บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 นางเป็นใครกันแน่

ณ ตำหนักริมบัว

“ฮ่องเต้เสด็จ” ขันทีหน้าตำหนักประกาศ เมื่อเห็นฮ่องเต้เดินเข้ามาใกล้ตำหนักแต่กลับไม่มีขบวนเสด็จอย่างเคย พร้อมกับใครบางคนที่อยู่ในชุดประหลาดตา เหล่านางกำนัลและขันทีประจำตำหนักต่างเปิดประตูออกแล้วคุกเข่าหมอบกราบด้านข้างเพื่อต้อนรับการมาเยือนของเจ้าผู้ครองแคว้น

“ถวายบังคม/ถวายพระพร ฝ่าบาท” เหล่าขันทีและนางกำนัลกล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

ฮ่องเต้พาฟ่างเยว่ซินเข้าไปยังด้านในตำหนักไปยืนต่อหน้าธารกำนัลทุกคน

“ลุกขึ้นได้” แต่ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรอุ้ยกงกง ขันทีประจำตัวของฮ่องเต้ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาจนอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ก็รับคุกเข่าแทบพระบาท

“ฝ่าบาท ทรงมาอยู่นี่เอง แฮ่ก กระหม่อมตามหาพระองค์จนทั่วเลยพ่ะย่ะค่ะ ดีว่าหัวหน้าทหารวังไปแจ้งกระหม่อมเลยรีบตามเสด็จมา หากทรงกระทำเช่นนี้นานเข้า เห็นทีกระหม่อมคงอายุสั้น แล้วใครจะรับใช้ใกล้ชิดใต้เบื้องพระบาทเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“เห็นทีเป็นเจ้าที่เริ่มอายุมากจนตามข้าไม่ทัน ควรส่งเจ้าไปฝึกเพิ่มพละกำลังกับน้องสาม เผื่อเจ้าจะมีฝีเท้าที่เร็วขึ้น” กงกงหน้าซีดผงกหัวขึ้นลงขออภัยโทษที่ลืมตัวพูดมากเกินความจำเป็น ขอฮ่องเต้ทรงเมตตาอย่าส่งเขาไปหาองค์ชายต้าหลงเลย

ใครก็ต่างรู้สมญานามขององค์ชายสามผู้นี้ ชอบฝึกฝนและคิดค้นกลยุทธใหม่อยู่ตลอดจนเปิดสำนักฝึกกองกำลังพิเศษเป็นของพระองค์เองและสร้างขุนพลที่เก่งกาจออกมามากมาย ขันทีหรือทหารมักถูกพาไปฝึกหรือไปช่วยทดสอบยุทธ์ บางคนขยาดถึงกับเจอองค์ชายสามที่ใดต้องรีบซ่อนตัวหรือหาทางเอาตัวรอด ว่ากันว่าเป็นการฝึกที่หฤโหดมาก ยิ่งถ้าองค์ชายสามอารมณ์ไม่ดีจะไม่ต่างอะไรจากอสุรกาย แม้แต่ทหารที่ผ่านศึกสงครามยังไม่กล้าเข้าไปยังโรงฝึกสังกัดขององค์ชายสามเลยสักคน ส่วนคนที่เป็นทหารสังกัดองค์ชายสามจะเป็นขุนพลที่แข็งแกร่งผิดมนุษย์ซึ่งเป็นกองกำลังที่สำคัญที่สุดหากไม่นับกองทัพของชินอ๋อง

ซึ่งกองกำลังของชินอ๋องไม่ต่างกับกองกำลังปีศาจที่ไม่ว่าใครถ้าสามารถทนอยู่ในสังกัดได้ย่อมไม่ธรรมดา กองกำลังในมือของชินอ๋องจึงถือได้ว่าเป็นกองทัพที่สู้ศึกใดชนะแทบทุกศึก เป็นที่มาของฉายาไร้พ่ายนั่นเอง

“ข้าล้อเจ้าเล่น กงกงเข้ามาใกล้ๆ ข้ามีเรื่องให้เจ้าจัดการ” กงกงลุกขึ้นยืนเข้าไปใกล้ๆ กับองค์ฮ่องเต้ ทรงกระซิบข้างหูใจความบางอย่าง กงกงพยักหน้ากล่าวเบาๆ ว่า “พ่ะย่ะค่ะ” แล้วหันไปเรียกนางกำนัลที่ถอยไปประจำตำแหน่งของตนเองกลับมายืนรับคำสั่งเบื้องหน้าอีกครั้ง

“ฮ่องเต้มีรับสั่งนับแต่นี้พระชายาจะพำนักอยู่ที่ตำหนักริมบัว ให้พวกเจ้าทั้งหลายถวายการปรนนิบัติพระชายาฟ่านเยว่ซิน พวกเจ้ารีบมาคำนับพระชายาเสีย” ฮ่องเต้ให้อุ้ยกงกงไหลตามน้ำคำนับหญิงตรงหน้าในฐานะพระชายา

