บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 จำใส่สมองว่าคนงามคือบุรุษ!

สวรรค์ไม่ยุติธรรม สวรรค์ไม่ยุติธรรม!

หลายวันมานี้ ฉิงอี๋พ่นคำนั้นซ้ำไปซ้ำมา บางครั้งจะนอนเอกเขนกใต้ร่มไม้ ไม่สนใจสายตาผู้อื่น และยิ่งไม่สนว่าตนพึมพำคำนั้นกี่ครั้งแล้ว

“สวรรค์ไม่ยุติธรรม!” หนนี้ ฉิงอี๋ตะโกนสุดเสียง

“อะไรไม่ยุติธรรมหรือ” มู่กวนเฮยไป๋เดินเข้ามาถามน้องสาว

บอกตามตรง ฉิงอี๋เดินทางท่องยุทธภพครั้งหนึ่งก็หลายปีกว่าจะกลับบ้านสักครั้ง นางสมควรร่าเริง มิใช่ทำหน้าเหมือนคนท้องผูก เห็นแล้วไม่สบายท้องเอาเสียเลย

ฉิงอี๋ทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่ง มองพี่ชายอย่างขอความช่วยเหลือ

“พี่ใหญ่ ข้าถูกคนงามเกลียดเสียแล้ว”

“เจ้าหมายถึงหลันเซิน?” เฮยไป๋เอ่ยชื่อนั้นแทบไม่ต้องหยุดคิด หลายปีมานี้ ฉิงอี๋พูดถึงคนงามหลันเซินมาตลอด ดังนั้นคนงามสำหรับฉิงอี๋จึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนผู้นั้น

“ใช่แล้ว คนงามตระกูลหลันผู้นั้นนั่นแหละ”

“แล้วเขาทำอะไรให้เจ้ากลุ้มใจหรือ เป็นความงามของคนผู้นั้นอีกแล้ว?”

เฮยไป๋พอเข้าใจอยู่บ้าง ฉิงอี๋มักตัดพ้อว่าเหตุใดตนถึงไม่มีความเป็นอิสตรีเยี่ยงผู้อื่น แต่ถึงอย่างนั้น น้องสาวของเขาก็ไม่ใช่คนช่างริษยา เมื่อตัดพ้อ แต่นางก็จะกลับมาร่าเริงเป็นปกติ ทว่าครั้งนี้ ฉิงอี๋กลับหงอยซึมจนผิดสังเกต นั่นทำให้พี่ชายอย่างเขารู้สึกเป็นกังวล

“คราวนี้ไม่ใช่ความงามของหลันเซิน แต่เพราะข้าไม่อยากยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชาย อีกอย่างหนึ่ง ข้าปกป้องดูแลเขามาตั้งนาน แต่กลับทำให้เขาเกลียดข้าไปเสียได้ พี่ใหญ่ ข้าทำอะไรผิดกันแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ” ฉิงอี๋บ่นอย่างตัดพ้อ

“สรุปแล้ว ที่เจ้านั่งซึมอยู่นี่เพราะเรื่องที่รู้ว่าเขาเป็นบุรุษหรือว่าเรื่องที่เขาเกลียดเจ้า?” เฮยไป๋ทวนคำถาม

“ทั้งสองอย่าง” ฉิงอี๋ตอบ

ได้ยินแบบนี้ เฮยไป๋ก็เข้าใจแล้ว และยังอดถามอย่างขำๆ ไม่ได้

“การที่เจ้ากลัดกลุ้มเรื่องของหลันเซิน ไม่ใช่ว่าเจ้าถูกตาต้องใจเขาให้แล้วหรอกหรือ”

ฉิงอี๋ขึงตาใส่พี่ชาย

เฮยไป๋รู้มาตลอดว่าฉิงอี๋ชอบมองสตรีที่งดงามกว่าตน แต่อีกฝ่ายไม่รู้หรอกว่า ทุกครั้งที่นางมองสตรีแสนงดงามที่เหมือนนกขมิ้นเหล่านั้น นางจะมานั่งทอดถอนใจและตัดพ้อต่อว่าสวรรค์ แต่เพียงไม่นานก็จะลืมเลือนเรื่องที่ตนตัดพ้อไป เปลี่ยนเป็นกล่าวชมความงามทั้งหลายบนโลกหล้าแทน มีก็แต่เพียงเรื่องของหลันเซินคนนั้น ที่ทำให้น้องสาวของเขาอยู่ไม่เป็นสุข พูดเพ้อถึงใบหน้างดงามทั้งวี่ทั้งวัน

นี่ถ้าหากว่าฉิงอี๋รู้ความหมายที่ตนทำเพื่อหลันเซิน ก็ไม่รู้ว่านางจะแต่งหลันเซินเข้ามาเป็นสะใภ้ หรือส่งตัวเองไปเป็นเขยบ้านตระกูลหลันกันแน่!

“ฉิงอี๋ เจ้าตามตอแยหลันเซินทุกครั้งที่มีโอกาส ก็สมควรอยู่หรอกที่เขาจะโกรธเจ้า” พูดไปแล้ว เฮยไป๋ก็ถอนหายใจยาว “เฮ้อ...ก่อนนั้น ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย แต่เจ้าไม่ยอมรับความจริงในเรื่องนั้นเอง”

“ข้าผิดไปแล้ว พี่ใหญ่”

“แล้วนี่หลันเซินทำอย่างไร เจ้าถึงเชื่อว่าเขาเป็นบุรุษ คงไม่ใช่ว่า...เขาเปิดเผยบางสิ่งที่เจ้าปฏิเสธไม่ได้ให้ดูหรอกใช่ไหม!”

เฮยไป๋ถามอย่างตระหนก แต่ไหนแต่ไร เขากับน้องสาวพูดกันได้ทุกเรื่อง นับประสาอะไรกับเรื่องใต้สะดือ แต่ว่า หากหลันเซินอยากให้ฉิงอี๋เชื่อว่าตนเป็นบุรุษถึงขนาดเผยส่วนลับให้ดู เขาก็ไม่มีทางอภัยให้หลันเซินเช่นกัน

“ใช่ซะที่ไหน” นางรีบแย้ง “เขาให้ข้าจับลูกกระเดือก...ไม่เอาแล้ว! ข้าไม่อยากยอมรับเลย ลูกกระเดือกอะไร นั่นอาจเป็นน้ำที่เขาอมไว้แล้วหลอกข้าก็ได้”

เฮยไป๋ถอนหายใจโล่งอก โชคดีที่หลันเซินยังไม่บ้าบิ่นขนาดอวดของลับให้ฉิงอี๋ดู เพราะถ้าเป็นเขา เขาก็คงทำเช่นนั้น...

“ฉิงอี๋ เจ้าไม่คิดหรือว่าหลันเซินเป็นบุรุษย่อมดีกว่า”

“เพราะอะไรข้าต้องคิดดีด้วยเล่า” ฉิงอี๋ถามกลับด้วยสีหน้าฉงน

“ที่ผ่านมา เจ้ามักจะชมชอบสตรีที่มีใบหน้างดงาม กิริยาอ่อนช้อย แต่อย่าลืมนะว่าเจ้าเองก็เป็นสตรี ต่อให้ชมชอบพวกนางมากแค่ไหน อย่างไรเจ้าก็ไม่อาจสานต่อความสัมพันธ์ ขืนเป็นแบบนั้น ท่านพ่อคงได้แต่นั่งเสียใจภายหลัง และเอาแต่โทษตัวเองที่สั่งสอนเจ้าออกมาเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเป็นหลันเซิน เขาซึ่งเป็นบุรุษ ซ้ำยังงดงามยิ่งกว่าสตรี เจ้ายังสามารถครอบครองเขาได้อย่างถูกต้องไม่ใช่หรือ นั่นไม่ผิดต่อบรรพชนด้วย” เฮยไป๋อธิบาย ทั้งยังให้เหตุผล

แม้จะเป็นคำแนะนำอย่างคนหวังดี แต่เฮยไป๋ใช้คำพูดผิดไปนิดหน่อย เพราะแทนที่จะบอกว่าฉิงอี๋สามารถ ‘ครอบครอง’ หลันเซิน ต้องบอกว่าฉิงอี๋สามารถ ‘ครองคู่’ หลันเซินนั่นจะถูกต้องกว่า

ฉิงอี๋เหลือบตามองพี่ชายด้วยสายตามากความคิด

เดิมที ฉิงอี๋โง่งมเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หากไม่ถูกผู้อื่นกระตุ้นหรือชี้นำทาง นางไม่มีทางคิดได้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร

หลังจากทบทวนคำพูดของพี่ชายซ้ำไปซ้ำมา ที่สุดแล้ว ฉิงอี๋ก็สรุปได้

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะไม่กลัดกลุ้มเรื่องที่หลันเซินโกรธข้า หรือเรื่องที่เขาเป็นบุรุษ”

“คิดเช่นนั้นได้ก็ดี”

“ว่าแต่ แล้วข้าควรทำอย่างไร หลันเซินถึงจะยอมรับข้า” ฉิงอี๋ตั้งคำถาม แต่ไม่รอคำตอบจากเฮยไป๋ นางก็มีสีหน้าว่านึกอะไรออก “อ่า...ก่อนอื่น ข้าต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าเขาคือบุรุษ”

“ดี!” เฮยไป๋เห็นน้องสาวกลับมามีชีวิตชีวา เขาเองก็ดีใจ จึงชี้แนะไปอีกว่า “เริ่มแรก เจ้าต้องกำจัดมดแมลงทั้งหลายที่อยู่รอบตัวหลันเซิน แล้วชิงหัวใจคนงามมาครองให้ได้”

เฮยไป๋อยากเห็นฉิงอี๋มีความสุข ทว่า น้องสาวของเขาโง่เขลาเรื่องความรักยิ่งนัก เขาจึงชี้นำทางให้นางนิดๆ หน่อยๆ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับนางแล้ว

ถึงเฮยไป๋จะบอกว่าน้องสาวของตนโง่เขลาในเรื่องรัก ตัวเขาก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่ากัน

ส่วนเรื่องกำจัดมดแมลงพวกนั้น เฮยไป๋หมายถึงสตรีและบุรุษคนอื่นในเมืองเฮยหนิงที่หมายตาในตัวหลันเซินเช่นเดียวกับฉิงอี๋

พูดไปแล้ว ชีวิตของหลันเซินก็ไม่ได้สงบสุขมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่หลันเซินเข้าสู่วัยเด็กหนุ่ม ก็ถูกผู้ชายด้วยกันเกี้ยวพาราสี บางคนส่งของกำนัลมาให้ถึงบ้าน หลายคนคิดเป็นตุเป็นตะว่าหลันเซินคือบุตรสาวคนเดียวของตระกูลหลัน ด้วยเพราะตระกูลหลันขาดผู้สืบทอดกิจการอันยิ่งใหญ่ไม่ได้ จึงจำต้องสอนให้บุตรสาวหันมาสวมใส่กางเกง หาใช่กระโปรง และเลี้ยงดูเยี่ยงบุรุษ

นับว่าชีวิตของหลันเซินวุ่นวายมาก กระทั่งวันหนึ่ง ฉิงอี๋ออกหน้าปกป้องหลันเซิน ความสงบสุขของเขาจึงกลับมาครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือกลับต้องปวดหัวเพราะเจ้าเด็กโง่ฉิงอี๋แทน เนื่องจากนางเอาแต่ตามก้นฝ่ายนั้นต้อยๆ ซ้ำยังคอยเรียก ‘พี่สาวคนงามอย่างนั้น’ ‘พี่สาวคนงามอย่างนี้’ แม้เฮยไป๋จะบอกหลายครั้งหลายคราว่าหลันเซินคือผู้ชายก็ตาม ทว่า ฉิงอี๋ก็ไม่ยอมเชื่อ เถียงกลับว่าบุรุษที่ไหนจะงดงามขนาดนี้

แต่ดูเอาเถิด หนนี้เหมือนว่าฉิงอี๋จะเชื่อแล้วว่าหลันเซินคือบุรุษ ไม่ใช่สตรี!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel