คลั่งรักพระชายาผู้(ไม่)หวนคืน

146.0K · ยังไม่จบ
เพ่ยซวง
72
บท
13.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ฟ่านเยว่ซินเลือกบูชาความรักจึงเป็นเหตุให้ถูกพาไปในเส้นทางที่มีเพียงจุดจบอันแสนเศร้ารออยู่ ชีวิตใหม่ทำให้เข้าใจ ความยุติธรรมนั้นไม่มี นอกจากต้องสร้างมันเอง ​ พูดคุยกับนักเขียน Jeez! นักอ่านที่น่ารักทุกท่าน! วันนี้ 'เพ่ยซวง' จะมาขอนำเสนอเรื่องราวแนวโรมานซ์ย้อนยุค ดราม่า แก้แค้น ปนฮานิดๆ อาจมีฉากที่ไม่เหมาะสมสามารถลองดูได้ใน 'Trigger Warning' นะคะ เรื่องราวมีความหนักเบารวมถึงอาจจะมีฉาก nc บ้างบางตอน (ช่วงท้ายๆ อาจถี่นิดนึง) มีปมและเรื่องราวของครอบครัว ความรัก มิตรภาพ ความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงข้อคิดแทรกไว้หลายส่วน ถ้าชอบก็ขอเชิญมาติดตามกันได้เลยค่ะ Trigger Warning นิยายเรื่องนี้มีฉากความรุนแรง เพศ และ การใช้ภาษา โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม **มีฉาก NC 18+** **มีฉากฆาตกรรม โหดเหี้ยม เลือดสาด และกล่าววาจาหยาบคายรุนแรง** **Physical abuse ใช้ความรุนแรงกับร่างกายของเหยื่อ** **มีฉากใช้ความรุนแรงกับเด็กเล็ก ความคิด พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง รวมถึงถ้อยคำหยาบคาย เหยียดเพศและฐานะทางสังคม** ผู้ชมที่มีความรู้สึกละเอียดอ่อนดังกล่าวมาข้างต้นควรหลีกเลี่ยง เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน #คอมเม้นควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย จากไรท์ถึงรี้ด จนกว่าตอนที่ 30+ ขึ้นไปอาจจะมีวันลงที่ชัดเจนเช่น ศุกร์ ถึง อาทิตย์ (ประมาณนี้ค่ะ เพราะต้องเขียนเรื่องอื่นต่อ) แต่จะพยายามปั่นให้สุดฤทธิ์เพื่อนักอ่านที่รักทุกคนเบยยย **ฝากกด กดติดตาม คอมเม้น และ กดเพิ่มเข้าชั้นให้ไรท์ทีน้า** ติดตามได้ทาง Tiktok: peixuang IG: peixuang.mojang เหตุใดเกิดเป็นหญิงหากต้องมีคุณสมบัติและยึดถือ..หลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม เหตุใดเกิดเป็นหญิงต้องทนมองสามีรับภรรยาใหม่เข้ามาเหยียบย่ำหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดย..ห้ามขัดใจ ในขณะที่บุรุษจำต้องอยู่ท่านกลางสมรภูมิรบเพื่อชิงชัยในสงครามแห่งเกียรติภูมิอย่างชายชาติทหารเพื่อแก่งแย่งชิงอำนาจและปกป้องบ้านเมือง แต่สตรีหลับอยู่ท่ามกลางสมรภูมิแห่งความอิจฉาริษยาเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานจากสามี ฟ่านเยว่ซินได้ไปเกิดใหม่ในชื่อ จันทรกาลหรือซิน เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตมากมายจนกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จคนนึง มีเหตุการณ์ที่ไปกระตุ้นความดำมืดในจิตใจขึ้นมาจนเธอสามารถทำเรื่องโหดร้ายได้อย่างปกติและเธอพยายามปกปิดมันไว้ เธอกำลังจะได้แต่งงานกับคนที่รักเธอมานาน แต่มีพลังบางอย่างดึงเธอให้กลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เพียงแค่จุด Start มันต่างออกไป เธอไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างตัวเองในอดีตชาติเหมือนอย่างในนิยาย แต่เธอกลับไปหลังจากที่ตัวเธอในอดีตเสียชีวิตมาแล้วห้าปี! (เนื้อหาบางส่วน) "ซินเอ๋อร์ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งไปแล้วจะถอนคำคืนได้อย่างไร ไม่ต้องห่วง อย่างไรองค์ชายรองยังคงรักและเชิดชูเจ้าเป็นชายาเอก ฟางเซียนแม้ได้สมรสพระราชทานก็เป็นเพียงแต่ชายารองเท่านั้น" ซื่อจื่อเห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก "ไม่ เสด็จพี่ ฮือ..หม่อมฉันไม่ต้องการเป็นชายาเอก หม่อมฉันต้องการเป็นชายาเพียงคนเดียว มีแต่เสด็จพี่ที่จะทรงช่วยหม่อมฉันไม่ให้ฝ่าบาททรงบีบบังคับท่านพี่ของหม่อมฉัน อึก" "ซินเอ๋อร์ เจ้าฟังพี่ ไม่ใช่พี่ไม่อยากช่วยเจ้า แต่สมรสพระราชทานในครั้งนี้...เป็นความต้องการของตัวเจ้ารองเอง" ซื่อจื่อกลืนน้ำลายบอกความจริงแก่เจ้าตัว "ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง ท่านพี่ไม่มีทางทรยศความรักของหม่อมฉัน เสด็จพี่โกหก! หม่อมฉันไม่เชื่อ!!" ฟ่านเยว่ซินพูดจบก็วิ่งหนีกลับไปยังตำหนักของตนเอง ​

