บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เส้นทางใหม่

เวลาผ่านไป 8 ปี..

นับตั้งแต่ที่แม่จากไป ซึ่งอยู่ในปีการศึกษาสุดท้าย จันทรกาลที่ต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียวนับจากนี้จึงตัดสินใจลาออกจากการทำงานที่คลับและโชคดีที่เรื่องที่เธอทำงานกลางคืน ทางโรงเรียนยังไม่มีใครรู้

ในเทอมสุดท้ายเธอสอบชิงทุนได้ไปเรียนต่ออเมริกาในระดับมหาวิทยาลัยมีชื่อที่ LA ด้วยทุนเต็มจำนวนที่มีพร้อมทั้งค่าอยู่ค่ากินและยังสามารถทำงานพิเศษในมหาลัยฯได้ ปีแรกเธอต้องใช้การปรับตัวค่อนข้างมากเนื่องด้วยภาษาที่เธอใช้ได้คล่องมีแค่ภาษาไทยกับภาษาจีนที่เป็นแต้มบุญจากชาติที่แล้ว เธอเลือกคณะตอนขึ้นปี 2 [1] ในคณะบริหารและ Fashion Design ซึ่งตามระบบมหาลัยฯ จะสามารถเลือกเรียนได้สองคณะพร้อมกันและจบด้วยปริญญาสองใบ เธอใช้เวลาในการเรียนสี่ปีในรั้วมหาลัยฯ

เธอยังได้รับโอกาสในการช่วยงานศาสตราจารย์หลายท่านและได้ค่าจ้างต่อชั่วโมงมากกว่าอัตราจ้างทั่วไป เพราะคอนเนคชั่นจากอาจารย์ทำให้ผลงานของเธอได้ถูกนำเสนอสู่สาธารณะ

เริ่มต้นจากบอร์ดมหาลัยฯ จนมีแมวมองมาเห็นถึงความสามารถและศักยภาพของหญิงสาวจนเธอได้ไปเป็นผู้ช่วยของแบรนด์สินค้าที่มีชื่อในอเมริกา

คอลเลคชั่นชุดแรกที่เธอช่วยออกแบบนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้เธอเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในวงการแฟชั่น ขณะที่เรียนอยู่ปีสามเธอเปิดแบรนด์เสื้อผ้าโดยมีศาสตราจารย์คอยให้คำชี้แนะจนแบรนด์ออกมาเป็นรูปเป็นร่างและจันทรกาลก็เริ่มออกผลงานภายใต้ชื่อแบรนด์ SAYA ประสบการณ์มากมายรวมถึงความสามารถทางด้านภาษาทั้งจีน อังกฤษ ไทย ทำให้เธอมีคอนเนคชั่นมากขึ้นและส่งผลให้แบรนด์ของเธอเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านมาจนหญิงสาวอายุยี่สิบห้าก็ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ SAYA อีกหนึ่งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงแถวหน้าในอเมริกา

“หล่อนกะจะไม่ลุกจากเตียงเลยใช่มั้ย” ‘มาอิดะ’ หนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อ ‘ไมกี้’ เพื่อให้เรียกง่ายและเจิดจรัสในวงการ มองไปยังนาฬิกาที่เข็มสั้นอยู่ที่เลขสาม จึงตัดสินใจเปิดเข้าห้องของคนที่เป็นทั้งเจ้านายและคู่หูเพื่อไปดูว่าเพื่อนสาวตื่นหรือยังแต่ที่เห็นคือลุกขึ้นนั่งแต่ยังไม่ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว

“ฉันไม่ได้นอนมาสองวันแล้วนะ ฉันเป็นคนสวยที่ต้องนอนอย่างน้อย 12 ชั่วโมง แต่เพราะไอ้คอลเลคชั่นใหม่ที่ทางแฟชั่นโชว์เขาเร่งมาเลยต้องแหกตาอยู่ตั้งสองวันสองคืน นี่เพิ่งได้นอนไปตอนตีสามเอง” จันทรกาลโอดครวญ

“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้แกแอบโดดงานไปเที่ยวกับเฟื่อนของแกล่ะ Kami-sama [2] ลงโทษแล้ว”

“โรเบิร์ตเขาชวนมาหลายรอบแล้ว ฉันก็ผลัดทุกรอบ ถ้าครั้งนี้ไม่ไปมีหวังเลิกคบกันแน่นอนอะ” จันทรกาลหวนนึกถึงเพื่อนหนุ่มที่ไมกี้มักแซวว่าเป็น ‘เฟื่อน’ เพราะชายหนุ่มมักแสดงออกและดูแลเธอมากกว่าเพื่อนแต่ก็ยังไม่ได้คบเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ แต่ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนธรรมดาจนไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบหญิงสาวอีกเลย แถมเฟื่อนหนุ่มคนนี้ยังคอยเป็นสปอนเซอร์หลักเวลาหญิงสาวจะทำแฟนชั่นโชว์อีกด้วย

“อย่ามาโม้ คุณโรเบิร์ตไม่กล้าเลิกกับหล่อนหรอกค่า อย่างมากก็งอนหายไปวันสองวัน ก็โผล่มาหลอกหลอนกันอีกแล้ว” ไมกี้พูดพลางทำสีหน้าเบื่อหน่าย

“ปกติแกออกจะชอบผู้ชายหล่อ ๆ โรเบิร์ตเนี่ยติดอันดับนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงแห่งปีเลยนะ ไม่ชอบ?” แถมหน้าตาเขายังเหมือนกับใครบางคนในอดีตชาติของเธอเสียด้วย

“หน้าตาอะชอบ แต่ไม่ถูกชะตา ว่าแต่แกเถอะ ให้เขาเป็นเฟื่อนมาตั้งหลายปี ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่คุณซินจะเลื่อนขั้นให้คุณเฟื่อนกลายเป็นคุณแฟนสักทีคะ”

“อาจจะเร็ว ๆ นี้นะคะ ยังไงก็ฝาก กดไลก์ กดแชร์ กดกระดิ่งแจ้งเตือนด้วยนะคะคุณนักเผือก”

“ลืมได้แล้วเหรอ ผู้ชายในอดีตของแก?” ไมกี้ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้สำหรับแต่งหน้าหันไปเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

“อืม มันจบไปแล้ว” จันทรกาลยักคิ้วตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ

“ถามจริง ไอ้ผู้ชายที่ตามมาหลอกหลอนแกในฝันเนี่ย เขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน ถึงทำให้แกไม่สามารถคบใครได้นานเลย”

“เหอะ ฉันไม่น่าเมาแล้วเผลอเล่าให้แกฟังเลย” เธอนึกแล้วก็เจ็บใจตัวเองที่เผลอดื่มฉลองให้กับผลงานแรกตอนปีหนึ่งจนเมาแล้วเผลอพูดอะไรต่ออะไรให้ไมกี้ฟัง

พอตื่นมาก็โดนสอบสวนซะยับ เธอเลยบอกไมกี้แค่ว่าเธอเคยคบกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ก็เลิกรากันไปทำให้เธอค่อนข้างฝังใจ ที่พูดไปทั้งหมดก็เป็นความจริงนะ เธอตายไปแล้วก็เท่ากับเลิกกันแล้วไหมล่ะ

“ไม่ทันแล้วค่ะ!”

“แกจะมาหาว่าฉันคบใครไม่นานก็ไม่ได้ป่ะ พึ่งเคยคบ ๆ เดต ๆ ไม่กี่คนเอง จะมาตัดสินว่าคบไม่นานไม่ได้หรอก อย่าลืมนะ ว่าฉันเพิ่งมีแฟนใหม่ก็ตอนเข้ามหาลัยฯ ที่ผ่านมาคบแฟนแค่สองสามคนก็เกณฑ์ปกติเปล่าวะ ชีวิตคือการเรียนรู้ ถ้าไม่ใช่ก็แค่ไปเรียนรู้ใหม่ ฉันไม่คุยกับแกละ ไปอาบน้ำดีกว่า ทำข้าวให้กินด้วย หิว~” เพื่อนสาวพูดจบก็เดินลิ่วหิ้วผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร็ว เวรกรรมของอีไมกี้แท้ ๆ ต้องมาคอยดูแลคู่หูจนไม่มีเวลาไปมีแฟน

“แล้วที่ว่าเร็ว ๆ นี้คืออะไร มาพูดให้เข้าใจก่อน เชอะ ดีแต่สั่ง ๆ”

 

ขณะที่จันทรกาลกำลังกินข้าวอยู่นั้น ต่อมเผือกของเพื่อนหนุ่มนั้นร้อนแรงแผดเผาจนเธอต้องเป็นฝ่ายถามขึ้นมาเอง

“แกจะจ้องฉันอีกนานแค่ไหน มีอะไรก็พูดมา” เธอยกช้อนที่ใช้กินข้าวมาชี้หน้าเพื่อนที่เอาแต่จ้องหน้าเธออยู่นั่น

“แกตกลงจะคบกับคุณโรเบิร์ตแล้ว?”

“อืม ก็ครั้งล่าสุดที่ไปเที่ยวกันมา...เขาขอฉันแต่งงาน” จันทรกาลเอ่ยแต่ประโยคหลังเบาเหมือนกระซิบ

“หา?!! แต่งงาน! แกตอบตกลงแล้วเหรอ” ก็เข้าใจนะว่าใจร้อนและถูกให้อยู่ในสถานะคลุมเครือมานาน แต่ข้ามขั้นไปไหม ไอ้หมอนี่คงกะรวบหัวรวบหางเพื่อนสาวเขาจนได้สินะ เอาเถอะ ก็นับถือความอดทน ถ้าไม่นับอคติที่เขามี โรเบิร์ตก็ถือว่าเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อกับเพื่อนสาวคนนี้มากที่สุดละ

“ยัง บอกขอคิดดูก่อน ไว้ค่อยตอบตอนทริปที่จะไปด้วยกันเดือนหน้า”

“แล้วที่แกบอกจะคบเร็ว ๆ นี้ก็แปลว่าแกจะตกลงแต่งงาน?”

“ใช่ ฉันคิดว่ามันถึงเวลาสร้างความมั่นคงด้านอื่นให้กับชีวิตได้แล้ว”

“แกรักเขาเหรอ”

“ไม่รักจะคบเหรอแกก็ถามแปลก ๆ” เธอรู้แค่ว่าเขามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกผูกพันแล้วก็อบอุ่นใจเวลาอยู่ใกล้ ๆ

“ฉันคงคิดมากไปเองมั้ง แกกินเสร็จแล้วก็ไปเตรียมตัวจะได้เข้าไปตรวจเช็กงานที่บริษัท ล็อตที่จะส่งไปปารีสว่าเรียบร้อยดี แกจะได้ไม่มาบ่นทีหลัง เดี๋ยวฉันเคลียร์โต๊ะเอง” ว่าจบไมกี้ก็เดินเอาจานไปเก็บไปล้างเพื่อเตรียมเข้าบริษัท ถึงแม้จะเย็นแล้วก็ตาม เขากับจันทรกาลชอบทำงานตอนกลางคืนเป็นประจำเพราะมันเงียบสงบดี

“Thank you ค่ะ คุณเลขาคนเก่ง” ทางจันทรกาลเดินไปหยิบกระเป๋ากับแท็บเล็ตลงไปรอเพื่อนที่รถเหมือนอย่างเคย ระหว่างที่รอก็จะดูงานคร่าว ๆ ไปด้วย ระหว่างที่รอเธอดันนึกถึงเหตุการณ์ที่โรเบิร์ตขอเธอแต่งงาน

 

‘โรเบิร์ต’ หรือชื่อตามจริง ‘หวงเหวินหลง’ นักธุรกิจหนุ่มหล่อชาวไต้หวัน มีธุรกิจใหญ่โตที่เซี่ยงไฮ้ก่อนจะขยายอำนาจทางธุรกิจมาถึงอเมริกา ก่อนหน้านี้เขาเป็นรุ่นพี่ที่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับจันทรกาล แต่ทั้งคู่ไม่เคยเจอกันในมหาลัย กว่าจะมารู้จักกันก็ในงานแฟชั่นโชว์แรกของจันทรกาล หลังจากเพิ่งจบมาใหม่ ๆ

แวบแรกเห็น ทั้งคู่ต่างถูกชะตากันเหมือนเคยสนิทสนมกันมาก่อนแล้วพอได้คุยและรู้ว่าจบมหาลัยเดียวกันก็ยิ่งคุยกันถูกคอจนคบหากันเรื่อยมา ความใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองทำให้มีข่าวเม้าท์ว่ากิ๊กกั๊กกัน ซึ่งเห็นได้อย่างชัดจน โดยเฉพาะการเทคแคร์หญิงสาวของฝ่ายชายยิ่งแน่ชัดว่าทั้งคู่ต้องมีซัมติงกันอย่างแน่นอน ทั้งสองคนมักไปออกทริปด้วยกันบ่อย ๆ แต่ก็มักมีไมกี้ติดสอยห้อยตามไปด้วย

จนมาถึงวันหนึ่งที่ชายหนุ่มชวนหญิงสาวมาออกทริปด้วยกันสองต่อสองเพราะอยากใช้เวลาร่วมกัน ด้วยความบ้างานทำให้ที่ผ่านมาฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายขอเลื่อนทริปออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนโรเบิร์ตทนไม่ไหวต้องเอ่ยออกมาด้วยความน้อยใจ

“I do have my own business but never even ignoring you, maybe cause I care you. Do you ever care of me?”

(ผมมีธุรกิจไม่ต่างจากคุณ แต่ผมไม่เคยละเลยคุณสักครั้ง คงเพราะผมแคร์คุณ คุณล่ะแคร์ผมบ้างไหม)

ทั้งคู่เถียงกันบ่อยครั้ง ต่างฝ่ายยกเหตุผลของตัวเองขึ้นมา ส่งผลให้เกือบมีปากเสียงกัน สุดท้ายฝ่ายหญิงยอมรับปากที่จะไปออกทริปญี่ปุ่นด้วยเพื่อยุติการทะเลาะ

ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินชมซากุระไปเรื่อยเปื่อยตรงทางเดินเลียบแม่น้ำสุมิดะ [3] อยู่ดี ๆ ชายหนุ่มที่วันนี้แต่งตัวดูหล่อกว่าปกติ มาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าขวางหน้าเธอเอาไว้แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ กล่องหนึ่งออกมา

“Sin, I will make a promise to you that I will take care, caring, and give all my love to only you forever. Please marry me.”

(ซิน ผมสัญญาว่าจะดูแล ใส่ใจและให้ความรักแก่ซินเพียงคนเดียวตลอดไป ได้โปรดแต่งงานกับผมนะ) ด้วยความจริงใจที่อีกฝ่ายส่งมา ทำให้ใจหนึ่งจันทรกาลก็เกือบเผลอตอบตกลง

เธอสองจิตสองใจเพราะว่าเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เธอไม่แน่ใจว่าพร้อมจะกลับไปยืนในจุดนั้นอีกครั้งหรือยังและการแต่งงานมันไม่ใช่แค่เชิญแขกมาเป็นสักขีพยานในการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ แต่มันเป็นวันที่เหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่าคนสองคนพร้อมจะใช้ชีวิตเคียงข้างไปด้วยกันเหมือนคนคนเดียวกันพร้อมร่วมทุกข์ร่วมสุข

เธอพร้อมเป็นคนคนเดียวกันกับผู้ชายคนนี้ไหม เธอพร้อมจะเล่าเรื่องทั้งหมดของเธอให้เขาฟังหรือยัง แล้วเขาจะเชื่อเธอไหมหรือจะหาว่าเธอเสียสติไป เธอรู้จักเขาดีพอแล้วเหรอ

 

[1] มหาวิทยาลัยในอเมริกาส่วนใหญ่ปีแรกจะเรียนวิชาพื้นฐานและเริ่มเรียนวิชาของคณะหรือสาขาที่เลือกตอนปี2 ทำให้นักศึกษามีเวลาหนึ่งปีในการตัดสินใจเลือกคณะที่ชอบ

[2] Kamisama (かみさま) แปลว่า พระเจ้าหรือเทพเจ้า

[3] แม่น้ำสายหลักในจังหวัดโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel