บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เริ่มต้นชีวิตใหม่

ชีวิตหนึ่งดับสูญ อีกชีวิตก็เกิดขึ้นใหม่ หมุนเวียนเปลี่ยนกันไปไม่สิ้นสุด

มีคนว่ากันว่าแม่น้ำฮวงโหเป็นแม่น้ำแห่งชีวิตเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของสรรพสิ่ง

ใครเป็นคนคิด...โกหกทั้งเพ

หญิงสาวตากลมค่อย ๆ ขยับเปลือกตาและกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับโฟกัสภาพหลังจากที่เพิ่งตื่นนอนบนเตียงยางพาราราคาแพง แอร์เย็น ๆ ทำให้เธออยากจะนอนต่อมากกว่าตื่น สองมือค่อย ๆ ยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง วาดแขนออกไปบิดขี้เกียจ มองไปรอบตัวในห้องขนาดใหญ่ที่มีเฟอร์นิเจอร์เพื่ออำนวยความสะดวกอย่างครบครัน บ้านชั้นเดียวที่ถูกตกแต่งด้วยสถาปนิกที่มากฝีมือ จนออกมาเป็นสไตล์ Loft+โมเดิร์นและผสมผสานสไตล์ใหม่อย่างมินิมอลเพื่อคุณประโยชน์ในการใช้สอย สวนกว้างให้ได้ปลูกต้นไม้และสระว่ายน้ำขนาดเล็กที่เคยเกือบจะเกิดสงครามราคะของเพื่อนหนุ่มกับแฟนของเขา

ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการสร้างเนื้อสร้างตัวในฐานะดีไซเนอร์ที่เคยได้รับรางวัลระดับโลกจนได้เป็นเจ้าของแบรนด์ SAYA ที่ตัวอักษรมาจากชื่อของแม่ในภาษาอังกฤษว่า Sasiya พอนึกถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงอดีตในชาตินี้ของเธอและชาติที่แล้วด้วย

เธอในอดีตคือฟ่านเยว่ซิน ปัจจุบันคือจันทรกาลหรือชื่อเล่นที่ตนเปลี่ยนมาใช้ตอนอายุ 15 ว่า ‘ซิน’

ใช่แล้ว เธอได้รับความทรงจำทั้งหมดจากอดีตชาติกลับมาตอนอายุสิบห้า เหมือนกดเล่นหนังแบบ Flash back ทันใดนั้น

พรึบ! ทุกอย่างถูกฉายเข้ามาในความทรงจำ บางครั้งหลังลืมตาตื่นขึ้นมายังนึกสงสัยว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ความฝันหรือความจริง หากเป็นเพียงภาพฝันก็คงเป็นเพียงฝันร้ายที่อยากจะลืม ๆ มันไปด้วยซ้ำ

โชคดีว่าในชีวิตนี้เธอได้รับการศึกษารูปแบบใหม่ที่เน้นการพัฒนาศักยภาพตนเองและได้เปิดประสบการณ์ใหม่ในหลายประเทศ ยิ่งทำให้รู้ว่ามนุษย์เราสามารถมีศักยภาพซึ่งไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะเรื่องสิทธิและเสรีภาพ ตลอดยี่สิบกว่าปี เธอได้ใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ มีหลายสิ่งที่ได้ลองทำเพื่อหาหนทางรอดจากบางสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นอีกสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ในชีวิตใหม่นี้

‘จันทรกาล’ เกิดมาในชุมชนแออัดในจังหวัดกรุงเทพที่ค่าครองชีพสูงขนาดเงินเดือนคนจบปริญญายังไม่ค่อยพอใช้ ฐานะทางบ้านค่อนไปทางลำบาก อย่าว่าแต่ของอร่อยเลย การจะกินข้าวให้อิ่มแต่ละมื้อนั้นก็ยากแล้ว

พ่อติดเหล้าส่วนแม่ถ้าไม่ทะเลาะกับพ่อ วัน ๆ ก็รับจ้างทำงานไปทั่วเพื่อส่งเสียเธอให้เรียนหนังสือ ถึงแม้จะแค่ได้เรียนในโรงเรียนไม่มีชื่อเสียงแถวชุมชนก็ตาม

ทุกวันหลังเลิกเรียนเธอจะกลับมาช่วยงานแม่เป็นประจำเพื่อแบ่งเบาภาระเท่าที่จะเป็นไปได้ บางวันพ่อก็มาขโมยเงินที่แม่เก็บมาได้ไปหมด ไม่เคยนึกถึงครอบครัว เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งที่แค่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น โชคยังดีที่ชื่อโฉนดเป็นชื่อของแม่และทั้งคู่ก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน พ่อไม่เคยลงไม้ลงมือกับเธอหรือแม่ราวกับว่ามีชนักติดหลังบางอย่างทำให้ไม่สามารถลงมือได้ มากสุดก็ทำได้แค่ปาข้าวปาของระบายอารมณ์เวลาที่เธอกับแม่ไม่ยอมให้เงินใช้

อยู่มาวันหนึ่งแม่ก็เริ่มล้มป่วยลงตอนเธออายุได้สิบสามปี สาเหตุมาจากการขาดสารอาหารอย่างรุนแรงบวกกับพักผ่อนน้อย ทำให้ทำงานหนักเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ จึงจำต้องเอาเงินที่แอบซ่อนไว้มาใช้จ่ายในการรักษาและประทังชีวิต จันทรกาลที่เพิ่งเข้าชั้นมัธยมต้นต้องกลายมาเป็นเสาหลักของบ้านตั้งแต่อายุยังน้อย เธอย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำจังหวัดด้วยทุนการศึกษาเต็มจำนวนจากการสอบชิงทุน ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายถูกลดทอนลงไปบ้างอย่างน้อยก็ค่าเทอมและค่าอาหารกลางวัน

แม่เริ่มรับงานมาทำที่บ้านแทนการออกไปรับจ้างข้างนอก อาการแม่ไม่ดีขึ้นเลยมีแต่จะทรุดลง เธอเลยช่วยคิดจะช่วยแม่โดยการไปหางานพิเศษทำช่วงตอนเย็นหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์

แต่พอคนเห็นว่าเป็นเด็กก็ไม่กล้าจ้าง เธอจึงรับทำการบ้านหรือแม้แต่ให้เพื่อนลอกข้อสอบเพื่อรับค่าขนมเล็กน้อยจากเพื่อน ๆ ยังดีว่าเธอมนุษยสัมพันธ์ดีทำให้มีเพื่อนดี ๆ หลายคนคอยแชร์ขนม ของกินอร่อย ๆ ให้และเธอก็มักเอากลับมาฝากแม่เสมอ ส่วนพ่อมีกลับมานอนบ้านบ้างเป็นครั้งคราวและชวนเพื่อนน่ากลัว ๆ มากินเหล้าในบ้าน ซึ่งมันน่าสงสัยตรงที่แม่มักมีปฏิกิริยาแปลก ๆ เวลาเพื่อนพ่อมาที่บ้านและคอยย้ำห้ามไม่ให้เธอออกมาจากห้องนอนเด็ดขาด

ในค่ำคืนหนึ่งในวันเกิดครบรอบสิบห้าปี จันทรกาลมีอาการปวดหัวอย่างหนักจนต้องเข้าห้องฉุกเฉินและผลที่ได้คือความทรงจำในอดีตชาติหลั่งไหลกลับเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำ ความเจ็บช้ำใจก่อกำเนิด จำได้ว่าเธอนั่งร้องไห้ไม่ต่างจากคนเสียสติ แม่ได้แต่กอดปลอบเธอโดยไม่รู้สาเหตุ ผ่านไปหลายวันถึงจะรู้สึกดีขึ้นและทำใจอยู่กับปัจจุบันได้

ต่อมาไม่นานก็เหมือนเจอมหันตภัยร้ายในชีวิตอีกครั้ง ระหว่างกำลังทำงานอยู่ ๆ แม่ก็หมดสติจนถูกหามเข้าห้องไอซียูเพราะตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งในลำไส้ หมอบอกว่าดูจากอาการแม่น่าจะเป็นมาสักพักแล้วแต่ไม่เคยมาตรวจอย่างจริงจัง ต้องดูว่าอยู่ที่ระยะไหนแล้วต้องรักษาอย่างไร แต่ควรเตรียมค่าใช้จ่ายเผื่อไว้ เนื่องจากการรักษามะเร็งมีค่าใช้จ่ายสูงมากเพราะอาจจะต้องผ่าตัดลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็งออกและทำเคมีบำบัดอย่างต่อเนื่องรวมถึงฉายแสงเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง ไหนจะค่าทำ CT scan และ PET scan

จะว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายก็ว่าได้ มรสุมชีวิตที่มามะรุมมะตุ้ม ทำให้เธอไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องในอดีตชาติที่จบไปแล้ว เธอจำต้องโฟกัสแค่วิธีหาเงินเพื่อมารักษาแม่เพียงอย่างเดียว เรื่องราวในชาติก่อนคงต้องพับไว้ก่อน ไม่แน่อาจจะเหมือนที่ใคร ๆ เขาว่าเวลาอาจจะช่วยเยียวยารักษาให้หายได้เอง

ในเย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน

“ซิน วันนี้พวกเราจะไปหาอะไรกินอร่อย ๆ ไปด้วยกันนะ วันนี้ยัยอรเป็นเจ้ามือเลี้ยงเลยนะ” เพื่อนสาวคนหนึ่งในห้องเรียนเรียกเธอไว้

“โทษทีนะ เราต้องรีบไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล ไว้ครั้งหน้านะ” จันทรกาลว่าไว้แค่นั้นก่อนจะรีบวิ่งออกจากประตูโรงเรียนตรงไปที่โรงพยาบาล

“แกไม่ต้องชวนหรอก วัน ๆ ไอ้ซินมันต้องทั้งเรียนทั้งทำงานไหนจะต้องไปดูแลแม่อีก ถ้าเป็นฉันนะ มีหวังเครียดจนเส้นสมองแตกตายไปแล้ว” เพื่อนอีกคนที่ยืนมองจันทรกาลวิ่งออกไปพูดขึ้น

“นี่แกอย่าไปพูดให้ซินมันได้ยินเชียว เดี๋ยวจะเสียกำลังใจ แต่จะว่าไปซินดูเป็นผู้ใหญ่ยังไงไม่รู้เนอะ ดูโต เหมือนคนผ่านโลกมามาก ทั้ง ๆ ที่ยังเป็นแค่เด็กมัธยม”

“ก็อย่างว่า มันมีอะไรให้รับผิดชอบเยอะขนาดนั้นจะดูโต๊โตก็ไม่แปลก”

“นั่นสินะ” เพื่อน ๆ ที่คุยกันเรื่องของจันทรกาลเห็นด้วยและเห็นใจ แทนที่อายุเท่านี้จะได้ใช้ชีวิตสนุกไปวัน ๆ กลับต้องแบกรับภาระมากมาย

อีกฝั่งนึงสาวน้อยที่วิ่งออกไปแล้วลืมของเลยกลับมาเอา ทำให้บังเอิญไปได้ยินกลุ่มเพื่อนคุยกันเรื่องของเธอ

เธอเลยเดินออกมาโดยไม่ได้ไปเก็บของที่ลืมไว้แล้ว เธอรู้สึกดีใจที่เพื่อนในห้องต่างเข้าใจสถานการณ์ของเธอและไม่แปลกที่จะสงสาร ก็ชีวิตในชาตินี้ลำบากกว่าชาติก่อนเยอะเลยนี่นา ในด้านของความเป็นอยู่ละนะ คิดถึงสาวใช้คนสนิททั้งสองจัง ถึงแม้พ่อแม่เธอชาติก่อนจะรักลูกไม่เท่ากันแต่เธอก็โตมาได้ โดยสาวใช้และแม่นมคอยดูแล ไม่ต้องหยิบจับอะไรให้เหนื่อย แต่ละวันเรียนแต่โคลงกลอนอักษรศิลป์ ดนตรี การบ้านการเรือน แล้วก็คอยตามท่านพ่อเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เท่านั้น

ตอนนี้เธอกลับต้องรับจ้างข้างนอกเพราะแม่ไม่สามารถทำงานได้แล้ว ดีว่าเธอกำลังจะเข้าเรียนมัธยมปลายแล้วจึงพอหางานพวกล้างจานตามร้านอาหารได้ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะมีเงินซื้อข้าวกินไหม

ระยะทางจากโรงเรียนถึงโรงพยาบาลใช้เวลาเดินก็เกือบครึ่งชั่วโมง ไม่นับว่าไกลนัก แต่มันทำให้เธอได้มีเวลาคิดและพิจารณาอะไรหลายอย่าง ถึงแดดมันจะไม่อำนวยเลยก็เถอะ

“แม่จ๋า หนูมาแล้ว” จันทรกาลเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยเตียงรวมที่ห้องหนึ่งมีหกเตียง ญาติจึงไม่สามารถเฝ้าไข้ได้ เข้าเยี่ยมได้ตามเวลาเท่านั้น

“อ้าว ซินมาแล้วเหรอ” ‘ศศิญา’ ลืมตามาทักทายลูกสาวสุดที่รัก

“เพิ่งเปลี่ยนชื่อมาไม่กี่เดือนแต่เพื่อนส่วนใหญ่ก็เริ่มชินกับชื่อเล่นใหม่ของหนูแล้วด้วยนะ ฮะ ๆ” จันทรกาลพูดไปก็นึกขำ แม้แต่ครูก็เรียกจัน แต่พอเธอแกล้งไม่หันจึงยอมเรียกซิน

“ก็ไม่รู้ว่าเราจะเปลี่ยนทำไม ชื่อจันก็น่ารักดีออก”

“โถ่ แม่ ไม่รู้อะไร เพื่อนที่ไม่สนิทเนี่ยไม่เท่าไหร่ พอสนิทเท่านั้นแหละ อีจัน นึกว่าตัวเองเป็นทาสในเรือนเบี้ยอ่ะแม่ อีกอย่างชื่อนี้มันช่วยทำให้หนูไม่ลืมว่าตัวเองคือใคร” จากละครที่เคยดู มันเป็นชื่อที่มีไว้เรียกขานพวกทาส นี่คือข้ออ้างของเธอตอนขอเปลี่ยนชื่อ ความจริงเธอไม่อยากบอกว่าทำไมถึงเปลี่ยนชื่อ จึงโกหกไปว่าเพื่อนชอบล้อเลยอยากเปลี่ยน ซึ่งแม่ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันก็แค่ชื่อเล่นทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น

“แหม อีกอย่างชื่อเล่นซิน หนูย่อมาจาก ซินเดอเรลล่าไง เผื่อจะมีเจ้าชายรูปงามมาพาไปอยู่ปราสาทบ้างไรงี้” จันทรกาลหยอกคนเป็นแม่เล่น ก่อนจะแอบตบปากสามทีแล้วปาทิ้ง เจ้าชายเหรอ ไม่เอาแล้วค่ะ

“แม่ขอโทษนะ ที่ทำให้หนูต้องเกิดมาลำบาก ถ้าแม่มีเงินพอ หนูคงได้ใช้ชีวิตสบายเที่ยวเล่นเหมือนคนรุ่นเดียวกัน ป่านนี้คงไปหาของกินอร่อย ๆ กับเพื่อน ๆ แล้วเดินเล่นตามห้างอย่างที่เขาทำกัน ไม่ต้องมาเหนื่อยดูแลแม่และรับจ้างเขาไปเรื่อยแบบนี้” มือหยาบกร้านเอื้อมไปกุมมือเล็กที่มีความนุ่มน้อยลงทุกทีเพราะผลจากการช่วยแม่ซักผ้า ทำความสะอาด และล้างจานทุกวัน

“แม่ไม่ต้องขอโทษเลย หนูเกิดมาโชคดีที่ได้มาเป็นลูกแม่ บางคนทั้งชีวิตเขาอาจจะสบายไม่ลำบาก แต่ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแม่หรือใคร จนนาทีสุดท้ายไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนในครอบครัว มันก็มีเยอะ หนูโชคดีกว่าตั้งเยอะ แม่แค่ทำตัวเองให้แข็งแรงไว ๆ อยู่กับหนูไปนาน ๆ ก็พอ สัญญานะแม่นะ” สาวน้อยว่าจับมือแม่มากุมมาหอมจนชื่นใจด้วยรอยยิ้ม แล้วเอานิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วแม่ไว้เพื่อทำสัญญา

“เด็กโง่ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกนะ สัญญากับแม่นะซิน ว่าหนูต้องเข้มแข็ง แม่ไม่มีทรัพย์สมบัติใดให้ลูกนอกจากการศึกษาที่ต่อยอดให้ลูกได้ ซินเป็นแก้วตาดวงใจของแม่ จงดูแลตัวเองให้ดี ปกป้องตัวเอง อย่าให้ใครมาทำร้ายลูกของแม่ได้นะ เข้าใจไหม”

“โอ๊ย ไม่เอาไม่เศร้า ไม่ดึงดราม่าค่า แม่อยู่ทั้งคนใครจะทำอะไรหนูได้ ส่วนที่พ่อแม่รักลูกทุกคนมันอาจจะไม่จริงก็ได้นะ ไม่เชื่อแม่ลองถามพ่อดูสิ ไม่รู้ป่านนี้ไปเมาโดนใครเขากระทืบอยู่ที่ไหน”

“ทะเล้นจริง ไอ้ตัวแสบ” แม่เลี่ยงที่จะไม่พูดถึงพ่อแบบนี้เสมอ เหมือนต่างคนต่างอยู่

“หนูอยากกอดแม่แน่น ๆ แม่อยู่ให้หนูกอดนาน ๆ นะ” ความรักอย่างไร้เงื่อนไขที่ทั้งชีวิตของฟ่านเยว่ซินไม่เคยได้รับมาก่อน เธอไม่อยากเสียความอบอุ่นนี้ไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel