บทที่ 6 ข่าวจากทางไกล
เธอพร้อมเป็นคนคนเดียวกันกับผู้ชายคนนี้ไหม เธอพร้อมจะเล่าเรื่องทั้งหมดของเธอให้เขาฟังหรือยัง แล้วเขาจะเชื่อเธอไหมหรือจะหาว่าเธอเสียสติไป เธอรู้จักเขาดีพอแล้วเหรอ
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด
จันทรกาลรู้ตัวว่ายังตัดสินใจอะไรไม่ได้จึงบอกโรเบิร์ตว่าเธอขอเวลาไปคิดทบทวน ให้เขาช่วยรออีกหน่อย แล้วเธอจะให้คำตอบ
เขาก็ตอบตกลงที่จะรอคำตอบจากเธอ
จนมาวันนี้เธอคิดทบทวนแล้วทบทวนอีก สุดท้ายเธอก็คิดว่าจะลองเสี่ยงดู โรเบิร์ตเป็นคนดีและเป็นสุภาพบุรุษ เขามักจะให้เกียรติเธอเสมอ อย่างมากเราก็แค่นัว ๆ กันนิดหน่อยแต่ไม่เคยถึงขั้นสอดใส่ เพราะเขาบอกอยากให้เราคบกันอย่างเป็นทางการ ดูเขาหัวโบราณกว่าที่คิด แต่ใครจะคิดว่าจะข้ามไปขอแต่งเลย
ยัยซินเอ๊ย หล่อนสวยมาก!
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูทำให้จันทรกาลหลุดออกจากภวังค์ชั่วขณะ พักนี้รู้สึกตนเองเหม่อบ่อยเหลือเกิน สงสัยต้องหาเวลาไปเล่นโยคะหรือทำสมาธิบ้างแล้ว
ต่อมาไม่กี่วันก็ถึงวันเดินทางไปไต้หวันซึ่งเป็นบ้านเกิดของโรเบิร์ต ใจมันตื่นเต้นยังไงบอกไม่ถูก มีความลังเลซ่อนอยู่มากล้น เธอคิดดีแล้วใช่ไหม เริ่มต้นใหม่…ได้แน่แล้ว..ใช่หรือเปล่า
เอาน่า ไม่ว่ายังไงเธอก็เลือกเส้นทางนี้แล้ว จงเชื่อในสิ่งที่เธอเลือกสิ
ก๊อกๆ
“Come in, อ้าวไมกี้ มีอะไรรึเปล่า”
“มีคนติดต่อมาจากเมืองไทย” ไมกี้เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“ใคร? มีอะไร?” จันทรกาลถามอย่างสงสัย เธอไม่เหลือใครให้ติดต่อมาอีกแล้วนี่
“พนักงานที่ไทยติดต่อมาว่ามีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลในประเทศไทยพยายามติดต่อหาแก ฉันสงสัยเลยลองโทรกลับไปตรวจสอบ ทางนั้นอ้างว่าเขาเป็นคุณหมอที่เคยเป็นเจ้าของไข้แม่แก แล้วทีนี้เขามีเรื่องด่วนอยากคุยกับแก แต่ฉันบอกเขาแล้วว่าจะให้แกโทรกลับทีหลัง”
“โอเค เดี๋ยวฉันลองโทรเอง ขอบใจมาก” มีเรื่องอะไรกันนะ ไม่น่ามีคนจำเธอได้แล้วด้วยซ้ำ เพราะเธอจากมาโดยไม่ให้เบอร์ติดต่อใครแม้กระทั่งเพื่อนหรืออาจารย์สมัยเรียน
“นี่คือเบอร์ของหมอคนนั้น” ไมกี้ทิ้งโน้ตไว้ให้แล้วเดินออกจากห้องไปทำงานต่อ
ทางด้านจันทรกาลก็รีบต่อสายหาอดีตหมอของแม่ทันที
รอสายไม่นาน ปลายทางก็รับสาย
“สวัสดีครับ หมอรัชครับ”
“สวัสดีค่ะ จันทรกาลเองค่ะพี่หมอ”
“หนูซิน สบายดีมั้ย พี่เห็นหน้าเราลงในนิตยสารแฟชั่น ยินดีกับความสำเร็จของเราด้วยนะครับ”
“สบายดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่หมอ ซินเองก็ดีใจที่ตัวเองมีวันนี้ค่ะ แล้วพี่หมอเป็นยังไงบ้างคะ”
“สบายดีครับ พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับเราสักหน่อยสะดวกมั้ย”
“สะดวกค่ะ ว่ามาเลยค่ะพี่หมอ”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน มีผู้ชายคนหนึ่งถูกหามเข้ามาที่โรงพยาบาลด้วยโรคตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งได้มาอยู่ในความดูแลของพี่ แต่ในตัวเขาไม่มีบัตรยืนยันตัวตนเลยสักใบ ทางโรงพยาบาลเลยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบให้เพราะต้องรีบเข้ารับการรักษา ก็เลยไปเจอว่า...เขาชื่อว่า นาย จักรพล ยลศิลป์ เป็นคุณพ่อของซิน พี่จำซินได้เลยหาทางติดต่อซินนี่แหละ”
พ่อเหรอ...ลืมไปเลยแฮะ ยังมีชีวิตอยู่เหรอเนี่ย จะว่าไปตาแก่นั่นก็อึดใช่เล่น
“ซินไม่แน่ใจว่าจะกลับไปได้ไหม ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง” เธอไม่อยากกลับไปหาผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้นและเธอเกลียดสายตาที่หยาบโลนที่มองมา มันน่าขยะแขยง
“พี่ก็คิดว่าเราคงยุ่งมาก พอดีพี่ได้แจ้งให้คุณจักรพลทราบว่าพี่จะลองติดต่อหาซิน ท่านเลยฝากบอกว่ามีเรื่องของคุณแม่จะบอก ให้ซินกลับมาคุยกันที่ไทยครับ แต่ถ้าเราไม่สะดวกไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่บอกคุณจักรพลให้”
เรื่องของแม่หมายถึงอะไร ผู้ชายคนนั้นจะมาเล่นไม้ไหนอีก
“ไม่เป็นไรค่ะ ซินจะลองจัดสรรเวลาดู เดี๋ยวซินจะกลับไปจัดการเอง ส่วนเรื่องการรักษาให้รอจนกว่าซินจะไปถึงนะคะ เจอกันที่ไทยแล้วกันค่ะพี่หมอ พอดีซินต้องทำงานต่อ แค่นี้ก่อนนะคะ” ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นทรมานต่อสักสองสามวัน คงไม่ถึงตาย
“เอ่อ ครับ” จันทรกาลพูดรวบรัดแล้ววางสายไปจนหมออย่างเขาพูดไม่ทัน จะกลับมาอยู่แล้ว ทำไมไม่ให้เขารักษาคุณจักรพลไปเลย ให้ชะลอการรักษาไว้ก่อนทำไม แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของญาติคนไข้ คนเป็นหมออย่างเขาก็จำต้องทำตาม
จันทรกาลยกหูต่อสายให้ไมกี้จัดการจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวคืนนี้เพื่อกลับประเทศไทย ตั้งแต่เธอมาเรียนต่อที่นี่เธอไม่เคยกลับไทยอีกเลย จะว่าไปคิดถึงอาหารไทยเป็นที่สุด ต้องเตรียมกระเพาะไปกินให้หนำใจ ส่วนเรื่องผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น ค่อยจัดการ ตอนนี้เธอมีเงิน ไม่กระจอกเหมือนแต่ก่อนที่ปกป้องใครไม่ได้
เธอเลิกงานก่อนเวลาเพื่อเตรียมตัวกลับไปจัดเสื้อผ้าเตรียมเดินทางคืนนี้ เดือนนี้เป็นเดือนธันวาคมเธอต้องเตรียมเสื้อหนาวไปกระเป๋าหนึ่งสำหรับทริปไต้หวัน ส่วนอีกใบเอาเสื้อผ้าบาง ๆ ไปจะดีกว่าเพราะต่อให้เมืองไทยช่วงนี้จะเป็นหน้าหนาว แต่หนาวสุดก็ยังร้อนจนควายป่วย เธอที่ปรับตัวชินกับอากาศหนาวแล้วคงทนความร้อนไม่ไหว
ดีว่าช่วงนี้พอจะเคลียร์งานได้และโชคดีที่พี่หมอโทรมาช่วงก่อนที่เธอจะไปไต้หวัน ไม่งั้นหากต้องบินไปบินมา เธอได้เหนื่อยตาย
ไม่นานก็กลับมาถึงบ้านชั้นเดียวพร้อมกับสวนกว้างที่ซื้อไว้ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 นาที เพราะเธอไม่ค่อยชอบความแออัดในเมือง โดยมีเพื่อนสุดซี้อย่างไมกี้ อาสาเป็นคนขับรถให้อย่างเคย
“แกแน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันไปด้วย” ไมกี้ว่าขณะปิดประตูรถแล้วเดินเข้าบ้าน
“ไม่ต้องหรอก ไม่งั้นแกต้องนั่งกลับแอลเอคนเดียวน่ะสิ ฉันต้องนั่งเครื่องลงที่ไต้หวันก่อนจะกลับมาที่นี่”
“ลืมไปว่าไม่ได้ไปคนเดียว ชิ ทิ้งคู่หูไปเดต แย่มาก” ไมกี้พูดพร้อมสะบัดหน้าไปทางแล้วเดินสะบัดก้นออกไป
“แซวเก่ง” จันทรกาลพูดพร้อมกับเดินเข้าบ้าน
เอ…รู้สึกเหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่าง
เสียงสายเรียกเข้าดังขึ้นจากสมาร์ทโฟนของเธอ ชื่อของอีกฝ่ายทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้บอกเขาเรื่องไปเมืองไทย ...ตายแล้วซินเอ๋ยซิน นิ้วเลื่อนปุ่มหน้าจอเพื่อรับสาย
“Hey, babe miss you so much.”
(ที่รักครับ คิดถึงมากเลย)
“Silly, what's kind of thinking of me. We just met in the fashion show a couple days ago.”
(บ้า คิดถึงอะไรเล่า เพิ่งเจอกันตอนงานแฟชั่นโชว์เมื่อวันก่อนเองนะ)
“Haha, are you ready for our trip? You're exciting? I do so nervous. Besides, you know the reason why.”
(ฮ่า ๆ เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งนี้ของเรารึยัง ตื่นเต้นไหม ซินรู้ไหมผมตื่นเต้นมาก คุณก็รู้ว่าเพราะอะไร)
“Do not teasing me”
(อย่ามาล้อซินนะ)
สาวเจ้าห้ามปรามแกมเขิน เสียดายที่คนในสายไม่ได้เห็นภาพนี้
“Lol, okay okay I always surrender to you.”
(ฮะ ๆ โอเค ๆ ผมพร้อมยอมซินเสมอแหละ)
ปลายทางได้ยินก็เผยรอยยิ้มบางเบา เธอรู้สึกดีแต่หัวใจมันไม่เต้นแรง เธอเคยมีความรักมาก่อน เธอรู้ว่าใจเต้นแรงเพราะคนที่รักมันเป็นอย่างไร แต่เธอก็แอบคิดว่าเดี๋ยวแต่งกันไป เขาจะสามารถทำให้เธอชอบเขาได้มากกว่านี้จนให้เขายึดพื้นที่ทั้งหมดในหัวใจ ที่ ๆ ใครคนหนึ่งเคยได้ครอบครอง
อ่า ลืมบอกโรเบิร์ตนี่เองว่าต้องไปไทยก่อน ขี้ลืมจริง ๆ ยัยซิน
“Robert, I have to travel to Thailand first. This afternoon, the hospital called and asked me to go to organize my father's sickness. So, I think about meeting up in Taiwan, are you okay with that?”
(โรเบิร์ตคะ คือซินจำต้องเดินทางไปประเทศไทยก่อน พอดีเมื่อบ่ายทางโรงพยาบาลโทรมาให้ซินกลับไปจัดการเรื่องอาการป่วยของพ่อ ซินเลยคิดว่าเราค่อยไปเจอกันที่ไต้หวันทีเดียว คุณจะโอเคไหม)
เธอเล่าเรื่องที่พี่หมอโทรมาบอกเมื่อบ่ายนี้แล้วก็ยังเล่าเรื่องที่พ่อหายตัวไปนานหลายปีไม่เคยเห็นกันอีกเลย
“Do you want me to go with you? So I can introduce myself to your father”
(ซินให้ผมไปด้วยไหม จะได้ไปทำความรู้จักกับคุณพ่อของซินด้วยเลย)
“Don't, it's complicate but my dad and I we are not in the situation of introducing someone to each other. Please understand”
(อย่าเลย มันค่อนข้างซับซ้อน ซินกับพ่อ เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะแนะนำใครให้อีกฝ่ายรู้จักได้ เข้าใจหน่อยนะ)
การเจอกับพ่อในแต่ละครั้งไม่เคยมีเรื่องดี ๆ อยู่เลย ไม่ทะเลาะกับแม่เรื่องแอบขโมยเงินไป ก็ขอเงินบ้าง อาละวาดบ้างทำลายข้าวของ เหมือนแม่จะขู่อะไรพ่อสักอย่าง ทุกครั้งที่เกือบลงมือก็ยอมหยุดกลางคัน เห็นอย่างนี้แต่แม่เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งเลย
“I got it, so I will wait to see you in Taiwan”
(ผมเข้าใจ งั้นผมจะรอไปเจอคุณที่ไต้หวันนะครับ)
“Yep, see you in Taiwan, have a great night”
(ค่ะ ไว้เจอกันที่ไต้หวันนะคะ ฝันดีค่ะ)
จันทรกาลคิดไว้ในใจแล้วว่าชาตินี้เธอบอกตัวเองว่าจะทำเฉพาะสิ่งที่ทำให้ตนมีความสุขเท่านั้นและจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้เธอทุกข์ได้ ไม่มีทางยอมเด็ดขาด!
“Sweet dream, babe”
(ฝันดีครับที่รัก)
ทำไมตัวโรเบิร์ตกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขารู้ว่าการตอบรับไปเที่ยวของหญิงสาวสุดที่รักของเขาครั้งนี้ เป็นสัญญาณบอกว่าเธอจะให้คำตอบที่เขาต้องการ แต่เขากลับรู้สึกกังวลใจราวกับการเที่ยวครั้งนี้จะนำมาซึ่งความสุขและทุกข์มหาศาล