บทที่ 2 ปฐมบท
นับตั้งแต่เหตุเศร้าสลดในครั้งนั้น เปรียบดั่งเมฆหมอกทมิฬที่โอบล้อมพระราชวังมาตลอดหลายปี ยามนี้ราวกับเมฆหมอกได้จางหายไป ท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง เป็นเรื่องน่ายินดีต่อคนทั้งแคว้น เพราะจะเป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่มีราชโองการใหม่ออกมา
โดยฮ่องเต้ทรงประทานอนุญาตให้สามารถกลับมาจัดงานสังสรรค์รื่นเริงได้อีกครั้ง ทั้งในและนอกราชสำนักต่างปีติยินดีกันอย่างถ้วนหน้า
มีการจัดการบวงสรวงทวยเทพที่ไม่เคยได้ทำมาหลายปี อีกทั้งการร่ายรำการแสดงที่ถูกจัดเตรียมอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติแคว้นชิงหลงชื่อ[1]หรือผู้คนมักเรียกกันว่าแคว้นชิง
ณ ลานแสดง
ขณะที่การแสดงชุดสุดท้ายกำลังร่ายรำเป็นฉากหลังให้กับหญิงสาวแสนสวยเพียงหนึ่งเดียวผู้ซึ่งกำลังดีดพิณอย่างไพเราะ นางสวมใส่อาภรณ์สีแดงมีผ้าบางคาดปิดหน้า ทำให้ดูลึกลับเพราะสิ่งที่ผู้คนที่ดูการแสดงมองเห็นมีเพียงหน้าผากและดวงตา นิ้วที่กรีดกรายไปตามสายของพิณบ่งบอกถึงความชำนาญของคนดีด จังหวะการกดสายยิ่งทำให้เสียงดีดออกมาละมุนยิ่ง
ก่อนช่วงท่วงทำนองสุดท้ายเหล่านางรำได้นำฉากกั้นรูปทรงคล้ายประตูบานใหญ่ ตามบทแล้วเมื่อดนตรีจบลงหญิงสาวชุดแดงจะเดินผ่านฉากกั้นและเปิดเผยใบหน้าอันงดงามให้แก่ผู้คนเพื่อเผื่อจะได้เป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้หรือองค์ชายองค์ใดองค์หนึ่ง
ยังไม่ทันที่ท่วงทำนองสุดท้ายจะบรรเลงจนจบ กลับมีลมพัดแรงจนฉากกั้นนั้นถูกเปิดออก แต่คนที่ก้าวออกมากลับไม่ใช่สาวชุดแดงที่ดีดพิณบนเวที แต่กลับเป็นหญิงสาวเสื้อขาวเปิดไหล่ข้างหนึ่งพร้อมกางเกงขายาวรัดข้อเท้าสีกรมท่า รองเท้าส้นเข็มสูงสี่นิ้วที่มีพื้นเสริมด้านหน้าที่ดูเหมือนมันจะหักลงมาอย่างง่ายดาย
การมาของหญิงสาวปริศนาเป็นที่ตกตะลึงของเหล่าขุนนางในข้าราชสำนักที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น
หญิงสาวผู้มาใหม่กำลังสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เท่าที่นึกได้คือเจ้าหล่อนไปเที่ยวต่างประเทศกับคู่หมั้นและกำลังเดินชมโบราณสถานแห่งหนึ่งที่อยู่บนยอดเขาสูงกับเขาและเพิ่งถูกขอแต่งงานอย่างโรแมนติก เธอเห็นคัมภีร์ เธอเขียนบางสิ่งลงไปตามที่ตนปรารถนา ต่อมาได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จึงวิ่งตามไป จู่ ๆ ก็ถูกแรงมหาศาลผลักจากด้านหลัง ผ่านธรณีประตูอีกฝั่งก็มาโผล่ที่นี่
มันอะไรกัน!?
หญิงสาวหันซ้ายหันขวาแล้วพอมองไปยังเบื้องหน้าก็เห็น
ฮ่องเต้หวงหลง!
องค์ชายต้าหลง!
องค์ชายเหวินหลง!
องค์ชายต้าหยาง!
พวกตระกูลฟ่าน!
แต่เธอกลับไม่เห็นชินอ๋องหรือคนจากตำหนักชินอ๋องสักคน
ยังไม่ทันได้คิดอะไรเพิ่มเติมก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ มือบางเลื่อนมาลูบที่หน้าของตนเอง ใบหน้าที่เหมือนใครบางคนราวกับโขกพิมพ์ต่อให้มองห่างร้อยเมตรก็รู้ได้ว่าเธอคือใคร เธอหนีความจริงข้อนี้ไม่ได้ ข้อที่ว่าเธอมีใบหน้าเดียวกับฟ่านเยว่ซินหรือก็คือตนเองในอดีตชาติ
รวมกับความจริงที่ว่าเธอมีความทรงจำของชาติก่อนอยู่ครบไม่มีขาด เรื่องราวต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดผ่านความทรงจำราวกับหลับไปหนึ่งตื่นแล้วฝันไป แต่ไม่ใช่ มันคือความจริง
สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้ช่วยยืนยันได้ว่าเรื่องราวต่าง ๆ มันเป็นความทรงจำของจริงเพื่อให้เธอกลับมาทวงความยุติธรรมให้กับตนเอง!
ขณะที่จันทรกาลยืนนิ่งใช้ความคิดอยู่นั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“ทหาร! รีบมาถวายอารักขาฮ่องเต้ ฮองเฮา องค์ชาย พระสนม เร็วเข้า!!”
จันทรกาลสะดุ้งหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อได้ยินใต้เท้าคนหนึ่งตะโกนเรียกทหาร
สิ่งที่เธอต้องทำเวลานี้คือ วิ่ง วิ่งให้สุดชีวิตพร้อมกับรองเท้าส้นเข็มที่อยากจะถอดแล้วโยนทิ้งเหลือเกิน เธอผลุบวิ่งลงไปข้างเวทีแล้วสับขาหนีอย่างไม่คิดชีวิต ยังไม่ทันตั้งสติได้ก็ต้องสวมวิญญาณ คริส แพรตต์ในเรื่อง Jurassic World
หนีมันก่อนค่อยว่ากัน
สาวน้อยที่ยังพอจำทางในวังได้อยู่บ้าง ออกวิ่งหมายตรงไปยังสวนหลังตำหนักที่ที่เธอเคยชอบเล่นซ่อนหากับพี่ ๆ ตอนยังเป็นเด็กเพื่อหาที่ซ่อนเพราะเริ่มหมดแรง รองเท้าถูกเธอปาใส่ทหารไปจนเหลือแต่เท้าเปล่าตั้งแต่วิ่งลงเวทีแล้ว ถ้าไม่ถอดทิ้งมีหวังถูกจับคาส้นเข็มแน่ ๆ
จันทรกาลหลบซ่อนอยู่ในโพรงน้อย ๆ ที่เธอเคยทำไว้ตอนเป็นเด็ก ตอนนี้ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม เห็นพวกทหารวิ่งผ่านไปก็โล่งใจ เธอหอบหายใจพยายามสูดออกซิเจนเข้าปอดให้ได้มากที่สุดและได้แต่คิด
‘เกิดมาเป็นอีซินต้องลำบากอะไรขนาดนี้ ยังไม่ทันทวงความยุติธรรมก็หอบแดกแล้วจะรอดไหมเนี่ย~’
แต่ทว่ายังบ่นในใจไม่ทันจะจบก็มีเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาตรงที่เธอแอบซ่อนอยู่ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่ง!!
ด้านฮ่องเต้
หญิงสาวแต่งกายแปลกตาที่ปรากฏตรงหน้าทำให้พระองค์ตะลึงแต่พอเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน หัวใจกระตุกอย่างรุนแรงราวกับใครมากระชากออกไปจากอกโดยไม่ทันตั้งตัว
ช่างคล้ายกันยิ่งนัก..
คล้ายเหลือเกิน...
คล้ายกับหญิงสาวที่พระองค์เฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
คนที่พระองค์ปรารถนาจะเห็นรอยยิ้มของนางตลอดไป
คนที่พระองค์ยอมยกให้กับพระอนุชาเพื่อหวังว่านางจะมีความสุข
คนที่เป็นดั่งหัวใจของวังต้องห้ามแห่งนี้
แต่สุดท้ายสิ่งที่คืนกลับมาคือซากศพที่ไร้ซึ่งลมหายใจ
ฮ่องเต้เหม่อลอยไปจนได้สติอีกครั้งตอนได้ยินคนตะโกนเรียกทหารอารักขา ทรงยืนขึ้นทำให้ทหารที่กรูไปจะจับคนแปลกหน้าตามคำสั่งก่อนหน้านี้ หยุดชะงักชั่วครู่
“ทหารรับคำสั่งจากข้า พาตัวนางมาให้ได้แต่ห้ามให้นางมีอันตรายเด็ดขาด ใครทำให้นางต้องมีบาดแผลแม้เพียงน้อยนิด ข้าจะสั่งตัดหัวมันซะ”
หลังออกรับสั่งเสร็จฮ่องเต้ได้แต่คิดในใจว่าหากน้องชายของพระองค์รู้ว่ามีนางที่หน้าเหมือนกันราวกับโขกพิมพ์โผล่มา เจ้านั่นจะทำเช่นไร เห็นทีคงจะมีเหตุให้ชินอ๋องกลับเข้ามาเมืองหลวง น่าเสียดายที่ครั้งนี้พระองค์จะไม่ยอมยกนางให้ชินอ๋องง่ายดายเช่นครานั้นอีกแล้ว คงต้องสู้กันสักตั้ง
ฝั่งชินอ๋อง
แสงอาทิตย์สาดส่องลอดเข้ามาในกระโจมที่ตั้งอยู่ในค่ายทหารติดขอบชายแดน ทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งได้เข้าสู่นิทราไม่กี่ชั่วยามรู้สึกตัวตื่น
เมื่อคืนเขาฝันเป็นฝันที่ต่างจากทุกคืน
ทุกคืนเขามักจะฝันเห็นฟ่านเยว่ซินนั่งอยู่ในศาลาข้างตำหนักเพื่อไปจิบน้ำชาทานของว่างอย่างที่นางมักชอบทำเป็นประจำ ส่วนเขาทำแค่ยืนมองนางอย่างเงียบ ๆ แม้นางจะจ้องมองมาทางเขาด้วยแววตาเศร้าสร้อยแต่เขากลับไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดเช่นเคย
เขามักจะแสดงออกด้วยความเย็นชาและเมินเฉยกับทุกสิ่ง สมแล้วที่ผู้คนตั้งฉายาแม่ทัพทมิฬที่ไม่ได้หมายถึงกองทัพหรือเสื้อเกราะแต่เป็นใจของชินอ๋องผู้นี้
แต่เมื่อคืนเขากลับไม่ฝันอย่างที่แล้วมา ในฝันเขาเห็นนางในเครื่องแต่งกายประหลาดอย่างที่ไม่เคยเห็น แววตาอ่อนโยนเศร้าซึมที่เขาเคยเห็นจากตาคู่สวยของนางแปรเปลี่ยนไป ดูเข้มแข็งและแข็งกร้าวขึ้นราวกับคนที่ผ่านโลกมาอย่างยาวนาน
“ท่านแม่ทัพขอรับ” นายทหารคนหนึ่งยืนตะโกนอยู่หน้ากระโจมทำให้เขาออกจากภวังค์
“ขออภัยที่ข้าน้อยมารบกวนยามเช้าของท่านแม่ทัพ มีม้าเร็วมาส่งข่าวจากเมืองหลวง ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านรีบกลับเข้าเมืองหลวงโดยด่วนขอรับ”
เชิงอรรถ
^ [1] 星龙市 ชิงหลงชื่อ - เมืองแห่งดาวมังกร