาย
“มานั่งเศร้าอยู่ทำไมเล่าน้องดา คืนนี้พี่พาไปเที่ยวผับเปิดใหม่ ที่นั่นหรูมาก น่าดูค่าเปิดขวดก็ไม่แพงพี่เป็นสมาชิกอยู่แล้วไม่ต้องกลัว พี่ไปบ่อย ไปนะพี่จะรอตอนห้าทุ่ม”
หญิงสาวสะดุ้ง จู่ ๆ พี่เขยแอบย่องมาด้านหลัง หญิงสาวลุกขึ้นยืนระวังตัวเต็มที่ถ้าเขาจู่โจมถึงตัว คงพอจะมีทางเอาตัวรอด
“ไม่ล่ะค่ะ ดาไม่ชอบเที่ยวกลางคืน อีกอย่างดาดื่มเหล้าไม่เป็นด้วย ตามสบายเถอะค่ะ”
“ไม่จำเป็นต้องดื่มก็ได้นี่จ๊ะ ไปเปิดหูเปิดตาจะได้รู้ว่าโลกเราทุกวันนี้ไปถึงไหนกันแล้ว”
ดาริกาเดินหนีปล่อยให้เขายืนคว้างเพียงคนเดียว แต่เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป เธอจึงหันมาพูดเบา ๆ
“ดาอยากพักผ่อนค่ะ”
อาคมจ้องมองร่างสมส่วนของน้องเมียอย่างเสียดาย ถ้าเขาได้เป็นเจ้าของครอบครองคงจะมีความสุขไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่าน้องเมียคนนี้จะไม่เล่นด้วย ชายหนุ่มหัวเสียหงุดหงิดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และคำรามเบาๆ
“ระวังตัวให้ดีเถอะนังสมันน้อย สักวันหนึ่งโอกาสต้องเป็นของไอ้คมบ้าง เมื่อถึงวันนั้นอย่าร้องก็แล้วกัน”
ฉายเฉิดเองก็เช่นกันต่อหน้าน้องสามีพูดดีเอาใจดาริกา แต่พอลับหลังเมื่ออยู่สองต่อสองกับสามีจะแสดงธาตุแท้ออกมา พูดจาค่อนขอดคนโน้นคนนี้ โดยเฉพาะดาริกา ทุกครั้งที่พูดถึงจะทำตาลุกตาพอง
“รู้ไหมน้องสาวตัวดีของคุณกลับมาที่นี่ จะต้องมาแย่งสมบัติของคุณไปแน่ ๆ เลย ไหนว่ารักธรรมชาติ ไม่ชอบไฟแสงสีแล้วกลับมาทำไม ถ้าไม่เป็นโรคงกจนขึ้นสมอง แม่นี่คงกลับมาขอส่วนแบ่ง ระวังเหอะมัวแต่ใจเย็น อืดเอื่อยเป็นเรือเกลืออย่างนี้จะกลายเป็นหมาหัวเน่า ดูแล้วท่าทางคุณพ่อโอ๋ลูกสาวคนเล็กเหลือเกิน”
ธานินทร์ถลึงตาใส่ภรรยา เพราะกลัวคนจะได้ยิน
“พล่ามพอรึยัง”
ฉายเฉิดหันขวับสีหน้าเหมือนนางปิศาจ
“นี่คุณบังอาจว่าฉันเหรอ ฉันพูดความจริงทุกอย่าง ที่พูดน่ะกลัวคุณจะเหลือแต่ตัว ยังจะมาฉันว่าอีก คนนิสัยแปลก ๆ อย่างคุณไม่รู้ว่าฉันคว้ามาเป็นผัวได้ไง”
“บอกให้หยุดไง เงียบซะทีได้ไหม”
“ไม่ ฉันไม่เงียบ ที่พูดเพราะหวังดี ถ้ารู้ว่าแตะไม่ได้อย่างนี้ก็จะไม่พูดให้เสียน้ำลายหรอก ไอ้เรารึทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด คุณกลับไม่เห็นความดี ต่อจากนี้ไปจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
ธานินทร์ไม่อยากให้มีเรื่องมากไปกว่านี้ จึงเดินออกมาข้างนอก ปล่อยให้ฉายเฉิดร้องกรี๊ด ๆ ไปตามลำพัง เขารู้นิสัยภรรยาตัวเองดีว่าเป็นคนขี้อิจฉา เห็นคนอื่นได้ดีเกินหน้าเกินตาไม่ได้ แต่บางครั้งคำพูดของเธอก็ทำให้เขาหวั่นไหวไม่ได้
“ยายดา เธอกลับมาทำไม น่าจะอยู่กับป่ากับเขา มาให้รำคาญหูรำคาญตา ไม่รู้ว่าพ่อจะลำเอียงรึเปล่า ยายดารินนั่นก็จ้องเหมือนกัน ถ้าได้ไม่เท่ากับละก็ เราเหนื่อยฟรี เห็นทีว่าต้องพูดบ้างล่ะ”
การกลับมาของดาริกาสร้างความไม่พอใจให้กับพี่และครอบครัว เพราะกลัวว่าจะมาแย่งทรัพย์สมบัติ ฉายเฉิดพี่สะใภ้ที่ว่าร้ายแต่คงไม่ร้ายเท่าพี่เขย นอกจากจะหวังสมบัติแล้วยังจะหวังจะเอาตัวเธออีกด้วย
การที่เขาได้แต่งงานกับดาริน ทำให้ชีวิตสุขสบายขึ้นกว่าเก่ามาก มีหน้ามีตาในสังคม พอน้องเมียกลับมาก็กลัวว่าสมบัติจะถูกแบ่งเป็นสาม ถ้าได้น้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ เขาคงจะต้องกลับไปอยู่ในสภาพเดิม จึงเป่าหูภรรยาตลอดไม่ให้ไว้ใจน้องสาว