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณแม่ทัพท่านอ๋องนางเอกเก่งดราม่าข้ามมิติเกิดใหม่18+นิยายกำลังภายใน

บทที่ 1 ลาจาก

รู้หรือไม่ ในอดีตกาลเหล่าบุรุษจำต้องออกรบเพื่อปกป้องบ้านเมืองให้ปลอดภัย ส่วนสตรีเองก็จำต้องออกรบเช่นกัน เพียงแต่สนามรบของสตรีเป็นภายในเรือนที่เรียกว่า...บ้าน...และศัตรูคือสตรีที่อยู่เรือนเดียวกัน เพื่อแย่งชิงการเป็นหนึ่งเดียว

เสียงลมหายใจรวยรินดังออกมาอย่างแผ่วเบาภายในห้องใหญ่หรูหราสมกับฐานะพระชายาเอกของชินอ๋อง ผู้เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้และมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่สังกัดหน่วยพยัคฆ์คำราม

แผ่นหลังที่นอนคว่ำนูนขึ้นลงเพื่อบ่งบอกถึงชีพจรที่ยังคงเต้นอยู่ของเจ้าของร่างที่นอนอยู่บนเตียง แม้จะแผ่วเบาจนน่าใจหายจนคนที่อยู่ในห้องต่างพากันน้ำตาซึม

ท่ามกลางเสียงฝนตกฟ้าร้องคำรามอย่างน่ากลัว มือหยาบของคนที่ตรากตรำทำงานหนักตั้งแต่ยังเด็ก พยายามเกาะกุมมือของร่างเล็กของนายสาวผู้เป็นเจ้าชีวิต

“เจียอี ข้าเจ็บ ข้าทรมานเหลือเกิน” เสียงหวานคลางแผ่ว ฟ่านเยว่ซินนอนในท่าคว่ำหน้าเพราะแผ่นหลังที่ถูกโบยอย่างหนัก ทำให้ไม่สามารถนอนหงายได้

“พระชายาอดทนไว้นะเพคะ หยุนซีกำลังเร่งไปตามหมอหลวงมา ไม่ช้านานหมอหลวงคงพากันมาถึง” เจียอีคอยบีบมือพระชายาของนางเบาๆ เพราะเกรงว่าจะสิ้นสติไป

“ฮึก หม่อมฉันให้ขันทีไปตามท่านอ๋องแล้ว อีกสักครู่ก็คงจะรีบเสด็จมาหาพระชายาแน่นอนเพคะ ทรงอดทนอีกสักหน่อยนะเพคะ” เจียลี่นางกำนัลฝาแฝดอีกคน จากที่ขยี้ผ้าซับเหงื่อรีบปาดมาคุกเข่าข้างเตียงถัดไปจากเจียอี

เมื่อเห็นว่าลมหายใจของพระชายาแผ่วเบาลงทุกขณะ ดวงตาเริ่มเหม่อลอยราวกับจะหลุดลอยไปไกลแสนไกล

การดึงสติพระชายากลับมาโดยอ้างถึงท่านอ๋องแม้มีโทษหลอกลวงเบื้องสูง แต่นางก็พร้อมที่จะรับไว้ จะว่าโกหกก็ไม่ใช่สักทีเดียว เจียลี่ได้ให้ขันทีออกไปแจ้งข่าวแก่ท่านอ๋องให้รีบเสด็จมาดูอาการพระชายาแล้วแต่ขันทีกลับมารายงานว่า

ท่านอ๋องติดภารกิจสำคัญมาไม่ได้ ฟ่านเยว่ซินไม่ตอบเพียงแค่เหล่ตามองสาวใช้ก็รู้ได้ทันทีว่านางโกหก

เขาผู้นั้นไม่มา..ไม่มีทางมา เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร

เมื่อความหวานของชีวิตคู่โรยราราวกับดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงบนพสุธาก็ไม่เหลือเยื่อใยใดให้จับต้อง

ขนาดวันที่นางสูญเสียบุตรชายไป ทั้งที่พึ่งคลอดได้ไม่กี่วัน เขาก็ยังไม่มีแม้แต่น้ำตา ทั้งยังรีบมาเอาลูกนางไปฝังโดยไม่ทำพิธี

‘วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของความรักและภักดีที่ข้ามีให้แด่ท่าน ที่ผ่านมาข้าไม่เคยนึกเสียดายความรักที่ข้ามีให้ท่านแม้แต่น้อย แต่หลังจากนี้ระหว่างเราไม่เหลือซึ่งเยื่อใยต่อกัน เมื่อถึงเวลาด้ายแดงนี้ก็จะสะบั้นลงไปพร้อมกับลมหายใจของข้า’ ฟ่านเยว่ซินคิดในใจ มือข้างนึงกำชายผ้าปูแน่นเพื่อให้ความคิดนี้ฝังรากลึกลงไปถึงจิตวิญญาณ

ตึง!

เสียงเปิดประตูมาคู่กับเสียงฝีเท้าหลายคู่เร่งรุดเข้ามาใกล้ยังเตียงนอน รอยหยดน้ำตามพื้นบ่งบอกสภาพอากาศข้างนอกได้อย่างชัดเจน หมอหลวงทั้งสี่คนมากันอย่างพร้อมเพรียง เหตุเพราะถูกองครักษ์ท่านนี้ใช้ดาบจ่อคอขู่เข็ญอย่างไม่เกรงกลัวอาญา ให้รีบวิ่งฝ่าพายุมาถึงตำหนักท่านอ๋อง

“หมองหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ถวายบังคมพระชายา”

“อย่ารีรอเลยเจ้าค่ะท่านหมอกู้ พระชายาทรงไม่ไหวแล้ว ช่วยรักษาก่อนเถิด” เจียอีคุกเข่ากล่าวด้วยสีหน้าและท่าทางร้อนใจ

หมอหลวงยังไม่ทันตรวจ เพียงแค่เห็นสภาพของพระชายาภายนอกก็รู้ว่าอาการคงสาหัสมาก

“เดี๋ยวพวกเจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน พวกข้าจะได้เร่งตรวจอาการพระชายา” หมอหลวงกู้ไล่ให้ทุกคนออกไปจากห้องเพื่อจะได้ทำการตรวจรักษา

เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อ หมอหลวงที่เหลือต่างประชุมกันหน้าเครียดอยู่ตรงโถงด้านนอกห้องบรรทม หมอกู้ผู้เป็นตัวแทนของบรรดาหมอหลวงออกมาถามนางกำนัลทั้งสองและองครักษ์หยุนซี

"เจ้าให้ใครไปตามท่านอ๋องมาทีเถิด”

สาวใช้ทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างสับสนในควายนัยในคำสั่ง "ก่อนหน้านี้ข้าไปตามมารอบนึงแล้วเจ้าค่ะ แต่ทรง..ไม่สะดวกจะเสด็จมา" เจียอีมองสบตากับเจียลี่อย่างรู้กัน

หมอหลวงกู้จึงรีบกล่าวต่อเสียงเบาพลางทำสีหน้าหนักใจ

“จงเร่งรีบไปตามมาเร็ว ในเวลานี้พระชายาควรมีคนสำคัญอยู่ข้างกาย ก่อนจะ...” อยู่ไม่พ้นคืนนี้ ข้อความหลังหมอหลวงเพียงแต่คิดในใจ

“ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” เจียอีกล่าวแล้วเร่งรุดออกไป คราวนี้นางตั้งใจจะไปด้วยตัวเอง ต่อให้ต้องเอาหัวโขกจนเลือดไหลอาบนางก็ยอม

“ท่านหมอกู้ เกิดเหตุอันใดจึงดูร้อนใจขนาดนี้แล้วพระชายาของบ่าวเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” เจียลี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“ข้าไม่อาจรักษาได้ พระชายาหมดหนทางเยียวยาแล้ว”

“บังอาจ!” องครักษ์หยุนซีตะคอกใส่หมอหลวงกู้ด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ท่านราชองครักษ์อย่าพึ่งมีน้ำโห ข้าไม่บังอาจกล่าวความเท็จ พระชายาทรงคลอดพระโอรสเพียงไม่นาน ยังไม่ทันได้บำรุงฟื้นฟูร่างกายให้ดีก็มาบอบช้ำทางจิตใจอย่างแสนสาหัส ส่งผลให้สุขภาพพระชายายิ่งทรุดไปเท่าทวีคูณ เดิมทีบาดแผลจากการโบยก็สาหัสพอตัว แผลเก่าแผลใหม่มากมายตีกันยุ่งไปหมด ข้าเกรงว่าจะทรง..ทนรับไม่ไหว”

องครักษ์หยุนซีได้ยินก็กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปยังเนื้อด้านในฝ่ามือจนเลือดไหลซึมออกมา

ส่วนเจียลี่เมื่อได้ยินก็คุกเข่าคำนับหมอหลวงกู้เพื่อขอร้องให้ช่วยชีวิตนายของตน "อึก ท่านหมอ ท่านจัดยาให้ข้าเถิด ข้าจะนำไปต้มให้พระชายา ท่านอย่าพึ่งยอมแพ้เช่นนี้เลย ฮือออ"

หมอกู้ทำได้แค่เบือนหน้าหนี ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วยพระชายา เพียงแต่ร่างที่นอนหายใจรวยรินอยู่ข้างในนั้นเกินจะเยียวยาได้แล้ว ตอนที่เขาทำการตรวจ พระชายาเป็นคนพูดกับเขาเองก่อนจะหลับตาลงอย่างเชื่องช้าแล้วปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลจากหัวตาผ่านสันจมูกลงไปยังแก้มอีกข้าง ก่อนจะหยดลงบนที่นอน

‘ท่านหมอ ปล่อยข้าไปเถิด ไม่ต้องรักษาแล้ว ข้าเหนื่อย..แล้ว เหนื่อย...เหลือเกิน อย่าทรมานข้าอีกเลย’ พระชายาขยับปากพูดแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา นางเหนื่อยเหลือเกินแล้ว

แผลกายใช้ยารักษาก็คงหายแต่แผลใจยากจะทำการรักษา

ทางด้านเจียอีวิ่งฝ่าฝนไปยังจวนที่พำนักของชินอ๋อง ตำหนักที่พระชายากับท่านอ๋องเคยอยู่ร่วมกัน ก่อนจะเกิดเหตุให้พระชายาย้ายตนเองไปอยู่อีกตำหนักนึง

เจียอีพอมาถึงรีบบอกกล่าวแก่องครักษ์หน้าตำหนักให้ท่านอ๋องรีบเสด็จไปดูอาการพระชายาตามที่หมอหลวงได้แจ้งแก่ตน

รอราวๆ หนึ่งเค่อก็มีคนเดินออกมา เพียงแต่คนนั้นคือท่านซานจิง ไม่ใช่ท่านอ๋องอย่างที่นางเฝ้ารอ

“เจียอี เจ้าไปแจ้งแก่นายของเจ้าเสียว่าท่านอ๋องนั้นติดภารกิจ ไม่อาจเสด็จไปได้ ท่านอ๋องกล่าวว่า ตะวันรุ่งพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมนางที่ตำหนัก”

“จะให้พระชายารอต่อไปไม่ได้ ท่านซานจิง ท่านช่วยพาข้าไปเข้าเฝ้าท่านอ๋องทีเถอะ ข้าจำต้องทูลท่านอ๋องด้วยตัวข้าเอง”

“บังอาจ! ท่านอ๋องมีประสงค์จะไม่พบใครในยามนี้ เจ้ากล้าขัดรับสั่งหรือ?”

“ต่อให้หัวหลุดจากบ่า ข้าก็ต้องพบท่านอ๋องให้จงได้ ข้าขอร้อง พระชายาของข้าทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่งั้นหมอหลวงจะให้ข้ารีบมาตามท่านอ๋องหรือ อึก” เจียอีพูดไปร้องไห้ไปทั้งมองไปยังซานจิงอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใด

“เจ้าพูดอะไร?! พระชายาเป็นอะไร” เสียงกังวานดังมาจากเบื้องหลังของซานจิง

“ฮึก ถวายพระพรท่านอ๋องเพคะ ฮือ” นี่หรือที่ว่าไม่อยากพบใครเพราะมีพระชายารองคนงามอยู่ด้วยนี่เอง เจียอีคิดอย่างเจ็บใจแทนพระชายาของตน

ชินอ๋องเฉิงหลงซานเดินออกมายืนสง่าอยู่ด้านหลังซานจิงโดยไม่ทันตั้งตัว เบื้องหลังพระองค์มีชายารองยืนอยู่ ร่างกายสูงตระหง่านกำยำเยี่ยงนักรบอาชาศึกมีเพียงเสื้อคลุมสีขาวบางสวมทับไว้ราวกับกำลังทำอะไรบางอย่างที่จำต้องถอดเสื้อผ้า พอมีเสียงเอะอะโวยวายหน้าประตูจึงรีบหาเสื้อมาสวมไว้แล้วเดินออกมาดู สายตาประดุจเหยี่ยวยามออกล่าของชินอ๋องจ้องมองไปยังนางกำนัลของพระชายาเอกอย่างคาดคั้น

“ข้าถาม! เยว่ซินเป็นอะไร”

“พระชายาทรงเจ็บหนัก หม่อมฉันไปตามหมอหลวงมารักษาแล้วเพคะ แต่ไม่นานหมอหลวงก็ออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีแล้วให้หม่อมฉันรีบมาตามพระองค์เพคะ” เจียอีกล่าวออกมาด้วยความเจ็บแค้นแทนนาย สาเหตุที่ท่านอ๋องไม่สะดวกเพราะนางอสรพิษด้านหลังนี่เอง

“ซานจิงรีบไปตามต้าหยางให้รีบไปพบข้าที่ตำหนักพระชายาด่วน!” เฉิงหลงซานเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะรีบฝ่าฝนออกไปตรงไปยังตำหนักพระชายา โดยมีเจียอีเร่งรุดตามไม่ห่าง ส่วนองครักษ์ซานจิงแยกตัวไปตามตัวองค์ชายห้า 

"รีบๆ ตายตามลูกเจ้าไปเสียเถอะเยว่ซิน อย่าปล่อยให้ข้ารอนานไปกว่านี้เลย ข้าอยากเป็นพระชายาเอกเต็มแก่" ชายารองสาปแช่งออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แววตาเผยความแค้นอย่างไม่ปิดบัง หวังว่าสายลมจะส่งคำสาปแช่งไปถึงคนที่นอนเจ็บทางด้านโน้นให้รีบไปลงนรกยิ่งเร็วยิ่งดี

 ทีแรกชายารองจะตามชินอ๋องไปเพื่อเยาะเย้ยสภาพอันน่าสมเพศของอีกฝ่าย ด้วยการไปแสดงให้นางเห็นว่าคนที่ชินอ๋องเลือกคือใคร ขนาดนังชายาเอกนอนเจ็บพระองค์ยังเลือกอยู่กับชายารองอย่างนาง เสียดายที่สาวใช้ส่วนตัวของชายารองห้ามไว้เสียก่อนเพราะดูท่าพระชายาเอกคงอยู่ได้อีกไม่นาน และยังเตือนอีกว่าผู้คนต่างก็รู้ว่าพระชายาเอกกับชายารองเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน หากไปแล้วส่งผลให้พระชายาเยว่ซินทรุดหนักอาจโดนลูกหลงว่าก็เป็นต้นเหตุได้ ควรอยู่นิ่งๆ โดนขนาดนั้นถ้ารอดก็อึดเกินมนุษย์

"เจ้ารีบพาข้าไปอาบน้ำขัดตัวให้หอม เมื่อท่านพี่กลับมาข้าจะได้ปลอบประโลมให้คลายความเหนื่อยล้า ทรงเห็นสภาพโทรมๆ ของนังเยว่ซินแล้ว คงอยากกลับมาเห็นสิ่งเจริญตาเจริญใจ" ชายารองพูดพร้อมกับเดินยิ้มเข้าไปด้านในโดยมีสาวใช้ประคองอย่างเบิกบานตามนายของตน

ตั้งแต่เจียอีวิ่งออกไป ทางฝั่งฟ่านเยว่ซินรู้ว่าตัวเองอาจอยู่ได้อีกไม่นาน จึงเรียกให้สาวใช้ของตนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กเข้ามานั่งใกล้ เจียลี่ที่ได้ยินรีบเข้ามาคุกเข่านั่งอยู่ข้างกายพระชายา

“เจียอีออกไปทำธุระสักครู่ เดี๋ยวคงกลับมาเพคะ พระชายามีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ บอกหม่อมฉันได้เลย”

“เจียลี่ ข้าเหลือเวลาอีกไม่มาก ข้าไม่มีสิ่งใดให้ห่วงนอกจากเจ้าทั้งสองและหยุนซี เพียงแต่หยุนซีนั้นได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของฝ่าบาท ข้าก็วางใจ เหลือเพียงเจ้าทั้งสอง...ข้ารักพวกเจ้ายิ่งกว่าพี่น้องร่วมสายเลือด จงฟังให้ดี จงนำข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวข้าไปขายเพื่อตั้งตัว ยังมีสินเจ้าสาว คงพอให้เจ้าทั้งสองอยู่อย่างสบายไม่ขัดสน รีบหยิบไปก่อนที่ทางราชสำนักจะนำมันกลับคืนไป ออกไปจากที่นี่แล้วอย่าหันกลับมา อันตรายรอบด้าน ข้าไม่อาจอยู่ปกป้องเจ้าทั้งสองได้อีก ขาดข้าไปพวกเจ้าอาจถูกรังแก ที่ผ่านมาขอบน้ำใจเจ้าสองคนยิ่งนัก จงใช้ชีวิตที่เหลือ…อย่างมีความสุข” ฟ่านเยว่ซินค่อยๆ ขยับทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง เจียลี่ปาดเข้ามาประคองเอาหมอนมาวางไว้ให้พระชายาพิงได้อย่างสะดวก แต่เพราะบาดแผลที่หลังทำให้แวบแรกที่แผลสัมผัสกับหมอนจึงรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา

“ฮือ พระชายา อึก เจ็บมากไหม อึก เพคะ” เจียลี่ว่าพลางกุมมือพระชายาแน่น พระชายาใช้มืออีกข้างลูบไปที่หลังมือเจียลี่อย่างอ่อนโยน

ฟ่านเยว่ซินกัดฟันสั่งเสียต่อ “ส่วนหยุนซี” นางหยุดกล่าวพร้อมกับหยิบหยกที่นางพกติดตัวมอบให้กับเจียลี่

“จงมอบหยกนี้ให้แก่เขาและฝากบอกเขาว่า” ฟ่านเยว่ซินหยุดคิดก่อนจะกล่าวต่อ

“ข้าขอบใจเขามาก ดูแลตัวเองให้ดี จงใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ทำสิ่งที่อยากทำ” นางรู้ว่าที่หยุนซีตอบรับไปเป็นองครักษ์ของฮ่องเต้ไม่ใช่เพื่อบารมี อำนาจหรือเงินทอง แต่เพื่อนาง เพื่อตอบแทนนาง

“อีกเรื่องที่ข้าต้องขอวานให้เจ้าช่วยส่งจดหมายของข้าให้พี่ใหญ่ แต่อย่าให้พี่ใหญ่รู้เรื่องของข้าเด็ดขาด ให้เขาคิดว่าข้าอยู่ดี..มีสุขตลอดไป” ฟ่านเยว่ซินกล่าวถึงพี่ใหญ่ หัวหน้ากองโจรแต่แท้จริงแล้วเป็นเจ้าสำนักกุ้ยฮวา พลางมองไปยังหน้าต่างที่สภาพอากาศข้างนอกตอนนี้พายุเริ่มสงบเหลือเพียงสายฝนปรอยๆ เท่านั้น

“ช่วยเปิดหน้าต่างที”

ฟ่านเยว่ซินมองออกไปยังนอกหน้าต่างบานใหญ่ ดีที่ลมไม่แรงนักและฝนซาแล้ว เจียลี่จึงเปิดออกรับลมตามคำสั่งนายหญิงโดยไม่ทักท้วง นางคิดว่าหากพระชายาได้รับลมอาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

“ลมเย็นดี” คนป่วยตะแคงข้างเพื่อหันมามองบรรยากาศภายนอก

“ข้ารู้สึกง่วงแล้วล่ะ...”

“งั้น ฮึก หม่อมฉันห่มผ้า ฮึก ให้นะเพคะ” ฝ่ามือของฟ่านเยว่ซินกุมไว้ที่มือของสาวใช้ที่กำลังจะห่มผ้าให้ตน เสียงสะอื้นถูกกลืนลงคอ พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น กลัวว่านายหญิงของตนจะไม่สบายใจ

“ขอบใจ...เจีย..ลี่” มือที่กุมไว้ค่อยๆ คลายออก ก่อนจะตกลงอยู่ข้างตัว

“พระ..”

“พระชายา...”

“พระชายา!! อย่าทิ้งหม่อมฉั..น ได้โปรดดด”

ฮือออ

เสียงนั้นทำให้เหล่าหมอหลวงตกใจแต่ยังไม่ทันคิดอะไรก็มีเสียงมาจากด้านนอก

ผลัวะ!

เสียงประตูถูกผลักเข้ามาอย่างแรงด้วยฝีมือของเฉิงหลงซานที่เดินผ่านบรรดาหมอหลวงเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครทันได้ถวายบังคม

“เกิดอะไรขึ้น?!!” ท่านอ๋องเดินเข้ามาเห็นสาวใช้ประจำตัวฟ่านเยว่ซินทรุดตัวร้องไห้บนพื้นข้างเตียง เขาเดินเข้าไปประคองกอดเยว่ซินไว้ สีหน้าซีดจาง กอปรตัวนางเริ่มเย็นทำให้เขาใจไม่ดี

เจียลี่มัวแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเกินกว่าจะตอบอะไรได้ ประจวบเหมาะกับหมอหลวงตามเข้ามาพอดี ชินอ๋องรีบสั่งให้ไปดูอาการพระชายา หมอหลวงจับชีพจรทีละคนก่อนจะพากันส่ายหัวแต่ก่อนจะมีใครได้กล่าวอะไร เสียงขันทีหน้าตำหนักก็ดังขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง

“ฮ่องเต้เสด็จ”

“องค์ชายสามเสด็จ”

“องค์ชายสี่เสด็จ”

ถัดจากนั้นเพียงช่วงลมหายใจ ซานจิงก็กลับมาพร้อมกับ

“องค์ชายห้าเสด็จ”

คนในตำหนักทั้งนางกำนัล ขันที หมอหลวง ต่างคุกเข่าทำความเคารพบุคคลทั้งสี่กันอย่างพร้อมเพรียง “ขอฮ่องเต้จงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี ขอองค์ชายสาม องค์ชายสี่ องค์ชายห้าพระพลานามัยแข็งแรง” เว้นแต่ชินอ๋องที่มีเยว่ซินอยู่ในอ้อมกอด

“ไม่ต้องมากพิธี ต้าหยาง เจ้ารีบเข้าไปดูนางเร็ว” ฮ่องเต้รีบสั่งให้องค์ชายห้าเข้าไปช่วยดูอาการนางที่โดยมีร่างสูงกอดไว้ไม่ยอมปล่อย 

ส่วนทางด้านหมอหลวงไม่มีคนไหนยืนขึ้นเลย ทั้งหมดยังคงคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้น จนหมอหลวงท่านนึงที่ยังนั่งคุกเข่ากราบบังคมทูลด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ท..ทูล..ฝ่าบาท กระหม่อมพยายามคลำหาชีพจรไม่พบแล้ว พระชายา...สิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าชายสูงศักดิ์ที่อยู่ในห้องไม่มีใครฟังคำที่หมอหลวงพูดเลยสักคน ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังอนุชายคนเล็กด้วยแสงแห่งความหวัง "ต้าหยาง..."

องค์ชายห้าหันไปสบตากับชินอ๋อง ที่หลังจากสบตากันร่างสูงยิ่งกอดรัดร่างบางแน่นราวกับจะกลืนกินนางทั้งตัว ก่อนจะหันไปส่ายหัวเบาๆ ให้คนที่เหลือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคม

เพียงเท่านั้น

เปรี้ยง!

เสียงฟ้าผ่าลงมากลางตำหนักดังกึกก้องไปทั่ว ราวกับรับรู้ได้ถึงแรงโทสะของเจ้าตำหนักและชายอีกสี่คนที่พร้อมพัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงราวกับจะไม่ยอมรับความจริงตรงหน้า เสียงร้องไห้ปิ่มจะขาดของคนที่อยู่บริเวณรับไม่ได้กับความจริงที่เกิดขึ้น

ข่าวโศกนาฏกรรมของพระชายาชินอ๋องนั้นกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ รวมถึงกลุ่มกองโจรที่เป็นปฏิปักษ์กับราชสำนักก็ได้รับข่าวนี้

นับแต่นั้น ฮ่องเต้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกเลิกงานสังสรรค์รื่นเริงทุกชนิดโดยไม่สนเสียงนินทาก่นด่าของผู้ใด เป็นเหตุให้ขุนนางฝ่ายพิธีการดูจะได้รับความเดือดร้อนเป็นที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นทั่วทั้งแคว้นก็ไม่มีใครได้โอกาสจัดงานมงคลใดๆ ทั้งสิ้น หากจะจัดต้องแอบจัดอย่างเงียบๆ โดยประชาชนต่างรู้ดีว่าเหตุมาจากการจากไปของพระชายาฟ่านเยว่ซินที่มีศักดิ์เป็นพระขนิษฐาบุญธรรมอันเป็นที่รักยิ่งขององค์ฮ่องเต้ ซึ่งนำพาความเศร้าหมองมาสู้แคว้นชื่อ พระศพของพระชายาถูกนำไปฝังในสุสานของราชวงศ์

มีคนเคยกล่าวไว้ว่าจิตสุดท้ายของมนุษย์ก่อนตายจะฉายภาพในอดีตออกมาเป็นฉากๆ เพื่อพาดวงจิตกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

ภาพสุดท้ายในห้วงมโนจิตของเยว่ซินมีแต่ภาพของชินอ๋อง ชายผู้เป็นดั่งชีวิต ดั่งลมหายใจ

‘กี่ภพชาติไม่คิดลืมเลือน’ ต่อให้นางถูกกระทำเจ็บช้ำแสนสาหัสก็ยังคงรักมั่น

‘หากท่านรักข้าเพียงเสี้ยวเท่าที่ข้ารักท่าน ระหว่างเราคงไม่จบลงเช่นนี้ ข้าเคยสาบานว่าจะรักท่านตราบสิ้นลมหายใจ ยามนี้ลมหายใจข้าหมดสิ้นแล้ว รักของข้าก็เช่นกัน ไม่มีสิ่งใดติดค้างกัน’

คิดได้เท่านั้นดวงจิตสุดท้ายก็ลอยละล่องหายไปเหลือไว้เพียงร่างกายที่เย็นชืด