บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ถึงเวลาต้องบอกลา

จันทรกาลอยู่เป็นเพื่อนคุยและดูแลแม่จนหมดเวลาเยี่ยม เธอจึงเดินออกมาเพื่อกลับบ้านแต่ถูกคุณหมอเจ้าของไข้แม่มาเรียกไว้ซะก่อน

“สวัสดีจ้ะหนูซิน มานั่งก่อนสิ” คุณหมอหนุ่มใจดีทักทายอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะ พี่หมอสุดหล่อ~” คุณหมอหนุ่มที่พึ่งย้ายมาประจำที่โรงพยาบาลรัฐแห่งนี้ เรียกได้ว่าคุณหมอช่วยเยียวยาจิตใจเธอได้มากเลยทีเดียว เพราะนอกจากหล่อแล้วยังอบอุ่น ใจดีอีกต่างหาก

“พี่อยากจะแจ้งเราก่อนเรื่องอาการของคุณแม่ว่าไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้ว”

“ทำไมเหรอคะ ร่างกายแม่ฟื้นฟูดีเลยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้วใช่ไหมคะ” จันทรกาลถามหมอด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง

“หนูซินฟังพี่นะ จากผลตรวจคุณแม่เป็นมะเร็งระยะที่ 3 เนื่องจากเราพบว่าเซลล์มะเร็งกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองอวัยวะส่วนอื่นแล้ว ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ แต่จะใช้วิธีการรักษาด้วยเคมีบำบัดเพื่อไม่ให้แพร่ไปยังอวัยวะอื่นๆ”

“คะ? เป็นไปได้ยังไง แม่ดูเหนื่อยหอบง่ายก็จริงแต่ไม่ได้อาการหนักขนาดนั้นสักหน่อย หนูมาดูแม่ทุกวัน แม่ยังดูโอเคดีอยู่เลย แล้วแม่จะหายไหมพี่หมอ” มือเล็กกุมมือตัวเองบีบไว้ด้วยความรู้สึกกลัวจะสูญเสียคนสำคัญ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอ

“หมอตอบไม่ได้ แต่หมอจะรักษาคุณแม่อย่างเต็มที่เพียงแต่ มันมีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระก่อนเพราะทางโรงพยาบาลไม่มีสำรองให้ หนูซินจะทำอย่างไร”

“พี่หมอนัดวันทำคีโมได้เลยค่ะ เดี๋ยวค่าใช้จ่ายซินจัดการเอง ขอแค่ช่วยแม่ได้ก็พอ”

“โอเคครับ เดี๋ยวพี่จะขอตรวจเช็กร่างกายคุณแม่อีกรอบแล้วเรามานัดมากันเลย” หมอเห็นแล้วก็นึกสงสาร เด็กคนนี้พึ่งเข้าสู่วัยรุ่นกลับต้องมาแบกรับภาระมากมายขนาดนี้

“ขอบคุณค่ะพี่หมอ” จันทรกาลเดินออกมาจากโรงพยาบาลอย่างเหม่อลอย

วันนี้ร้านอาหารที่เธอรับล้างจานปิดร้านแบบกะทันหันและดูท่าต้องปิดซ่อมแซมอีกหลายวันเพราะพ่อครัวดันทำไฟไหม้ครัว ทำให้เธอว่างไปหลายวัน จนกระทั่งสุดสัปดาห์ถึงมีผ้ามาจ้างให้ซัก เธอกำลังคิดว่าจะหาเงินมาจากไหนได้เร็วและเยอะในเวลาอันสั้น

เธอเดินจนไปผ่านย่านคลับ บาร์ สถานเริงรมย์ เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวสวย เซ็กซี่ เดินกอดเอวพาผู้ชายดูภูมิฐานคนนึงออกมาจากรถ ก่อนจะหายเข้าไปในคลับแห่งหนึ่ง

จันทรกาลกลับไปบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากะว่าจะทบทวนบทเรียนแล้วเข้านอนแต่ดันหิว เลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เย็นจนดึกขนาดนี้แล้ว ปกติที่ร้านจะมีข้าวเตรียมไว้ให้ซึ่งไม่รวมค่าจ้างเนื่องจากเจ้าของร้านสงสารเด็กอย่างเธอที่ต้องออกมาทำงานหารายได้ ทำให้ไม่เคยต้องหาข้าวเย็นกินเอง

เธอจึงเดินออกจากบ้านและจำต้องเดินผ่านย่านเริงรมย์อีกครั้งในเวลานี้ซึ่งมันดึกแล้ว ปกติเวลานี้เธอต้องช่วยปิดร้านอาหาร แต่ดีว่าพี่ที่ร้านจะช่วยขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งถึงบ้าน ทำให้เธอไม่เคยเดินผ่านแถวนี้ตอนดึก ๆ คนเดียว เธอจึงจ้ำเท้าเร็วขึ้น

ขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านคลับแห่งนึงอยู่นั้น พี่ที่ควงกับผู้ชายคนหนึ่งก่อนหน้านี้เดินออกมากับผู้ชายอีกคนก่อนที่จะส่งผู้ชายคนนั้นขึ้นรถแล้วขับออกไป หนุ่มใหญ่คนนั้นลดกระจกลง ก่อนจะควักแบงก์ปึกใหญ่ให้พี่สาว

พี่สาวเหมือนต้องการจะตอบแทนเงินก้อนนั้น จึงก้มตัวไปเหนี่ยวรั้งคอพี่ผู้ชายคนนั้นเข้ามาจูบแลกลิ้นพัวพันกันจนพอใจ เธอแอบเห็นพี่คนนั้นล้วงมือเข้าไปบีบล้วงบางอย่างจากทางคอเสื้อกว้างของพี่สาว สักพักพี่เขาก็ถอยออกมาโบกมือจนรถขับหายลับตาไป เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เธอเผลอมองอยู่นาน พี่สาวคนนั้นเลยทักเธอขณะที่มือก็ยังนับเงินต่อไป

“ว่าไงสาวน้อย ดึกป่านนี้ออกมาทำอะไรฮึ”

“หนูหิวเลยออกมาเซเว่น ทางกลับบ้านปกติก็เดินผ่านทางนี้แหละ พี่มาเที่ยวที่นี่บ่อยเหรอ”

“เปล่า ออกมาทำงานต่างหาก เงินดีจะตายไม่ต้องเหนื่อยแถมยังฟินไปสามโลก เอาเถอะ วันหนึ่งมีผัวเดี๋ยวก็รู้เอง แต่ก็นะอาชีพนี้ไม่มีใครให้ค่าหรอกมีแต่ด่าว่าเป็นกะหรี่”

“กะหรี่แล้วยังไง มันก็แค่คำพูดคนอื่น มันเอามาทำให้อิ่มท้องไม่ได้หรอกพี่ แต่เงินทำได้นะ”

“ฮ่า ๆ เออ ความคิดเจ๋งดี ฉันชื่อรินรดา เรียกเจ๊รินก็ได้ แกชื่ออะไร ยังดูเด็กแต่นิสัยแก่แดดได้ใจเจ๊ อยากมาทำไหมล่ะ ว่าแต่แกอายุเท่าไหร่” ‘รินรดา’ แนะนำตัวเองกับสาวน้อยตรงหน้าที่พูดจาแก่แดดโตเกินวัย

“หนูชื่อซิน อายุ 16 ว่าแต่อาชีพนี้หาเงินได้เร็วไหม ซินต้องการใช้เงินด่วนอ่ะเจ๊"

“โอ๊ย ตาย ๆ คำพูดคำจา ไอ้เราก็นึกว่าเรียนอยู่มหาลัย ลืมเรื่องที่ชวนไปซะ ฉันยังไม่อยากเข้าซังเต” พี่สาวหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเข้าปอด

“แล้วเจ๊เริ่มทำงานนี้ตอนอายุเท่าไหร่” เหมือนคำถามของซินจะทำให้พี่สาวคนสวยหยุดชะงักไปแป๊บหนึ่ง

“ว่าเริ่มตอนเท่าแกนี่แหละ เออ ๆ ยอมรับ คนมันร้อนเงิน ไปรับจ้างใครเขาก็โดนกดขี่”

“ซินก็ร้อนเงินเนี่ย ตอนนี้แม่ป่วยอยู่โรงพยาบาล แต่ค่ารับจ้างล้างจานกับซักผ้ามันไม่พอเอาไปจ่าย”

“ชีวิตแกละครมาก ฉันรู้สึกถูกชะตากับแกหรอกนะ ตามมาสิเดี๋ยวพาไปแนะนำกับเจ้าของร้าน เจ้าของแกใจดี เดี๋ยวแบ๊กให้รับรองได้งานแน่” สาวชุดแดงสายเดี่ยวรัดรูปเดินมาจูงมือจันทรกาลให้เดินเข้าไปในคลับที่เธอทำงาน

“ต้องขายตัวไหม” เธอยื้อข้อมือไว้เพื่อถามให้แน่ชัดก่อนจะยอมเดินตามรินรดาเข้าไปด้านใน

“เฮ้ย จะบ้าเหรอ ฉันไม่ใช่แม่เล้านะยะ แล้วนี่คลับชั้นสูงปลอดภัยหายห่วง ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก นอกจากแกจะไปตกลงตามแขกไปเอง นั่นก็เรื่องแก เชื่อฉันเถอะน่า ตามมา”

จันทรกาลตัดสินใจเพียงชั่วครู่ก็เดินตามรินรดาเข้าไป นับจากนั้นชีวิตของจันทรกาลก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง รินรดาคุยกับเจ้าของร้านขอให้เธอได้งานทำที่นี่ เธอเข้าไปทำตำแหน่งเด็กนั่งดริ้ง เป็นอย่างที่รินรดาบอก ผู้ชายที่มาใช้บริการส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะและจะไม่ถึงเนื้อถึงตัวก่อนได้รับอนุญาต แล้วเรามีสิทธิ์ตัดสินใจว่าถึงเนื้อถึงตัวได้แค่ไหนหรือแค่คุยเป็นเพื่อนเล่นเท่านั้น

ด้วยอัธยาศัยที่โคตรดีของจันทรกาล เพียงแค่คืนเดียวเธอก็ได้ทิปหนักพอจะไปมัดจำค่ารักษากับทางโรงพยาบาล เธอเลิกรับจ้างล้างจานที่ร้านอาหาร แล้วไปทำงานในคลับอย่างเต็มตัวแม้จะผิดกฎหมายก็ตาม เจ้าของร้านมีแบ๊กใหญ่หนุนหลัง ทำให้ไม่มีใครมาตรวจ ถึงมาก็ทำเป็นตรวจตามหน้าที่ รับเงินแล้วก็กลับออกไป เธอทำงานอยู่ในคลับจนเชี่ยวชาญ มีบ้างที่เปลืองเนื้อเปลืองตัว เช่น กอด จูบ ลูบไล้ แต่ก็ได้เรียนรู้ทักษะการจับสังเกต เพื่อที่จะรู้ความต้องการของลูกค้า ทักษะโน้มน้าวใจและเทคนิคมากมายหลากหลาย ทำให้เธอกลายเป็นคนลูกเล่นแพรวพราวและเจ้าเล่ห์เจ้ากล สกิลเหล่านี้ก็ได้มาฝึกใช้เรื่อย ๆ โดยเฉพาะตอนที่แขกบางคนอยากจะออฟเธอกลับบ้านด้วยกัน

หายเดือนผ่านไปอาการของแม่ก็ทรง ๆ ทรุด ๆ แล้วแต่วัน แม่เลือกที่จะกลับมาพักที่บ้านมากกว่า ซึ่งหมอก็อนุญาต จนจันทรกาลเข้าเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเธอก็เลือกเรียนใกล้บ้านเช่นเคย เธอยังคงแอบทำงานที่คลับโดยไม่ให้คนเป็นแม่รู้และสะสมเงินได้ค่อนข้างมากพอที่จะให้แม่อยู่อย่างสบายและเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เธอดีใจที่เห็นแม่ไม่ต้องลำบากอย่างเก่าก่อน ส่วนพ่อก็หายไปตั้งแต่แม่เข้าโรงพยาบาล ไม่เคยกลับมาบ้านอีกเลยและนั่นคือเรื่องที่โคตรดี

ในวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังจะขึ้นชั้นมัธยมหก แม่ก็เกิดอาการทรุดหนักจนต้องเข้าห้องฉุกเฉินกลางดึก คุณหมอแผนกฉุกเฉินรักษาไปพักใหญ่จนค่อนคืน คนที่เดินออกมากลับเป็นพี่หมอเจ้าของไข้แม่ที่มาเข้าเวรพอดี หมอแจ้งว่าผลตรวจล่าสุดร่างกายคนไข้ไม่สามารถทำการรักษาต่อได้และเป็นเหตุคนไข้หมดสติไป ที่คนไข้ยังหายใจอยู่ตอนนี้เพราะใส่เครื่องช่วงหายใจ ซึ่งหมอให้เธอรีบตัดสินใจว่าจะถอดเครื่องออกแล้วปล่อยให้คนไข้ได้หลับไปอย่างสบายหรือจะยื้อไว้

ความจริงที่ได้รับรู้เหมือนมีคนเดินมาตบหน้าอย่างแรง เธอเดินไปหลบอยู่ในซอก ๆ หนึ่งที่ไม่มีคน น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาเปื้อนแก้ม ไม่มีเสียงสะอื้นใด ๆ เธอทำแค่ร้องไห้อย่างเงียบเชียบเพียงลำพัง

เธอควรจะยื้อแม่ไหม เธอเคยผ่านช่วงเวลาสุดท้ายที่ต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมาแล้ว จากร่างกายบอบช้ำที่เอาแต่สร้างความทรมานให้แก่เธอ แล้วเธอจะยื้อให้แม่ทรมานไปเพื่ออะไร!?

ผ่านไปสักพักจันทรกาลที่เริ่มคุมสติตัวเองได้ ก็เข้าไปในห้องฉุกเฉิน เธอเบี่ยงม่านออก มองเห็นแม่นอนพร้อมสายระโยงรยางเต็มไปหมด

“แม่จ๋า แม่เหนื่อยแล้วใช่มั้ยจ๊ะ ฮึก” ศศิญาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองจันทรกาลพร้อมกับค่อย ๆ ขยับปากพยายามที่จะพูด

“แม่...รัก...ลูก...นะ” คนเป็นแม่พยายามเค้นเสียงพูดออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย

“หนูก็รักแม่ค่ะ รักที่สุดเลย ไม่ต้อง...ฮือ...ห... ห่วง... นะ...หนู” สิ้นคำของจันทรกาล คนเป็นแม่อย่างศศิญาก็ปิดเปลือกตาลงทั้งรอยยิ้ม ก่อนเสียงสัญญาชีพที่บ่งบอกว่าหมดเวลาของร่างนี้แล้วจะดังขึ้น พยาบาลและหมอรีบวิ่งเข้ามาดูแล้วเริ่มทำการปั๊มหัวใจช่วยชีวิต หมอหยุดมือลง ก่อนหมอจะหันไปสั่งพยาบาลเสียงเข้ม

“เรียกขานเวลาเสียชีวิต”

“6 โมง 18 นาทีค่ะ”

“พี่เสียใจด้วยซิน”

ขณะที่จันทรกาลทำได้แค่ตะโกนกรีดร้องราวกับจะขาดใจ “แม่ตื่นก่อน!! แม่~!!!”

งานศพถูกจัดขึ้นแค่วันเดียวก็เผาเพราะแม่เธอสั่งไว้ว่าจัดงานแค่วันเดียวก็พอ เนื่องจากแม่ไม่มีญาติหรือเพื่อนที่ไหน มีเพียงเพื่อน ๆ คุณครูที่โรงเรียน รินรดาและพี่ที่คลับมาร่วมงาน ซึ่งแน่นอนว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อเธอ พ่อเขาไม่กลับบ้านมาหลายปีราวกับหายสาบสูญไปเฉย ๆ ไม่รู้เลยว่ายังมีชีวิตอยู่รึเปล่า

คนเป็นสามีใจดำแบบนี้ทุกคนรึเปล่านะ

หลังจากงานเผาศพผ่านพ้นไป จันทรกาลนำอัฐิแม่ไปลอยอังคารที่ทะเล แม่ของเธอชอบทะเล ชอบมาก แต่เพราะไม่มีเงินมากพอเลยแทบไม่เคยได้ไปทะเล โชคยังดีว่าหลังจากเธอทำงานในคลับก็มีเงินพอจะพาแม่ไปเที่ยวเกาะช้าง โดยหลอกว่าได้เงินมาจากการถูกลอตเตอรี่

ลมทะเลทำให้เธอยิ่งหวนคิดถึง ลมที่พัดเข้ามาโดนตัวราวกับเป็นตัวแทนอ้อมกอดแม่ที่ปลอบประโลมเธอ

เธอลงมาเดินที่ชายหาดให้เท้าสัมผัสกับคลื่นหลังจากเสร็จจากการลอยอังคาร

“แม่รู้ไหม หนูมีความลับจะบอก” จันทรกาลมองตรงไปยังสุดขอบทะเล

“หนูเกิดมา เหมือนสวรรค์ลิขิตให้หนูจำอดีตชาติได้ ใช่ จำได้ทั้งหมดเลย ที่หนูเปลี่ยนมาใช้ชื่อซิน เพราะชื่อในอดีตหนูชื่อว่า ฟ่านเยว่ซินเป็นบุตรสาวคนกลางของอัครเสนาบดีเป็นตระกูลที่มีทั้งอำนาจและฐานะ หนูได้เป็นน้องบุญธรรมของฮ่องเต้ เป็นพี่น้องบุญธรรมกับเหล่าองค์ชาย เป็นพระชายาเอกของชินอ๋อง เท่ไหมแม่ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความสุขที่หนูได้เป็นลูกแม่ แม้เราจะมีกินอิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง แต่ข้าวที่แบ่งกันกินกับแม่ มันอร่อยกว่าอาหารเลิศรสในวังซะอีก หนูจำได้นะตอนที่หนูอยากใส่เสื้อผ้าสวยแบบเจ้าหญิง แม่ก็ไปขอผ้าเหลือ ๆ จากโรงงานมาตัดเย็บให้ มันมีค่ามากกว่าเสื้อผ้าที่ทำมาจากทองคำซะอีก ฮึก” จันทรกาลพยายามกลืนก้อนสะอื้นแล้วพูดต่อ

“ป่านนี้แล้วแม่คงรู้แล้วว่าหนูแอบไปทำอาชีพอะไร ถึงมีเงินมารักษาแม่แล้วยังพาแม่เที่ยวอีก แม่อย่าโกรธหนูเลยนะ อาชีพนี้ความจริงมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ว่ากันตามจริงแล้วมันเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดอาชีพหนึ่งเลยนะ อาจจะไม่เหมาะสมและไม่ควรเอาแบบอย่าง แต่ตอนที่ร้อนเงิน มันก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หนูจะเลิกทำแล้วแหละ ไม่มีความจำเป็นอะ..ไรแล้ว”

“สุดท้ายแล้ว หนูอยากบอกแม่ว่า ขอบคุณนะคะ ขอให้เราได้เป็นแม่ลูกกันอีกนะคะ หนูภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่ศศิญาคนนี้” เธอหลับตาพร้อมกับพนมมือขึ้นไหว้ไปยังทะเลด้านหน้าเพื่อต้องการสื่อไปถึงแม่ เธอเชื่อว่าแม่จะต้องรับรู้กับทุกคำพูดที่เธอสื่อถึง

‘ไม่ว่าเมื่อไหร่วิญญาณของแม่จะคุ้มครองลูกเสมอ’ เธอหันไปตามเสียงแต่ก็ไม่พบใคร ส่วนหนึ่งเธอดีใจที่แม่ได้ปลดวางความทุกข์ของสังขารที่ผุพังและได้เป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวง

หลังจากนี้ก็ถึงคราวที่เธอต้องใช้ชีวิตต่อไปในส่วนของแม่ด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel