บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 – เธอกับแม่เธอแพศยาพอกัน (2)

เจ้าสัวเวทิตที่กำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องหนังสือของตัวเองก็มีเด็กรับใช้มาบอกว่าพรปวีณ์มาขอพบตนเอง เขาจึงให้ประมวลช่วยเข็นรถเข็นพาเขาไปยังห้องรับแขกไปหาเด็กสาวที่ตัวเองเอ็นดูเหมือนลูกสาวของตัวเอง พรปวีณ์คือคนที่เขาอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ แต่จะมีทางใดที่จะบังคับวทันยูได้เล่า

“สวัสดีค่ะคุณลุงเวทิต” ทันทีที่เจ้าของบ้านเข้ามาในห้องรับแขก เธอก็ลุกขึ้นยกมือไหว้ท่านพร้อมไหว้คนติดตามท่านด้วยเช่นกัน

“นั่งลงเถอะหนูวี แล้วทำไมถึงมาหาลุงได้ล่ะ ทำไมไม่อยู่ที่บริษัท แล้วหน้าไปโดนอะไรมา” คนแก่เอ่ยเสียงเนิบนาบพร้อมกับมองเห็นรอยปื้นแดงบวมช้ำบนใบหน้าสวย

พรปวีณ์ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองข้างที่โดนวทันยูตบจนบวมช้ำแล้วเม้มปากแน่นก่อนจะพูดโกหกท่านไป ด้วยไม่อยากให้ท่านรู้ว่าตัวเองโดนลูกชายท่านตบหน้ามา

“หนูเดินไม่ระวังสะดุดรองเท้าล้มค่ะคุณลุงเวทิต” เธอยิ้มแห้งๆ ส่งให้ท่านพร้อมหลบสายตาที่สงสัยของท่าน

“แน่ใจนะว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับหนูวี” เจ้าสัวเวทิตเอ่ยถามอย่างจับพิรุธ

“แน่ใจค่ะคุณลุง อ้อ...คุณลุงคะ คุณลุงยกหุ้นที่บริษัทให้หนูสิบห้าเปอร์เซ็นต์เหรอคะ ทำไมหนูไม่เคยรู้มาก่อนเลยคะ” เธอถามเรื่องที่สงสัยตลอดทางที่ขับรถยนต์ส่วนตัวมาหาท่านที่บ้าน

“อืม! มันคือส่วนที่หนูควรจะได้ เพราะนั่นคือหุ้นของพ่อหนูวี” คนแก่เอ่ยแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อยสงสัยจึงถามต่ออีกว่า “แล้วหนูรู้ได้ยังไงว่าตัวเองมีหุ้นที่นั่น”

“คุณวทันยู ลูกชายของลุงเวทิตบอกหนูมาค่ะ และหนูก็ถูกเขาไล่ออกจากบริษัทด้วย เขาห้ามไม่ให้หนูไปทำงานที่นั่น” พรปวีณ์จึงฟ้องในท้ายประโยค

“อือ...แสดงว่าหนูวีเจอกับยูแล้ว?”

“ค่ะ หนูเจอลูกชายคุณลุงเวทิตแล้ว เขาทำไมไม่เหมือนคุณลุงคะ หนูว่าหนูจะหางานใหม่ทำค่ะ จะไม่ไปทำที่นั่นแล้ว ส่วนหุ้นที่คุณลุงยกให้หนู หนูจะคืนให้นะคะ หนูไม่ต้องการค่ะ” เธอบอกท่านพร้อมกับลูบหลังมือตัวเองข้างที่เป็นแผลจากการถูกเขาใช้เท้าบดขยี้ก่อนหน้านี้

“มือหนูไปโดนอะไรมาหนูวี” คนแก่เห็นหลังมือของเธอมีแผลถลอกบวมแดง

“ตอนหนูสะดุดล้มน่ะค่ะคุณลุง”

“อ้อ...เรื่องหุ้นไม่ได้หรอกนะหนูวี หนูคืนลุงไม่ได้หรอก ส่วนเรื่องงาน หนูก็ไปทำที่บริษัทเหมือนเดิมนั่นแหละ เดี๋ยวลุงไปคุยกับพี่ยูให้เอง” แม้จะกังวลว่าไปคุยกับลูกชายแล้วลูกชายจะยืนยันคำเดิม

“หนูขอบคุณนะคะคุณลุงเวทิต ถ้างั้นวันนี้หนูขอตัวกลับบ้านไปหาแม่จำปาก่อนนะคะ คุณลุงพักผ่อนต่อเถอะค่ะ” แล้วพรปวีณ์ก็ยกมือไหว้อีกฝ่าย

“ขับรถดีๆ นะหนูวี เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นลุงจะไปทานข้าวที่บ้านด้วยนะ เห็นวันก่อนจำปาบอกว่าเราเตรียมของมาทำให้ลุงทานด้วย แต่ลุงไปจันทบุรีเสียก่อน”

“ขอบคุณนะคะคุณลุง และจะไปโทรบอกหนูได้เลยนะคะ หนูจะได้ไปซื้อของสดรอคุณลุงค่ะ หนูไปนะคะ ลานะคะคุณลุงประมวล” แล้วเธอก็ยกมือไหว้ประมวล คนสนิทของท่านด้วย ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอันน้อยนิดของตัวเองแล้วสะพายกระเป๋าออกไปจากห้องรับแขก

เฮ้อ!

พอเด็กสาวเดินหายลับออกไปจากห้องรับแขกแล้ว เจ้าสัวเวทิตก็ถอนหายใจออกมาทันที ด้วยไม่รู้จะทำยังไงดี ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะบังคับวทันยูได้

“เจ้าสัวเป็นอะไรครับ” ประมวลเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงนายของตัวเอง

“กลุ้มเรื่องตายูน่ะสิ ฉันมีเขาเป็นลูกชายคนเดียว แต่เขาไม่ค่อยจะเต็มใจมีฉันเป็นพ่อเท่าไหร่ อย่างที่นายรู้เห็นมาตลอดหลายสิบปีนั่นแหละ”

“สักวันคุณยูจะเข้าใจเจ้าสัวแน่นอนครับ”

“แล้วมันวันไหนล่ะประมวล เนี่ยก็หลายสิบปีแล้วตั้งแต่ที่แม่ของเขาจากฉันและเขาไป” เจ้าสัวเอ่ยเสียงเศร้าเมื่อเอ่ยถึงภรรยาที่ล่วงลับไปแล้ว เขาคิดถึงสุรีย์ตลอดเวลา และนางคือคนเดียวที่ทำให้เขารัก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้เข้าใจผิดกันจนเป็นความแค้นและปมให้วทันยูจนถึงทุกวันนี้

“อย่าพูดถึงเรื่องเก่าๆ เลยครับเจ้าสัว ยังไงตอนนี้คุณยูก็เข้ามาบริหารงานที่บริษัทของเจ้าสัวแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“เฮ้อ! ฉันดีใจนะที่ยูยอมมาบริหารธุรกิจต่อจากฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองคิดผิดหรือเปล่า คนเก่าๆ ของเรา ลูกชายฉันก็ไล่ออกหมดแล้วเอาคนของเขามาแทน และหนูวีอีก หนูวีก็คงเจอฤทธิ์ของตายูแล้วแน่นอนถึงได้มาหาฉัน” แค่คิดก็นึกสงสารเด็กสาว เพราะวทันยูไม่เคยไว้หน้าใคร แม้แต่พ่ออย่างเขา วทันยูก็ไม่เคยเคารพและยำเกรงสักครั้ง

“ไปสั่งคนขับรถเอารถออกเถอะ ฉันจะไปหาตายูที่บริษัท ไปคุยเรื่องหนูวีกับตายู”

“ครับเจ้าสัว เดี๋ยวผมสั่งคนขับรถติดเครื่องรอ แล้วจะกลับมาพาเจ้าสัวไปขึ้นรถ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันบังคับรถเข็นไปเองได้ นายรอฉันที่นั่นแหละ ฉันจะให้เด็กรับใช้ไปหยิบมือถือในห้องหนังสือให้ พอได้แล้วจะตามออกไปเอง” เจ้าสัวเอ่ยสั่งความคนสนิท และประมวลก็พยักหน้ารับคำเมื่อมันคือคำสั่งที่ต้องทำ

วทันยูมองบิดาผู้ให้กำเนิดตัวเองที่นั่งบนรถเข็นแล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยรู้ดีว่าเขามาที่นี่ทำไม เด็กนั่นคงไปฟ้องจริงสินะถึงได้ถ่อสังขารพิการมาถึงนี่ได้ในเวลานี้ ชายหนุ่มไม่คิดจะยกมือไหว้เขาเหมือนทุกครั้ง เขายังคงนั่งที่เก้าอี้ทำงานที่เดิม ไม่นึกสนใจผู้มาใหม่ที่มีผู้ติดตามมาด้วยเหมือนทุกครั้ง

“ยูคุยกับพ่อก่อนได้ไหม” เจ้าสัวเวทิตเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบพร้อมหันมาสั่งประมวลด้วยสายตาให้ออกไปรอตัวเองข้างนอก เพราะอยากคุยกับลูกชายเพียงลำพัง

“เด็กนั่นคงไปฟ้องสินะถึงได้มา แล้วทำไม ก็ในเมื่อผมเป็นผู้บริหาร ผมมีสิทธิ์จะไล่เธอออก และหุ้นที่เธอได้ไป ผมก็จะยึดคืนมาให้หมด”

เขาวางปากกาที่จับในมือกระแทกกับหน้ากระดาษที่เปิดทิ้งไว้แล้วเงยหน้ามามองคนที่นั่งบนรถเข็นตรงข้ามโต๊ะทานตัวเองด้วยสีหน้าเคืองแค้นไม่พอใจอีกฝ่าย ยิ่งเห็นหน้าของบิดายิ่งทำให้นึกถึงมารดาที่จากไป เขากำมือตัวเองเข้าหากันเพื่อข่มอารมณ์โกรธของตัวเอง

“น้องไม่ได้ฟ้องพ่อหรอกยู”

“ปกป้องกันเหลือเกิน หรือว่าหล่อนเป็นลูกสาวของคุณที่เกิดกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่”

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นยู พ่อมียูเป็นลูกคนเดียว”

“เลิกแทนตัวเองว่าพ่อกับผมสักทีเถอะเจ้าสัว ผมจะอ้วก อีกอย่างพ่อผมได้ตายไปนานแล้ว ผมไม่มีพ่อ! ตุ้บ!” เขาตะโกนตอบสวนกลับทันควันพร้อมทุบมือกับโต๊ะทำงานหนึ่งทีด้วยความโมโหจัด

“ทำไมยู อะไรทำให้ยูเกลียดพ่อมากขนาดนี้ และอะไรทำให้เราเป็นแบบนี้มายี่สิบกว่าปียู และเรื่องระหว่างเราไม่เกี่ยวกับหนูวี ลูกอย่าดึงคนนอกเข้ามาเกี่ยว”

“หึ! ปกป้องกันเหลือเกิน คุณรู้ไหมก่อนแม่จะตายแม่ถามหาคุณจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แต่เจ้าสัวก็ไม่ได้มาหาแม่ในวันนั้น เพราะออกไปกับผู้หญิงแพศยาคนนั้น”

“พ่อขอโทษ แต่ถ้าพ่อไม่ออกไปกับจำปาตอนนั้น เธอและลูกก็...”

“เลิกแก้ตัวสักทีเถอะ ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวของผู้ชายสารเลวอย่างคุณ คุณมันก็แค่ผู้ชายไม่รู้จักพอ และถ้าจะมาหาผมเพื่อพูดเรื่องหุ้นและเรื่องไล่ยัยเด็กนั่นออกก็เชิญกลับไป เพราะบริษัทนี้มันเป็นของผมแล้วไม่ใช่ของเจ้าสัวเวทิตอีกต่อไปแล้ว หรือคุณจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองยกมันให้ผมแล้วครับ” แม้แต่หน้าก็ไม่อยากเจอ เกลียดคนที่นั่งบนรถเข็นนัก หากว่าคนคนนี้ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด เขาคงได้ฆ่าอีกฝ่ายตาย ไม่ก็ลุกขึ้นไปอัดหน้าของอีกฝ่ายให้หายเคืองแค้นแล้วแน่นอน แต่ก็ได้แต่กัดฟันแน่นข่มความคิดของตัวเองไว้ในใจ

“หรือถ้าอยากกลับมาก็เอาของคุณคืนไป ผมจะโอนทุกอย่างให้คุณเหมือนเดิมและผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก และคุณก็ไม่ต้องไปเหยียบที่ไร่พรอุษาของผมอีกเช่นกัน เราสองคนได้ตายจากกันแล้วเจ้าสัว เราต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ผ่านมาเจอกันเท่านั้น สำหรับผมแล้วคุณไม่ได้มีค่าสำคัญอะไรให้ผมแคร์และเชื่อฟัง ฉะนั้นอย่าคิดว่าตัวเองให้ชีวิตผมแล้วผมจะเชื่อฟังคุณ ที่ผ่านมาผมโตมากับนมอิ่มไม่ได้โตมากับคุณ นามสกุลที่ผมใช้ก็นามสกุลพรอุษาไม่ใช่ธนูทองของคุณ” เขาบอกให้อีกฝ่ายจำขึ้นใจว่าตัวเองและเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันนอกจากสายเลือด ส่วนความเป็นบิดาและบุตรนั้น เขาไม่เคยยอมรับมันมาตั้งนานแล้ว

“ยู...” เจ้าสัวเวทิตได้แต่เรียกชื่อของคนตรงหน้าพร้อมยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองเมื่อเริ่มหายใจติดขัด

“อย่ามาเล่นละครที่นี่ ถ้าจะตายก็ไปตายที่อื่น”

วทันยูเห็นอีกฝ่ายเริ่มหน้าซีดและสีหน้าไม่ดี แถมยังกุมหน้าอกคล้ายจะช็อกจึงรีบลุกขึ้นวิ่งมาหาอีกฝ่ายทันที แม้อยากจะปล่อยทิ้งไม่เหลียวแลอย่างที่พูด แต่เขาก็ทำไม่ได้ เพราะยังไงเสียคนคนนี้ก็ทำให้ตัวเขาได้เกิดมาบนโลกต่ำทรามใบนี้

“ชะ...ช่วยพ่อด้วยยู อ่ะ...พ่อ อ่า...อึก” แล้วสติของเจ้าสัวเวทิตก็ดับวูบไปทันที

“อย่ามาตายต่อหน้าผมเจ้าสัว! เจ้าสัว! เจ้าสัวเวทิต!” วทันยูเขย่าเรียกสติของคนที่เพิ่งจะหมดสติไปให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับตะโกนร้องเรียกคนของเขาให้เรียกรถพยาบาลด่วน เพราะตอนนี้เจ้าสัวเวทิตได้ช็อกหมดสติไปแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel