บท
ตั้งค่า

บทที่7

คุณมันทนาที่ยืนเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้นมาเรียบๆ หลังจากที่เห็นอาการขยิบหูขยิบตาที่คุณสุดาส่งสัญญาณอะไรสักอย่างมาให้เมื่อทั้งสามสาวหันไปมองหน้ากัน

“ดีเหมือนกันนะลูก แม่ห่วงอยู่เหมือนกันว่าจะไปนอนไหนกัน ถ้าไปนอนที่โรงแรมป้าสุดา แม่ก็หมดห่วง ลูกจะไปเที่ยวหลายวันก็ได้นะจ้ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ เดี๋ยวแม่ดูแลเองได้จ้ะ นานๆ จะได้ไปเที่ยวกับเขาสักที แม่อยากให้มีนาไปเที่ยวอย่างสนุกและก็สบาย”

คุณมันทนาจบคำพูดยืดยาวด้วยรอยยิ้มละมุน

แน่นอนว่าคำพูดของคนเป็นแม่ ทำให้หญิงสาวเริ่มเห็นดีด้วย ก็นานแล้วนี่นา... ที่หล่อนไม่ได้ทำตัวตามสบาย ไปเที่ยวอย่างไม่รู้สึกว่ามีภาระหนักอึ้งอยู่เต็มสองบ่า

มีนาวลัย เกดแก้ว และจอมขวัญมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตกลงรับคำอย่างง่ายดาย รอยยิ้มพอใจคลี่อยู่บนริมฝีปากของคุณสุดา ทว่าสามสาวมิได้สังเกต เนื่องจากว่ากำลังตื่นเต้นและต่างคนก็นึกวางแผนการต่างๆ นานา ในการไปค้างแรมในตัวเมือง

คุณมันทนายิ้มเยื้อนต้อนรับร่างสูงใหญ่ที่เดินขึ้นบันไดมาอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ด้วยเหตุที่เคยเห็นกันมาตั้งแต่ชนวีร์ยังเป็นเด็กชายแก้มยุ้ยจนบัดนี้เขากลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัวรูปร่างสูงใหญ่และขยันขันแข็งเอาการเอางาน ผิดแผกจากลูกคนมีเงินส่วนมาก ทำให้คุณมันทนาอดปลื้มไม่ได้ และเพราะเหตุนี้ที่ทำให้นางนึกอยากฝากฝังชีวิตลูกสาวเพียงคนเดียวของนางไว้กับเขา

หากว่าพรหมลิขิตชักนำให้ทั้งคู่รักกันล่ะก็ ทั้งคุณมันทนาและคุณสุดาคงเปรมปรีด์

ก็นี่ล่ะนะ...คนแก่สองคนจึงต้องร่วมมือกัน ทั้งวางแผนทั้งเดินหมาก ดีไม่ดี...อาจจะต้องลงทุนเป็นกามเทพเสียเองก็ไม่รู้

คำกระซิบที่พอได้ยินเพียงสองคนก่อนที่จะขึ้นรถของเพื่อนสนิท บอกเล่าล่วงหน้าถึงการมาเยือนของชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ แน่นอนล่ะ...หัวใจคนแก่อย่างคุณมันทนาและคุณสุดาเริ่มมองเห็นความหวัง หลังจากที่พยายามกันมาหลายครั้งหลายหนที่จะให้หนุ่มสาวคู่นี้ได้พบหน้า แต่ก็คว้าน้ำเหลวมาโดยตลอด ทั้งคู่ไม่อยากจะกระโตกกระตากให้กระต่ายตื่น(ตูม) ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าลูกหัวแก้วหัวแหวนของตนนั้นต่างมีนิสัยที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง

นั่นคือ...ดื้อ

ทั้งดื้อเงียบ ดื้อแพ่ง ดื้อตาใส ลองว่าบังคับกันล่ะก็ ทั้งพ่อและแม่เจ้าประคุณคงเล่นบทกระต่ายขาเดียวยืนกรานเสียงแข็งที่แม้หินผายังต้องยอมแพ้

เพราะฉะนั้นทางเดียว คือ ค่อยๆ เกลี้ยกล่อม เออน่า...โบราณเขาว่า น้ำหยดลงบนหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วหัวใจอันอ่อนไหวของคนเราจะไม่โอนอ่อนตามเชียวละหรือ

“เป็นไงจ้ะ พ่อวีร์มาแต่เช้าเชียว”

คุณมันทนาเปิดฉากทักคนร่างสูงที่เดินมาค้อมตัวไหว้อย่างอ่อนน้อมจนอดยิ้มอย่างพอใจไม่ได้ ก็ดูซี...ตัวก็โตออกปานนั้น แถมไปเรียนต่างบ้านต่างเมืองมาเป็นนาน ยังไหว้ได้เรียบร้อยน่ารักขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้ชื่นชมได้อย่างไร คนสูงวัยกว่าลูบหลังลูบไหล่คนตัวสูงอย่างเอ็นดู จูงมานั่งที่โต๊ะเก้าอี้ชุดเดิมที่ต้อนรับคุณสุดาก่อนหน้าที่คนเป็นลูกชายจะมาถึง

“พ่อวีร์จะดื่มอะไรดี กาแฟ...”

“โอย...น้าน้อยไม่ต้องลำบากเลยครับ ผมเพิ่งจะทานกาแฟมาเมื่อครู่นี้เอง ตอนนี้เห็นทีจะยังรับอะไรเพิ่มไม่ไหวล่ะครับ”

คำปฏิเสธของชายหนุ่มพร้อมสีหน้าสีตาที่เจ้าตัวทำท่าว่าอิ่มจนพุงกางทำให้คุณมันทนาทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม คำถามสารทุกข์สุกดิบจึงเริ่มต้น ค่าที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน

“น้าไม่เห็นพ่อวีร์กี่ปีกันเนี่ย จำแทบไม่ได้ ดู...ไปอยู่โน่น กินแต่นมแต่เนยสิท่า ถึงได้ตัวโตสูงใหญ่อย่างกับฝรั่ง นี่ถ้าไปเจอกันข้างนอก สงสัยน้าคงต้องทวนความจำนานเชียวล่ะ กว่าจะนึกออก แล้วเป็นยังไงจ้ะ วันนี้มาเยี่ยมน้าได้ มีอะไรหรือเปล่า....”

คำถามสุดท้ายกับดวงตาแฝงแววคาดคะเน ทำให้ชนวีร์หัวเราะเฝื่อนๆ สายตาของเขาแลกวาดเข้าไปในตัวเรือนเหมือนมองหาใครสักคนแล้วกลับมาจับอยู่ที่ใบหน้าของผู้สูงวัย

“เอ่อ...น้าน้อยคงจะรู้เรื่อง...เมื่อวานแล้ว”

แทนคำตอบคือรอยยิ้มอย่างขอลุแก่โทษจากคนสูงวัย

“น้าต้องขอโทษแทนยายมีนา”

ชนวีร์เอื้อมไปกุมมือผู้ใหญ่ที่เขาเคารพด้วยสองมือ ค้อมตัวลงเท้าศอกกับหัวเข่าทั้งสอง

“น้าน้อยครับ น้าน้อยไม่จำเป็นต้องขอโทษผมเลยครับ ผมไม่ได้มาเพื่อสิ่งนี้ เพราะผมไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรเลย แค่อยากจะมาเยี่ยมน้าน้อยเท่านั้น ที่จริง...ผมควรจะมานานแล้วแม่ก็ชวนตั้งหลายครั้ง แต่ผมปฏิเสธมาตลอด เพราะยุ่งเรื่องงาน กลับมาแล้วมีอะไรให้ทำเยอะแยะเหลือเกินน่ะครับ จนเมื่อวานพอเห็นน้องผมก็แทบจำไม่ได้ ก็เลยได้คิดว่า ถ้าเราเจอกันข้างนอกก็คงจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน ทั้งๆ ที่บ้านเราก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ รู้จักกันมาก็นานแสนนาน”

คุณมันทนายิ้ม ดึงมือข้างหนึ่งออกจากมือชายหนุ่ม ตบเบาๆ ลงบนหลังมือนั้นอย่างอ่อนโยน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel