บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 - นับจากนี้ชีวิตเธอจะเจอแต่ความทุกข์ (1)

ประมวลมองไปยังลูกชายคนเดียวของเจ้าสัว วทันยูได้ยืนหน้าเครียดขรึมหน้าห้องไอซียูตั้งแต่มา แล้วก็ยกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก เมื่อได้เห็นความห่วงใยที่วทันยูมีต่อนายของตัวเอง แม้ว่าการแสดงออกที่ผ่านมา อีกฝ่ายจะดูไม่เหลียวแล ไม่สนใจ แต่ตอนนี้กลับเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของชายหนุ่มนั้นเป็นกังวลมากแค่ไหน

“คุณยูมานั่งก่อนไหมครับ เดี๋ยวเจ้าสัวก็ไม่เป็นไรแล้วครับ ถึงมือหมอแล้ว” ประมวลเดินมาเอ่ยบอกชายหนุ่มที่หน้าห้องไอซียู

“เขาจะเป็นจะตายมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม” คนปากแข็งเอ่ยตอบกลับแล้วก็เดินจากไปทันที ส่วนประมวลก็ได้แต่ยิ้มขำในลำคอมองชายหนุ่มที่เดินจากไป ด้วยมองออกว่าวทันยูนั้นห่วงคนเป็นบิดามากแค่ไหน ไม่งั้นไม่มารอที่หน้าห้องไอซียูนานสองนานหรอก หากเขาไม่เดินมาทักมาคุยด้วยคงยืนหน้าเครียดอยู่ตรงนี้จนกว่าหมอจะเปิดประตูออกมานั่นแหละ

วทันยูกำลังจะเดินออกจากประตูไปลานจอดรถก็ต้องหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินเมื่อมองเห็นว่าใครกำลังเดินมาทางตัวเอง เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ตัวเองและกำลังจะเดินผ่านตัวเองไป เขาจึงตั้งใจเดินไปชนฝ่ายตรงข้ามทันที

อุ๊ย!

“ไม่รู้จักระวัง!” ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนตั้งใจเดินไปชนหญิงสาวแท้ๆ

“คุณวทันยู” พรปวีณ์จำน้ำเสียงห้วนแข็งกระด้างได้ดี ดีจนไม่มีวันลืมเชียวล่ะ

หึ!

เขาไม่ตอบแต่เดินผ่านสองแม่ลูกไปโดยไม่คิดจะสนใจอะไรอีก ด้านพรปวีณ์ก็ได้แต่เม้มปากแน่นมองตามชายหนุ่มที่เดินจากไปด้วยความเกลียดชังไม่แพ้กัน

“นั่นใช่ลูกของเจ้าสัวเวทิตไหมหนูวี” จำปาถามลูกสาวที่มองตามชายหนุ่มแปลกหน้าที่เดินจากไป แม้จะเพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่นางก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มเป็นลูกของเวทิต เพราะหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับอีกฝ่ายเมื่อตอนหนุ่มๆ ไม่มีผิด

“ใช่ค่ะ เขาเป็นลูกของคุณลุงเวทิต” เธอหันมาตอบแม่

“แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพ่อลูกกัน หน้าเหมือนกันราวกับแฝด สมัยหนุ่มๆ เจ้าสัวก็หน้าตาแบบเนี่ยแหละ” นางบอกลูกสาวแล้วก็ก้าวเดินไปข้างหน้า พรปวีณ์ก็รีบสาวเท้าตามแม่ตัวเองไปติดๆ และมีเรื่องอยากถามท่านเหลือเกินถึงเรื่องราวในอดีต เพราะวันนี้เธอโดนผู้ชายนิสัยเสีย ใจมืดบอดคนนั้นต่อว่ากล่าวหาไม่พอยังลามไปถึงแม่ของเธอด้วยนี่สิ อยากรู้นักว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มถามยังไงดีจึงได้แต่เก็บความสงสัยใคร่รู้ของตัวเองไว้ในใจ

ตั้งแต่เข้ามาบริหารงานของธนูทอง ตอนนี้วทันยูเหนื่อยมาก เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์กว่าที่ต้องหักโหมงานแทบไม่ได้กลับไปจันทบุรี และเขาก็เชื่อในตัวสมควรว่าจะดูแลจัดการงานที่นั่นได้ เขาจัดการงานที่นี่ให้เข้าที่เข้าทางถึงจะกลับไปอยู่ประจำที่จันทบุรี ส่วนงานที่บริษัทนี้ เขาจะให้สมควรเข้ามาบริหารงานแทนเขา เพราะเขาไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ที่นี่เป็นของเจ้าสัวเวทิต

ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!

เสียงสั่นเตือนของโทรศัพท์ที่วางข้างมือสั่นเตือนขึ้นทำให้เขาละสายตาจากเอกสารตรงหน้ามองไปยังหน้าจอที่โชว์เบอร์โทรอยู่ ถึงแม้ไม่ได้เมมชื่อแต่ก็จำได้ดีว่าเป็นเบอร์โทรของใครโทรเข้ามาหาตัวเอง จึงปล่อยทิ้งไว้ไม่สนใจปล่อยให้สั่นเตือนอยู่แบบนั้นจนมันตัดสายไปเอง แต่ก็เงียบไปไม่นานก็สั่นเตือนขึ้นอีกจนต้องถอนหายใจออกคว้าหยิบมากดรับสายพร้อมกรอกเสียงห้วนส่งไปในสาย

“มีอะไร?”

“ยู...พ่อออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ” เจ้าสัวเวทิตเอ่ยตอบส่งกลับมาทำให้มุมปากของวทันยูยกยิ้มผ่อนคลายออกมาโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอยิ้ม

“บอกเพื่อ?”

เจ้าสัวถึงกับพูดไม่ออกตอบกลับไม่ถูกเมื่อเจอประโยคกระด้างแข็งส่งกลับมาในสาย

“พะ...พ่อ...”

“เลิกแทนตัวเองว่าพ่อสักที น่ารำคาญ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้แหละ คนจะทำงาน และไม่ต้องโทรมาหาผมอีก เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วครับเจ้าสัว” เขารีบพูดแทรกแล้วก็กดตัดสายอีกฝ่ายทิ้งทันที

เมื่อกดวางสายของเจ้าสัวเวทิตแล้วก็รีบกดต่อสายไปหาฝ่ายการตลาดทันทีพร้อมสั่งให้พรปวีณ์มาหาตัวเองที่ห้องทำงาน เพราะหล่อนยังทำงานอยู่ที่นี่อยู่ ทั้งๆ ที่เขาได้ไล่เธอออกไปแล้ว แต่พรปวีณ์ก็ยังหน้าด้านหน้าทนทำงานที่นี่อยู่ งั้นก็ดี ถึงเวลาแล้วที่หล่อนและแม่ของหล่อนต้องชดใช้ความเจ็บปวดที่เขาเจอมาตลอดชีวิต ถึงเวลาแล้วที่สองแม่ลูกนั่นจะตกนรกทั้งเป็นเหมือนที่เขาประสบอยู่

เจ้าสัวเวทิตมองโทรศัพท์ในมือด้วยสายตาเศร้าสร้อย ได้แต่บอกว่าชินแล้วกับความเย็นชาของลูกชาย แต่ก็ไม่ชินอยู่ดีเมื่อเจอคำพูดตรงๆ ทั้งๆ ที่ประมวลบอกว่าวันที่เขาเข้าห้องไอซียูนั้นวทันยูแสดงความเป็นห่วงเขามากแค่ไหน หัวใจของคนเป็นพ่อมันเต้นตูมตามแทบจะทะลุออกมานอกอกเมื่อรู้ว่าวทันยูเป็นห่วงตัวเอง

“เจ้าสัว” ประมวลเอ่ยเรียกเจ้าสัวของตัวเองที่กำลังยกมือปาดเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเหี่ยวย่น

“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกประมวล ฉันน่าจะชินได้แล้วที่ตายูเป็นแบบนี้กับฉัน” แม้ปากบอกไปแบบนั้น แต่ในใจนั้นทุกข์เศร้าเหลือเกินที่จะเล่าระบายออกมาได้

“สักวัน...”

“ไม่แล้วแหละประมวล ไม่มีสักวันแล้วแหละ ฉันน่าจะรู้ตัวได้แล้วว่าตัวเองเป็นที่น่ารังเกียจสำหรับลูกชายตัวเอง” เขารีบเอ่ยแทรกโดยไม่รอให้ประมวลได้พูดจบความ

“เจ้าสัวไปพักผ่อนเถอะครับ เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลควรจะนอนพักผ่อน”

“อืม...พาฉันไปที่ห้องเถอะประมวล” จบคำของเจ้าสัว ประมวลก็เข็นรถเข็นของเจ้าสัวเวทิตไปทางห้องพักของอีกฝ่ายทันที ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุเจ้าสัวเวทิตก็ย้ายตัวเองมาพักที่ชั้นล่างเพื่อจะได้สะดวกสบายกับสุขภาพตัวเองในตอนนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel