บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 – เธอกับแม่เธอแพศยาพอกัน (1)

วันแรกที่ก้าวเท้ามาเหยียบอาณาจักรของเจ้าสัวเวทิต วทันยูก็จัดการเปลี่ยนย้ายทีมผู้บริหารจัดการแต่ละแผนกทันที โดยได้นำคนของตัวเองเข้ามาควบคุม ไม่สนใจว่าคนเก่าคนแก่จะไม่พอใจ เพราะนี่มันคือสิทธิ์ของเขา และเจ้าสัวเวทิตก็ไม่มีสิทธิ์เสียงอีกต่อไป เมื่อตอนนี้เขาคือผู้บริหารและหุ้นส่วนทั้งหมดก็เป็นของเขา

“ใครไม่พอใจก็ไล่ออกไปสมควร” เขาบอกสมควรที่เดินนำเอกสารสำคัญเข้ามาให้เขาในห้องทำงาน วันแรกที่เขาเข้ามาต่างได้ยินเสียงคนพูดถึงเขาด้วยความหวาดเกรง นั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการ

“เรียบร้อยแล้วไอ้ยู ใครไม่พอใจกูจัดการไล่ออกไปเรียบร้อยและคนเก่าๆ ของเจ้าสัวเวทิต กูก็จัดการให้ออกไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานที่บ้านแล้ว”

“หึหึ...ค่อยรื่นหูหน่อย จำไว้เวลาอยู่ด้วยกันไม่ต้องเรียกกูดีนักไอ้สมควร งานทางนี้กูจะจัดการเอง มึงกลับไปดูแลงานที่จันทบุรีเถอะ ทางนั้นก็ยุ่งไม่น้อย”

“แล้วใครจะอยู่ช่วยมึงที่นี่ล่ะ” สมควรถามอย่างไม่เข้าใจ ปกติเขาและวทันยูทำงานด้วยกันมาตลอด

“กูได้เลือกคนช่วยงานไว้แล้ว มึงกลับไปเถอะ กูจะอ่านเอกสารพวกนี้สักหน่อย”

“มึงไม่ได้คิดจะทำอะไรใช่ไหมไอ้ยู”

“มึงเนี่ยนะสมควร รู้จักกูดีทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอก กูไม่ฆ่าใครหรอก เพราะกูไม่อยากติดคุก”

“แน่ใจนะ”

“อือ...ไปเถอะ อ้อ...ก่อนจะไปมึงไปตามพรปวีณ์มาพบกูด้วยล่ะ เด็กนั่นมีหุ้นส่วนที่นี่ตั้งสิบห้าเปอร์เซ็นต์...หึหึ ถ้ากูไม่เข้ามาบริหารอีกหน่อยคงเป็นหุ้นส่วนใหญ่สินะ เจ้าสัวเวทิตหลงสองแม่ลูกนั่นจะตายไป”

“อย่ารังแกเด็กมันมากนักล่ะ สงสารว่ะ”

“สู่รู้ ไปจัดการตามหล่อนมาได้แล้ว และมึงก็กลับจันทบุรีได้แล้ว บอกนมอิ่มด้วยว่ากูจะอยู่ที่กรุงเทพสักพักจนกว่างานที่นี่จะเข้าที่เข้าทาง”

“อืม...จัดให้ไอ้เพื่อน” แล้วสมควรก็เดินยกยิ้มมุมปากจากไป ส่วนเจ้าของห้องก็อ่านประวัติของพรปวีณ์อีกครั้ง แม้จะอ่านประวัติของหญิงสาวหลายครั้งแล้วก็ตาม และยิ่งเห็นชื่อของเธอเป็นผู้ถือหุ้นยิ่งเกลียดหล่อนและแม่ของหล่อนมากยิ่งขึ้น

“แพศยาทั้งแม่และลูก สารเลว! ฉันไม่มีความสุขอย่าหวังว่าพวกแกจะมีความสุข เพราะพวกแกทำให้แม่ฉันต้องตรอมใจตาย ทำให้ท่านไม่ได้อยู่กับกู”

พรปวีณ์เดินเข้ามาในห้องทำงานของท่านประธานคนใหม่ของบริษัท และเธอก็รู้ว่าชายหนุ่มคือลูกชายคนเดียวของคุณลุงเวทิตของตัวเอง พอเข้ามาในห้องก็ยกมือไหว้อย่างเคารพ ก่อนจะยืนนิ่งก้มหน้ามองเท้าตัวเองไม่กล้าดึงลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่มออกมานั่งด้วยอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าอ่านเอกสารตรงหน้า ไม่คิดจะเงยหน้ามาเอ่ยรับไหว้จากตนเอง

เงียบ!

วทันยูยังคงนิ่งเงียบก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้า ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาสนใจคนที่เข้ามาใหม่ เขายกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมปิดแฟ้มเอกสารแล้วโยนแฟ้มเอกสารที่เพิ่งอ่านไปตรงหน้า

“เธอเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทนี้ถึงได้มีหุ้นส่วนในนี้ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์พรปวีณ์”

น้ำเสียงห้วนแข็งกระด้างดังขึ้นทำให้สาวน้อยสะดุ้งตัวสั่นเทาหวาดกลัว ยิ่งสายตาทมิฬที่จ้องมาทางตนจนเธอต้องก้มหน้ามองเท้าตัวเองอีกครั้ง ส่วนวทันยูก็เปิดลิ้นชักออกมาหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนและไฟแช็กออกมาต่อบุหรี่ดูดอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ในนี้ด้วย

“อ่า...ฉันถามไม่ได้ยินรึไงพรปวีณ์ เธอเป็นอะไรกับเจ้าสัวเวทิต ทำไมถึงมีหุ้นส่วน” เมื่อปล่อยพ่นควันบุหรี่ออกมา เขาก็เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง และพรปวีณ์ก็รีบยกมือปิดจมูกเมื่อได้กลิ่นบุหรี่ที่ชายนุ่มดูดลอยไปทั่วห้องทำงาน

“ฉะ...ฉันไม่รู้ค่ะ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองมีหุ้นส่วนในบริษัทนี้” เธอตอบเสียงสั่นพร้อมกับกลั้นลมหายใจตัวเอง กลัวเหลือเกิน ทำไมวทันยูไม่ใจดี อ่อนโยนเหมือนเจ้าสัวเวทิตเลยนะ ทำไมเขาน่ากลัวแบบนี้

“ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ หล่อนกับแม่ของหล่อนมันก็แพศยาพอกันนั่นแหละ” เขาทิ้งบดขยี้บุหรี่ในมือลงกับที่เขี่ยก้นบุหรี่จนไฟมอดดับ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ข้างสาวน้อยที่ยืนตัวสั่น

พรปวีณ์กัดเม้มปากแน่นเมื่อถูกท่านประธานคนใหม่ที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกพูดจาลามปามไปถึงแม่ของตัวเอง เธอก็เงยหน้าขึ้นสบตาของเขาทันที ไม่สนใจว่าสายตาของชายหนุ่มจะน่ากลัวมากเพียงไร แล้วก็ยกมือน้อยสั่นเทาตวัดใส่หน้าของคนตัวสูงทันที

เผียะ!

“อย่ามาลามปามถึงแม่ฉัน คุณวทันยู!”

เผียะ!

โอ๊ย!

วทันยูกัดกรามแน่นตวัดมือตบสาวน้อยคืนอย่างไม่อดทนเช่นกัน แล้วหล่อนและแม่ของหล่อนกล้าดียังไงมาทำร้ายแม่ของเขากัน เขาไม่สนใจว่าเธอจะเป็นผู้หญิง สำหรับพรปวีณ์และแม่ของเธอแล้วนั้นเขาทำได้มากกว่านี้อีก

“แล้วเธอและแม่ของเธอล่ะ กล้าดียังไงมาทำให้แม่ฉันตายจากฉันไป สารเลว!” วทันยูตะโกนใส่หน้าของคนที่เพิ่งหันกลับมามองตัวเอง เขามองเห็นรอยปื้นแดงที่แก้มนวล เขารู้ดีว่าเธอเจ็บแม้เขาจะตบไม่แรงก็ตาม แต่แรงของผู้ชายและผู้หญิงต่างกัน

“คุณพูดอะไรของคุณ ฉันไม่เข้าใจ และคุณตบฉันทำไมคุณวทันยู” เธอส่ายหน้าไปมาอย่างหวาดกลัว เพราะไม่คิดว่าผู้ชายตัวโตจะตบตัวเองกลับ ดวงตาที่สดใสร่าเริงบัดนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่อาบคลอล้นดวงตาและไหลอาบแก้มนวลของเธอจนต้องยกมือขึ้นปาดเช็ดทิ้ง

“ไม่เข้าใจก็ไปถามแม่ของเธอสิพรปวีณ์ และไปถามเจ้าสัวเวทิตด้วยว่าทำไมฉันถึงตบหน้าเธอ และที่ฉันพูดและตบเธอมันน้อยไปด้วยซ้ำ ใจฉันอยากบีบคอเธอให้ตายตกตามแม่ฉันไป แต่มันไม่สะใจพอ เพราะเธอต้องตายทั้งเป็นเด็กน้อย” เขายกมือขึ้นมาบีบคางเล็กสวยเต็มแรง โกรธจนหน้าเธอบิดเบ้ด้วยความเจ็บ มือเล็กพยายามตีและปัดมือใหญ่ที่บีบคางตัวเองออก แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเขาจับล็อกคางเธอแน่น

“ปะ...ปล่อย ฉันเจ็บ!” กว่าเธอจะเอ่ยออกมาจบประโยคก็ยากลำบากเหลือเกินเมื่อคางถูกบีบแน่นจนทำให้พูดไม่สะดวก

“หึ! มันยังน้อยไป เจ็บทางกายไม่สู้ทางใจที่ฉันเจอมาตลอดชีวิต เธอมันก็เหมือนแม่เธอนั่นแหละพรปวีณ์ สารเลว!” แล้วเขาก็ผลักเธอจนเสียหลักล้มลงกระแทกพื้น วทันยูเหยียดยิ้มมองร่างเล็กที่กำลังพยายามดันตัวเองลุกขึ้นยืน เขาจึงยกเท้าตัวเองไปเหยียบมือเล็กที่เท้ายันพื้นแล้วบดขยี้เท้ากับมือของสาวเจ้า

“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีความแค้นอะไรกับฉันและแม่ของฉัน แต่คุณจะมาว่าฉันและแม่ฉันเลวแบบนี้ไม่ได้ เพราะคนที่เลวจริงๆ คือคุณต่างหากคุณวทันยู!” แม้จะเจ็บที่เขาใช้เท้าเหยียบขยี้มือตัวเอง แต่ก็ยังโกรธอยู่จึงไม่สนใจความเจ็บที่หลังมือของตัวเองตะโกนต่อว่าเขากลับ ด้านวทันยูเมื่อโดนสาวน้อยต่อว่ากลับก็ยกเท้าออกจากหลังมือเล็กทันที

“อย่ามากล่าวหาฉัน คนที่เลวคือแม่ของเธอต่างหาก แม่ของเธอมันก็แค่ผู้หญิงแพศยาแย่งผัวคนอื่น ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่ามีหุ้นส่วนที่นี่แล้วจะทำงานที่นี่ได้ เก็บข้าวของของเธอออกไปจากบริษัทนี้ซะ ไสหัวไป!” ด้วยความเดือดจัดทำให้วทันยูทนไม่ไหวจึงตะโกนไล่พรปวีณ์ หากหล่อนยังอยู่ที่นี่ เขาได้บีบคอหรือไม่ก็ตบหล่อนตายคามือแน่นอน

“ไสหัวไปถ้าไม่อยากถูกฉันฆ่าเธอตายที่นี่” เขาเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเหี้ยมและดังกว่าเดิม

“คุณมันเลว! ไม่มีใครไล่ฉันออกไปจากบริษัทนี้ได้นอกจากคุณลุงเวทิต เพราะคุณลุงเป็นคนพาฉันมาทำงานที่นี่”

“ลองดูไหมล่ะว่าเจ้าสัวเวทิตจะช่วยเธอได้ไหม และหุ้นของเธอก็อย่าหวังว่าจะได้ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ในสมบัติพวกนี้ ออกไป!” เขาเอ่ยไล่ครั้งที่สามพร้อมย่อตัวฉุดกระชากเธอลุกขึ้นแล้วลากออกไปโยนนอกห้อง

“โอ๊ย! ฉันจะไปฟ้องคุณลุงเวทิตว่าคุณทำร้ายฉัน” เมื่อถูกผลักออกมานอกห้อง เธอก็เอ่ยขู่เขาด้วยคิดว่าเขาจะเกรงกลัวเจ้าสัวเวทิต พ่อของเขาบ้าง

“ไปฟ้องเลย เชิญขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเจ้าสัวเวทิตของเธอเลยพรปวีณ์ และคิดเหรอว่าคนพิการอย่างเขาจะช่วยเธอได้ สมเพชว่ะ! ปัง!” เขายิ้มเยาะแล้วกระแทกประตูห้องทำงานปิดใส่หน้าหญิงสาวทันที ส่วนพรปวีณ์ก็ได้แต่ยืนกัดฟันยกมือปาดเช็ดน้ำตาตัวเองออกจากแก้มนวลแล้วเดินจากไป ไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครกำราบผู้ชายใจทรามคนนี้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel