บทที่ 10 คัมภีร์สมใจนึก
จันทรกาลเข้าไปดูด้านในมีคนเดินสวนไปมาแค่เล็กน้อย เนื่องจากวันนี้เป็นวันทำงานและสถานที่นี้ก็อยู่ค่อนข้างไกลจากย่านใจกลางเมือง ทำให้คนไม่พลุกพล่านรวมถึงไม่ใช่วันเทศกาล ซึ่งดีมากเพราะเธอชอบสถานที่ ๆ คนไม่พลุกพล่าน
จันทรกาลที่กำลังเดินสำรวจสถาปัตยกรรมและประติมากรรมไปเรื่อย จนมาหยุดอยู่หน้าลานที่คล้ายกับลานประกอบพิธีอะไรบางอย่าง ตรงกลางลานมีแท่งยกสูงรูปทรงเหมือนขาตั้งโน้ตดนตรี มีสมุดเล่มหนึ่งวางกางอยู่บนนั้นพร้อมปากกาทรงขนนกที่นิยมมาจากหนังพ่อมดเรื่องหนึ่ง บนปกเขียนว่าคัมภีร์สมใจนึก เธอสงสัยว่าคงเป็นการตลาดของคนดูแลสถานที่เพื่อเพิ่มมนต์ขลังหลอกล่อพวกสายมูเตลู
ถึงเธอจะไม่ใช่สายมู แต่ไหน ๆ ก็มาแล้วเอามาเขียนระบายอารมณ์สักหน่อยก็ไม่เสียหาย ไม่แน่สมุดเล่มนี้อาจมีพลังจักรวาลตามทฤษฎีกฎแรงดึงดูดอยู่ก็ได้ ใครจะรู้
เธอตั้งสมาธิคิดสิ่งที่อยากเขียนพลางจรดปากกาเขียนสิ่งที่ต้องการลงไป
‘ฉันต้องการความยุติธรรม ไม่ว่าอะไรที่เคยเสียไป ต้องกลับคืนมาสู่ฉัน เอาทุกอย่างคืนมา!’ คำหลังจันทรกาลกดฝีปากกาด้วยแรงอารมณ์จนกระดาษเกือบขาด ตอนสุดท้ายเธอนึกถึงลูกชายตัวน้อยที่เคยนอนแนบอกพร้อมกับลำพึงลำพันในใจ
‘แม่คิดถึงเจ้าเหลือเกินเยว่หลง ไม่มีวันไหนที่แม่จะลืมลูกเลย ตอนนี้แม่กำลังจะแต่งงานกับคนที่เขารักแม่ คราวนี้มาเกิดเป็นลูกแม่อีกครั้งนะ ครั้งนี้แม่จะไม่ให้ใครมาทำอะไรลูกได้’
เมื่อตัวอักษรสุดท้ายถูกเขียนอย่างบรรจงลงบนหนังสือ ฉับพลันเธอรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างโอบล้อมกายเธอจนขนลุก สายลมเย็นที่เคยพัดบางเบาก็พัดโหมกระหน่ำมาทางเธอเพียงชั่วครู่ หนังสือตกลงมาจากแท่นวาง สายลมเริ่มสงบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะจันทรกาลกำลังจัดผมเผ้าตัวเองที่ยุ่งเหยิงเพราะลมพัดให้กลับเข้าที่แล้วหยิบสมุดที่ตกพื้นขึ้นมาถือไว้ เธอได้ยินเสียง ๆ หนึ่ง ทีแรกเธอได้ยินไม่ชัดนัก พอตั้งใจเงี่ยหูฟังดี ๆ ก็ได้ยินอย่างชัดเจน เสียงที่ต่อให้ผ่านไปอีกสิบปีหรือสิบชาติก็ไม่คิดจะลืม เสียงร้องไห้ที่ทุกครั้งที่เธอได้ยินจะต้องรีบวิ่งไปอุ้มเข้ามาแนบอก เสียงที่เคยช่วยปลอบประโลมกลบให้เธอหายจากความทุกข์เศร้า
เสียงของ..เยว่หลง!