“กระหม่อม/หม่อมฉัน ขอถวายบังคมพระชายา”

หลังจากอุ้ยกงกงได้เรียกให้เหล่านางกำนัลถวายความเคารพพระชายา เขาก็หันไปมองนางที่ฝ่าบาทบอกว่านางคือพระชายาฟ่านเยว่ซิน

เขามองหน้าพระชายาก็ได้แต่คิดในใจ เรื่องของพระชายาเขารู้ดีไม่แพ้ใครในราชสำนัก คนตายไปแล้วจะฟื้นคืนมาได้อย่างไร ถึงแม้จะมีข่าวลือว่ามีคนทำได้แต่คนผู้นั้นต้องเป็นคนที่ฝึกฝนวิทยายุทธอย่างหนักหรือปรานขั้นเซียน

เรื่องนี้ยังต้องหาทางพิสูจน์ แต่เขาไม่กล้าที่จะขัดใจฮ่องเต้ด้วยรู้ดีว่าน้ำหนักในใจของฝ่าบาท พระชายาฟ่านเยว่ซินมีค่ามากน้อยเพียงใด แต่ทรงลืมไปหรือไม่ นั่นภรรยาของชินอ๋องน้องชายพระองค์ จะทรงแย่งมาได้อย่างไร ชินอ๋องเป็นคนเช่นไร มีหวังวังหลวงได้ลุกเป็นไฟ

“พระชายา กระหม่อมอุ้ยกงกง ทรงจำกระหม่อมได้หรือไม่ หากทรงมีอะไรขาดเหลือหรือประชวรตรงไหนก็ให้คนมาแจ้งแก่กระหม่อมได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” กงกงโค้งทำความเคารพและพูดกับพระชายาฟ่านเยว่ซิน

ฟ่านเยว่ซินทำเพียงก้มหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ แต่ก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากเสวนาอะไรกับผู้ใด

“เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าไม่กวน แล้วข้าจะมาเยี่ยมเจ้าใหม่” ฮ่องเต้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

ฟ่านเยว่ซินนำมือประสานไว้ที่ด้านข้างเอวแล้วย่อตัวเล็กน้อยเพียงเล็กน้อยโดยไม่ยอมเงยขึ้นสบตาคมที่จ้องมองมา ฮ่องเต้ทำได้เพียงถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกไปขนาบด้วยกงกงตามไปพร้อมกัน

ฮ่องเต้ที่เดินออกมาจากตำหนักริมบัวได้สักพักก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยุดเดินจ้องมองไปยังฟ้ากว้างแล้วกล่าวกับกงกงที่เดินตามอยู่ด้านหลังเงียบๆ

“กงกง เจ้าว่าข้าควรแจ้งเรื่องนี้แก่ชินอ๋องดีหรือไม่”

“ตามหน้าที่แล้วก็ควรให้ชินอ๋องรับทราบ แต่ควรไม่ควรขึ้นล้วนอยู่กับพระองค์” กงกงกล่าวเสริมต่อว่า “พระชายาฟ่านเยว่ซินตามหลักที่ถูกต้อง ชินอ๋องคือผู้มีสิทธิ์ในความเป็นสามีภรรยาตามกฎมณเฑียรบาลซึ่งฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้มีหน้าที่เคารพกฎหมาย แต่การกลับมาของพระชายาครั้งนี้ ยังมีเรื่องน่าสงสัยให้พิสูจน์มากมาย เฉกเช่นว่านางเป็นพระชายาจริงแน่อย่างที่เราเห็นหรือไม่ แล้วถ้าไม่คราวนี้ชินอ๋องเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวนางเช่นกัน ฝ่าบาทจะทรงคิดทำเช่นไรกับนางต่อก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” อุ้ยกงกงเน้นคำที่ว่าจะทรงทำเช่นไรเป็นเชิงบอกใบ้ราวกับชี้โพรงให้กระรอก ฮ่องเต้ได้แต่เก็บไปคิดอย่างชั่งใจ ไม่ใช่เกรงกลัวอนุชาแต่พระองค์ไม่อาจกระทำการใดที่ไม่ยุติธรรมไปมากกว่าที่เคยทำมา

อีกด้านนึง ฟ่านเยว่ซินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นตั้งแต่ฮ่องเต้กลับไป ไม่รู้ว่าการพานางมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร นางต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง จะอยู่เฉยๆ ให้ถูกเชือดเหมือนหมูตัวนึง คงไม่มีทาง นางไม่สามารถไว้ใจใครได้นิกจากตนเอง คนใกล้ตัวสุดท้ายมักร้ายที่สุด นางหมายมั่นจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยเดิม

แต่ตอนนี้ร่างกายกำลังประท้วงหนักจากความเหนื่อยล้าเต็มทน ต้องพักสักหน่อยแล้วตื่นมาค่อยว่ากัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel