ความรักสีส้ม

141.0K · จบแล้ว
คีตาญชลี ลลิตรา ดาห์เลีย
82
บท
5.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชนวีร์ไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าเขารู้สึก "พิเศษ" กับหญิงสาวร่างเล็กบาง แต่เจ้าอารมณ์เหลือเกินคนนั้นตั้งแต่เมื่อไร...คงจะตั้งแต่เจ้าหล่อน ฝากกรอยมือไว้บนใบหน้าเขาวันนั้นกระมัง หรือว่า...จะเกิดขึ้นมานานกว่านั้นจากเมื่อครั้งที่เขาและเธอยังคงเป็นเพียงเด็กหญิงและเด็กชาย"ยายกุ้งแห้ง" ขี้โมโหที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งทุกครั้งที่ถูก "ไจแอนท์" กลั่นแกล้งแต่ที่หัวใจของเขารับรู้และยอมรับโดยดุษณี...ความรักของเขาไม่ใช่สีชมพูดหวานใสเหมือนคู่อื่น ทว่าเป็นสีส้มสดใสที่คงมีรสชาติไม่ต่างจากผลส้มในสวนของทั้งเขาและเธอแม้ไม่หวานจับใจ หากก็ทำให้หัวใจเบิกบานเป็นสุขได้เท่ากัน

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันนางเอกเก่งรักหวานๆโตมาด้วยโรแมนติกพระเอกเก่ง

บทที่1

ฟ้ายังชื้นฝนเมื่อดวงตะวันเยี่ยมหน้ามาทักทาย สรรพสำเนียงแห่งชีวิตเริ่มอุบัติ และจากปลายขอบฟ้าด้านหนึ่ง ฝูงนกเริ่มบินออกจากรัง ชีวิตกำลังเริ่มต้นดำเนินตามวัฏจักรแห่งเวลาที่บางครั้งก็ดูอ้อยสร้อย อ้อยอิ่ง ทว่า…อีกหลายๆ ครั้ง กลับรีบเร่ง ร้อนรน

หญิงสาวเผยอเปลือกตาขึ้นมองนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียง เมื่อมันแผดเสียงร้องลั่นปลุกหล่อนจากการนอนหลับอันยาวนาน

…หกโมงเช้า…

มีนาวลัยยังคงอาวรณ์กับที่นอนนุ่มจึงขดตัวใต้ผ้าห่มหนาอีกพักใหญ่ แสงยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเนื้อเบาเข้ามาทำให้ห้องนอนสว่างสวยด้วยสีเทาอมฟ้า แล้วสามัญสำนึกก็ฉุดหล่อนขึ้นมาจากที่นอน เมื่อนึกขึ้นได้ว่า วันนี้จะมีแขกมาหาถึงบ้าน

แขกที่ว่า…ก็คือเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

เกดแก้ว…กับ…จอมขวัญ

เพื่อนซี้ที่อยู่ในแก๊งสามใบเถาด้วยกัน เพราะความที่พวกหล่อนจะติดกันหนึบ ไปไหนไปด้วยกัน

เกือบสองปีเต็มที่ไม่ได้เจอกับเพื่อนทั้งสองคน เพราะต้องกลับมาอยู่บ้านเพื่อช่วยแม่ดูแลกิจการของครอบครัว บ้านของหล่อนเป็นเจ้าของสวนส้มที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ มีที่กว้างขวางมากมายและคนงานอีกเกือบร้อย

บางครั้งมีนาวลัยยังเคยนึกขันตัวเองที่อุตส่าห์ร่ำเรียนเสียมากมายเพื่อให้ได้ใบปริญญา หากท้ายที่สุดกลับไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาประกอบอาชีพ แต่ต้องมาดูแลสวนส้มขนาดใหญ่แห่งนี้แทน

ทว่า...หล่อนก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่นี้และอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากยังอยู่ในกรุงเทพฯ ชีวิตหล่อนจะเป็นเช่นไร...

ก็คงไม่ต่างจากตุ๊กตาไขลานที่ต้องดำเนินชีวิตไปตามวิถีของคนกรุงอย่างไม่มีวันจบสิ้น ซ้ำไปเวียนมา อยู่อย่างนั้น อยู่ที่นี่มีนาวลัยมีโอกาสได้สัมผัสชีวิตและธรรมชาติ หล่อนเห็นโลกในอีกแง่มุมซึ่งคงจะไม่มีวันได้พบเห็น ถ้าหากว่ายังคงอยู่ในวังวนของสังคมเมือง

มีนาวลัยละทิ้งความหรูหราฟุ่มเฟือย ละทิ้งเสื้อผ้าเครื่องใช้แบรนด์เนมทั้งหลายไว้เบื้องหลัง และดำรงตัวเองอยู่ในความเรียบง่าย เดี๋ยวนี้หล่อนพอใจกับเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าฝ้ายพื้นเมือง มากเสียกว่าเสื้อยี่ห้อดังๆ ทั้งที่ย้อนหลังไปสักสี่ปีที่แล้วเป็นต้องกระเสือกกระสนไขว่คว้าเพื่อครอบครอง

หญิงสาวสะบัดผ้าห่มไปไว้ที่ปลายเตียง กระโดดลงจากเตียงได้ก็บิดขี้เกียจเสียสองที แล้วก็เดินไปแหวกผ้าม่านสีเทาอมฟ้าที่มีลายขีดเป็นทางยาวสีขาวออก เพื่อให้แสงสว่างยามอรุณฉายเข้ามาในห้อง หล่อนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อชื่นชมภาพทิวทัศน์ที่เจนตา เจนใจ ทว่า...ไม่เคยทำให้เบื่อเลยสักครั้ง

มีนาวลัยทำอย่างนี้ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา เพื่อเรียกพลังกลับคืนและปลุกตัวเองจากนิทรา จุดชีวิตอีกครั้งหนึ่ง หลังจากค่ำคืนที่ยาวนาน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอด ระบายยิ้มบนใบหน้า เมื่อนึกถึงเพื่อนทั้งสองคน และวันวารระหว่างกัน

วันนี้…คงจะได้ฟื้นความหลังกันบ้างหรอก

เสียงเคาะประตูทำให้มีนาวลัยชะงักจากการหวีผมยาวดำขลับ หล่อนเหลือบมองประตูห้องจากกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง แม่ของหล่อนเป็นผู้ที่ก้าวเข้ามา

“มีนา ตื่นแล้วเหรอลูก”

ผู้เป็นแม่เดินมาหยุดอยู่หลังลูกสาว ดึงหวีจากมืออีกฝ่ายมาแล้วหวีผมยาวๆ ของลูกสาวอย่างเบามือ

“ค่ะ แม่ หนูว่าจะไปดูแลความเรียบร้อยในสวนสักหน่อย วันนี้จะต้องเก็บส้มด้วยค่ะ”

คนเป็นแม่พยักหน้าอย่างรับรู้ ตั้งแต่ลูกสาวกลับมาช่วยงานในสวน เธอก็สบายขึ้นเยอะเพราะภาระหน้าที่ทั้งหลายนั้น มีนาวลัยจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบเกือบทั้งหมด เว้นแต่การตัดสินใจบางเรื่องที่ผู้เป็นลูกจะปรึกษาก่อน ถ้าหากเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องอาศัยความคิดเห็นจากผู้เป็นแม่

“ก็ดีลูก แต่อย่าเพลินล่ะ เราน่ะลองว่าได้ทำงานแล้วลืมทุกอย่าง” คนเป็นแม่ดักคอ เพราะรู้นิสัยลูกสาวดี มีนาวลัยชอบทำงานในสวน บางวันหล่อนถึงกับลงไม้ลงมือเองเสียด้วยซ้ำ

...จะต้องไปทำเองทำไมลูก เราจ้างคนงานไว้ก็เพื่อทำงานให้เรา ลูกแค่ไปควบคุมดูแลก็พอแล้ว...

เธอเคยออกปากกับลูกสาว แต่ผู้เป็นลูกกลับเถียงกลับมาเสียอีก

...แม่...ถ้าหนูไม่ลงมือทำเอง แล้วหนูจะรู้ได้ไง ว่าจะสั่งเขายังไง พวกคนงานก็จะพูดกันได้ ว่านายไม่รู้จริงแล้วยังมาสั่งให้เขาทำโน่นทำนี่ อีกอย่างเขาจะได้รู้สึกว่าเราไม่ถือตัว ซื้อใจเขาได้อีกนะคะ...แม่ ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกถึงสองตัวเชียวค่ะ...

เธอยอมจำนนต่อเหตุผลที่ลูกยกมาอ้าง เพราะเห็นจริงตามนั้น

ลึกไปกว่านั้น เธอภูมิใจในความคิด และการกระทำของลูกสาว อย่างน้อยแรงกาย แรงใจที่ทุ่มเทให้ลูกไปนั้นก็ไม่เสียเปล่า นับเป็นรางวัลที่สูงสุดในชีวิตทีเดียว

คุณมันทนาเลี้ยงลูกมาเองตัวคนเดียว ตั้งแต่พ่อของมีนาวลัยเสียชีวิตไป ตอนลูกสาวอายุเพียงห้าเดือน ด้วยโรคหัวใจวายอย่างเฉียบพลัน

ความรัก ความเอาใจใส่ที่มีทั้งหมดจึงทุ่มเทมาที่ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้เป็นสามี

...มีนาวลัย...

ชื่อของลูก ผู้เป็นสามีเป็นคนตั้งให้ พร้อมทั้งบอกความหมายไว้

...โบราณเขาบอกว่า ลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจพ่อแม่ ผมไม่เคยเห็นจริง จนกระทั่งวันนี้...วันที่ผมได้เป็นพ่อคน ลูก...เปรียบเสมือนโซ่ทองคล้องใจคุณกับผมไว้ด้วยกันตลอดไป ผมชื่อมีน ถ้าอย่างนั้นผมจะตั้งชื่อแกว่า มีนาวลัย...

มีนาวลัย...โซ่คล้องใจมีน

กำไลที่คล้องใจผู้เป็นพ่อไว้ ตราบจนวินาทีสุดท้ายแห่งลมหายใจ

...คุณ...ดูแลลูกของเราให้ดีที่สุดให้สมกับที่แกจะขาดพ่อ ผมมันคนบุญน้อย พอชีวิตจะสมบูรณ์ มีเมีย มีลูกพร้อมหน้าพร้อมตา ผมก็กลับจะไม่ได้อยู่ชื่นชมเสียอีก ผมฝากบอกแกด้วยนะคุณว่า พ่อของแกรักแกมากเพียงใด ถึงตัวผมจะไม่อยู่แต่ผมก็จะดูแลคุณกับลูกอยู่ใกล้ๆ เสมอ...

คุณมันทนายิ้มให้กับเงาในกระจกที่สะท้อนภาพของลูกสาว

“ลูกแม่สวยแล้วจ้ะ ไป...ไปทานอะไรรองท้องก่อน แม่เตรียมไว้ให้แล้วจ้ะ”

หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โผเข้ากอดเอวคนเป็นแม่ไว้หลวมๆ ก่อนหอมแก้มแม่ดังฟอดใหญ่

“ขอบคุณค่ะ แม่ มีนารักแม่ที่สุดเลย”