“เยว่หลง”
เธอเดินตามเสียงนั้นไปโดยลืมวางสมุดลงที่เดิมแล้วเดินตามไปทางต้นเสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่รู้ตัวว่าเดินเข้ามาด้านในวิหารลึกมากแค่ไหนจนมาหยุดที่บานประตูบานคู่สีแดงสด เสียงก็พลันเงียบหายไป ทำให้เธอได้สติมองรอบตัวกอดอกก็เห็นสมุดที่เธอเผลอหยิบติดมือมา เดี๋ยวต้องเอากลับไปวางที่เดิม แล้วก็นึกขึ้นได้อีกว่าปล่อยโรเบิร์ตหลับที่ศาลา ไม่รู้ป่านนี้ตื่นรึยัง จะตกใจไหมที่ตื่นมาไม่เจอเธอ จึงหมุนตัวกำลังเดินออกแล้วทำท่าจะเดินจากไป ก็ได้ยินเสียงอีกครั้งจึงหันกลับไปมองที่ประตู
คราวนี้เป็นเสียงเด็กหัวเราะคิกคักสนุกสนานสลับกับร้องไห้โยเย จันทรกาลตัดสินใจรีบหันกลับไปเปิดประตูบานนั้นแล้วก้าวขาเข้าไปอย่างไม่รีรอพร้อมสมุดที่ถืออยู่ในมือ
พอเธอเข้ามาไปยังอีกฝั่งด้านในกลับกลายเป็นไม่ใช่ห้องแต่เป็นที่โล่งกว้าง ด้านหน้ามีคนนั่งกันอยู่เรียงรายเหมือนกำลังรับชมอะไรสักอย่างอยู่ มองไปด้านข้างมีบรรดาสาวสวยในชุดฮั่นฝูยืนเรียงราย เหมือนหยุดชะงักด้วยเหตุผลบางประการและด้านหลังมีสาวชุดแดงยืนตะลึงจ้องมองมายังเธอ
แคว้นชิงหลงชื่อ
เสียงดนตรีบรรเลงได้หยุดลง ทุกสายตาจ้องมายังสาวสวยที่เพิ่งโผล่มาจากประตู เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูแปลกตา ใส่กางเกงขายาวแนบตัวทำให้เห็นสัดส่วนช่างประหลาดไม่มีใครในแคว้นชิงหลงชื่อกล้าใส่แบบนี้ออกจากบ้าน แล้วเสื้อของนางตรงหัวไหล่นั่นขาดหรืออย่างไร หรือมีเศษผ้าไม่เพียงพอต่อการใช้สอย หัวไหล่ข้างหนึ่งถึงมีเพียงผ้าคาดบาง ๆ เส้นเดียวแล้วต่อกับแขนเสื้อยาวลงมา
สิ่งที่ทำให้ผู้คนต่างตกใจจนไม่มีใครกล้าขยับ ไม่ใช่เครื่องแต่งกายบนตัวนาง แต่เป็นใบหน้าที่ไม่มีใครในราชสำนักไม่รู้จัก
บุคคลที่เคยเป็นเหตุของหายนะเมื่อห้าปีก่อน…
พระชายาฟ่านเยว่ซิน!
จันทรกาลยังคงประมวลผลอะไรไม่ได้ เธอเลยต้องค่อย ๆ ไล่ทบทวนเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันหายตกใจ ก็รู้สึกหัวใจแล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะพอมองไปยังตรงกลางที่มีบัลลังค์ทองตั้งอยู่คู่กันนั่น เสด็จพี่เฉิงหวงหลงและฮองเฮา ด้านหลังคือหยุนซี
ที่ด้านข้างฝั่งซ้ายเรียงไปยัง องค์ชายเฉิงต้าหลง องค์ชายเฉิงเหวินหลง องค์ชายต้าหยาง แม้แต่คนตระกูลฟ่านก็มากันหมด ในช่วงขณะที่จันทรกาลยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดและกำลังสบตากับคนในตระกูลฟ่านอยู่นั้น ก็มีชายแก่คนหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนเวทีชี้ไปยังตัวจันทรกาล แต่สาวเจ้ากลับไม่รู้สึกตัวเลย
“เจ้า! เจ้าเป็นใคร?! สำนักโรงละครไหนส่งเจ้ามาทำลายการแสดงของข้า ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ทราบเรื่องนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
จันทรกาลยังคงยืนนิ่งไม่ตอบคำถามใด ๆ เพราะหญิงสาวไม่ได้ยินอะไรเลย สายตามองสอดส่องไล่เลียงคนที่นั่งอยู่ แต่กลับไม่เห็นใครบางคนที่มักทำสีหน้าเฉยชากับทุกสรรพสิ่งว่าเขาจะตกใจไหมที่เห็นเธอ
แน่นอนเธอจำได้และรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ถึงแวบแรกเธอจะตกใจเพราะมันกะทันหันเกินไปจนเผลอคิดว่าตัวเองฝันกลางวันอยู่รึเปล่า แต่ยิ่งสัมผัสด้วยประสาททั้งห้าก็ยิ่งแน่ใจว่านี่คือความจริง
เธอคือคนที่เกิดมาแล้วมีความจำของตัวเองในอดีตชาติแบบสมบูรณ์ที่ไม่ผ่านการตัดต่อหรือค่อย ๆ นึกออก แต่เธอจำได้ทั้งหมด อะไรที่ฟ่านเยว่ซินรู้ เธอก็ย่อมรู้
ยามนี้ผู้คนต่างจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว คงตกใจที่เห็นใบหน้าของคนที่ควรนอนอยู่ในหลุม มายืนเด่นหรากลางลานพิธีในวันบวงสรวงเทพแบบนี้ หรือจะเป็นลิขิตของทวยเทพ
“ทหาร!มีคนร้าย ถวายอารักขาเร็ว ถวายอารักขา ถวายอารักขา”
จันทรกาลสะดุ้งหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อได้ยินใต้เท้าคนหนึ่งตะโกนเรียกทหาร
สิ่งที่เธอต้องทำเวลานี้คือ วิ่ง วิ่งให้สุดชีวิตพร้อมกับรองเท้าส้นเข็มที่อยากจะถอดแล้วปาทิ้งเหลือเกิน บางครั้งความสวยก็เป็นอุปสรรค
เธอผลุบวิ่งลงไปข้างเวทีแล้วสับขาหนีอย่างไม่คิดชีวิต ยังไม่ทันตั้งสติได้ก็ต้องสวมวิญญาณ คริส แพรตต์ในเรื่อง Jurassic World หนีมันก่อนค่อยว่ากัน
สาวน้อยที่ยังพอจำทางในวังได้อยู่บ้าง วิ่งหมายตรงไปยังสวนหลังตำหนักที่ที่เคยชอบเล่นซ่อนหากับพวกพี่ชายและเหล่าองค์ชายตอนยังเป็นเด็ก เพื่อต้องการหาที่ซ่อนเนื่องจากเริ่มหมดแรงและเจ็บเท้า
รองเท้าถูกเธอถอดเพื่อปาใส่ทหารไปจนเหลือแต่เท้าเปล่าตั้งแต่วิ่งลงจากเวทีแล้ว ถ้าไม่ถอดทิ้งมีหวังถูกจับคารองเท้าคู่โปรดเธอแน่นอน นึกแล้วก็เสียดาย รองเท้านั่นกว่าเธอจะประมูลได้ ประมูลแข่งแทบลากเลือด แถมประมูลมาด้วยราคาสูงลิ่วด้วย
เสียดายยย
พอเห็นว่าไม่มีใครตามทัน เพราะวิ่งเข้านู่นออกนี่อย่างคนเจนสถานที่ จันทรกาลมุดหลบไปซ่อนอยู่ในโพรงขนาดเล็ก ที่เธอไปเจอและสร้างไว้ เมื่อตอนเป็นเด็กโดยการเอาใบไม้อ่อนมาถักเป็นม่านปิดตรงทางเข้าให้คนมองเข้าไปไม่เห็น ในตอนนี้โพรงขนาดเล็กยังคงอยู่สภาพเดิม เธอเห็นพวกทหารวิ่งใกล้เข้ามาแต่ก็ผ่านไปเพราะไม่เห็นช่องลับนี้
คงพอได้พักหายใจหายคอ เธอหอบหายใจพยายามสูดออกซิเจนเข้าปอดให้ได้มากที่สุดและได้แต่คิด
‘เกิดมาเป็นอีซินต้องลำบากอะไรขนาดนี้ ใครมันพาเธอกลับมากัน เธอไม่เคยอยากกลับที่นี่สักหน่อย!’
อีกมิตินึง (Another Dimension)
ชายหนุ่มที่กำลังพิงเสาหลับอยู่ค่อย ๆ รู้สึกตัว เปลือกตาค่อย ๆ เผยอเพื่อปรับโฟกัส ก่อนจะลุกขึ้นนั่งตัวตรง มือนวดคลึงหลังคอเพื่อลดอาการเกร็งของคอ
เขาหันซ้ายทีขวาทีก็ไม่เห็นคู่หมั้นสาวจึงเดินออกไปตามหาสักพัก เดินจนทั่วแล้วก็หาไม่เจอ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น พยายามโทรเข้ามือถือแต่เครื่องเหมือนถูกปิดอยู่ติดต่อไม่ได้
‘คุณหายไปไหนซิน’
ถึงเวลาปิดทำการแล้วแต่เขาก็ยังหาตัวจันทรการไม่เจอ พอลงไปด้านล่าง เขาก็รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหา ผ่านไปเกือบทั้งคืนโรเบิร์ตยังไม่ได้ข่าวหรือมีใครติดต่อกลับ เขาเป็นกังวลมากเลยรีบติดต่อหาไมกี้แล้วเล่าเรื่องการหายตัวไปของจันทรกาลให้ฟัง ไมกี้ตกใจมากและรีบจัดการจองตั๋วเพื่อบินไปช่วยตามหาเพื่อนสาวอีกแรง
โรเบิร์ตสภาพเหมือนคนสติหลุด เขาแทบไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อวานจนถึงก่อนหน้านี้เขายังมีความสุขที่สุดในชีวิตอยู่เลยแล้วทำไม ทำไมกัน!?
‘ซิน คุณอยู่ไหน กลับมาเถอะผมยอมคุณทุกอย่างแล้ว’