บทที่ 7 คุณยังจำฉันได้ไหม?
“เหลวไหล!” กู้เทียนเฉินตวาดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “ถ้าวันนี้มีคนเชิญนายเข้าไป? ต่อไปฉันจะเรียกนายว่านายท่าน! นายนึกว่าคนตระกูลกู้ของฉันหลอกง่ายเหมือนกู้เทียนซวงหมดหรือไง?”
พิหยางหยางยิ้มใคร่ครวญ แล้วหันหลังเดินจากไป
เพียงแต่ เขาไม่ได้ไปจริงๆ แค่รออยู่ด้านนอกลานบ้านเท่านั้น
ถ้าเป็นคนอื่น เขาสะบัดแขนไม่สนไปนานแล้ว
แต่กู้เทียนซวงจริงใจมาตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ มองออกด้วยว่าเธอใส่ใจคุณปู่ของตัวเองอย่างมาก
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ พิหยางหยางยังต้องหาเงินมาชดใช้หนี้แทนอาจารย์
เขาจึงตัดสินใจอยู่ต่อ
กู้เทียนซวงเห็นพิหยางหยางโมโหจนเดินจากไป ก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “กู้เทียนเฉิน นี่นายทำอะไร?”
กู้เทียนซวงต้องการตามพิหยางหยางไป แต่ก็เป็นห่วงคุณปู่ตัวเองอีก ลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็เดินไปในลานบ้านด้วยความขุ่นเคืองใจ
ในห้องนอน กู้จื้อสิงผู้เป็นเจ้าบ้านตระกูลกู้อยู่กับผู้เฒ่าวัยห้าสิบต้นคนหนึ่ง กำลังฝังเข็มให้ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียง
สีหน้าผู้เฒ่าบนเตียงเขียวคล้ำ ตาสองข้างปิดสนิท ดูอ่อนแรงใกล้หมดลมหายใจ
บนหน้าผากผู้เฒ่าที่ฝังเข็ม มีเม็ดเหงื่อซึมออกมาแล้ว เข็มยาวเล่มหนึ่งถืออยู่ในมือ ลังเลไม่ได้ฝังลงไป
หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เก็บเข็มกลับ แล้วกล่าวอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย “คุณกู้ โรคของคุณพ่อของท่าน……ขออภัยที่ฉันไร้ความสามารถ เตรียมเรื่องฌาปนกิจไว้เนิ่นๆ ดีกว่าครับ……”
ถึงแม้ว่ากู้จื้อสิงจะผิดหวังมาก แต่ก็ยอมรับความจริงข้อนี้อย่างจำใจ
“ลำบากผอ.หลี่เลย ฉันจะให้คนไปมอบของขวัญขอบคุณให้คุณ……”
หลี่ลี่ฟูโบกมืออย่างละอายใจ กำลังจะปฏิเสธ กู้เทียนซวงก็ผลักประตูเข้ามา
“ลุงใหญ่ คุณปู่ฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
“เสี่ยวซวง……เธออย่าเสียใจนักเลยนะ ยังไงคุณปู่เธอก็อายุมากขนาดนี้แล้ว……”
กู้จื้อสิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
“ไม่ คุณปู่จะไม่เป็นอะไร คุณเชิญผอ.หลี่โรงพยาบาลกลางมาแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือเขาก็ช่วยชีวิตคุณปู่ฉันไม่ได้?”
กู้เทียนซวงใบหน้างดงามถอดสีทันใด น้ำตาไหลวนในเบ้าตา
“คุณหนูกู้ ขออภัยจริงๆ ครับ ฉัน……ไร้ความสามารถ……”
หลี่ลี่ฟูทำสีหน้าละอายใจ
“จริงสิ อาสามฉันแนะนำหมอเทวดาพิท่านหนึ่งมา บอกว่าถ้าเขาได้ลงมือรักษา จะต้องช่วยชีวิตคุณปู่ฉันได้แน่……ฉันเชิญเขามาแล้ว”
“เสี่ยวซวง ฉันรู้ความผูกพันที่เธอมีต่อคุณปู่ แต่ผอ.หลี่ให้เราเตรียมเรื่องฌาปนกิจให้คุณปู่เธอแล้ว……”
กู้จื้อสิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างเศร้าสลดเล็กน้อย
ลูกตาหลี่ลี่ฟูพลันกลอกวนไปมา เอ่ยถามขึ้น “คุณกู้ ที่คุณพูดเมื่อกี้เป็นใคร? หมอเทวดาพิ?”
กู้เทียนซวงอึ้งเล็กน้อย แล้วพยักหน้าทันที
“ใช่ อาสามฉันเรียกเขาแบบนี้……”
“ใช่หมอเทวดาพิจากถนนโบราณไหมครับ?”
ในดวงตาหลี่ลี่ฟูเปล่งประกายเล็กน้อย พูดขึ้นค่อนข้างตื่นเต้น
กู้เทียนซวงค่อนข้างงุนงง พยักหน้าอย่างฉงน “เขามาจากถนนโบราณ……”
“พระเจ้าช่วย ถ้าเชิญหมอเทวดาพิมาได้จริงๆ งั้น……งั้นคุณปู่คุณมีหนทางรอดแล้ว……”
กู้จื้อสิงก็ตะลึงงันเช่นกัน เมื่อครู่ยังบอกว่าต้องเตรียมฌาปนกิจ ตอนนี้ทำไมมีหนทางรอดแล้ว?
“อย่ามัวแต่อึ้ง ปกติหมอเทวดาพิไม่ลงมือรักษาง่ายๆ ใช้เงินก็ไม่แน่ว่าจะเชิญมาได้ คุณหนูกู้ คุณเชิญเขามาได้จริงๆ แล้วตัวเขาล่ะ?”
หลี่ลี่ฟูยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น
กู้เทียนซวงชี้ไปที่ประตูห้อง “ฉันเชิญเขามา แต่ถูกกู้เทียนเฉินไล่ไปแล้ว……”
“โอ๊ยตายแล้ว แล้วยังไม่รีบไปเชิญกลับมาอีก……”
หลี่ลี่ฟูกระทืบเท้า เอ่ยขึ้นอย่างกระสับกระส่าย
ในเวลานี้ กู้จื้อสิงถึงได้สติกลับมา “เสี่ยวซวง หมอเทวดาพิอยู่ที่ไหน รีบพาฉันไป……”
ทั้งสามรีบร้อนออกมาจากห้อง กู้เทียนเฉินยังยืนอยู่ในลานบ้าน จ้องมองประตูลานบ้านอยู่
“คุณพ่อ คุณปู่เป็นยังไงบ้าง?”
เห็นพวกเขาออกมา กู้เทียนเฉินก็รีบเข้าไปหา
“เฮอะ เดี๋ยวค่อยมาคิดบัญชีกับแก!”
กู้จื้อสิงทำเสียงฮึดฮัดด้วยความโมโห แล้วผลักเขาออกไป
ด้านนอกลานบ้าน พิหยางหยางเอาปากคาบใบไผ่เขียวขจีใบหนึ่ง พิงมาเซอร์ราติ กำลังเหม่อมองนกบินบนท้องฟ้า
“หมอเทวดาพิ……”
กู้เทียนซวงเห็นเขายังอยู่ ก็โล่งใจ รีบวิ่งเหยาะไม่กี่ก้าวไปหาเขา ลูบทรวงอกขณะพูดขึ้น
“คุณยังอยู่ ฉันตกใจแทบตาย……”
“เป็นไง รักษาไม่ได้ใช่ไหม?”
พิหยางหยางเอ่ยประโยคหนึ่งอย่างเกียจคร้าน
กู้จื้อสิงตะลึงงัน จ้องพิหยางหยางไม่วางตา ทำหน้าระแวง “เขาคือหมอเทวดาพิ? เข้าใจผิดหรือเปล่า?”
หลี่ลี่ฟูไม่สนใจเขา สาวเท้ายาวมาตรงหน้าพิหยางหยาง
“หมอเทวดาพิ คุณยังจำฉันได้ไหม?”
ในน้ำเสียง มีความประจบประแจงอย่างคาดไม่ถึง
“อ๋อ คุณหลี่สินะ……จำได้นิดหน่อย……”
พิหยางหยางมองเขาอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง แล้วตอบไปเรื่อยเปื่อย
หลี่ลี่ฟูแทบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ใช่ ใช่ ฉันเอง……”
ทันใดนั้น เขาก็หันไปมองกู้จื้อสิงที่ยังยืนงุนงงอยู่เหมือนเดิม กล่าวขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณพ่อของคุณกู้ท่านนี้ป่วยหนักใกล้เสีย ได้โปรดคุณหมอเทวดาพิช่วยลงมือรักษา”
กู้จื้อสิงตอบสนองแล้ว ถึงแม้เขาจะคิดว่าหนุ่มน้อยตรงหน้า มองอย่างไรก็ไม่สอดคล้องกับสถานะหมอเทวดา แต่เขาได้รับการเคารพนับถือเช่นนี้จากหลี่ลี่ฟู แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา
“หมอเทวดาพิ ได้โปรดลงมือ ช่วยรักษาคุณพ่อฉันให้รอดพ้น ไม่ว่าจะเงื่อนไขอะไร ค่าตอบแทนเท่าไร ตระกูลกู้ของฉันไม่มีทางปฏิเสธ”
เขาโน้มตัวเล็กน้อย น้ำเสียงจริงใจ
“งั้นเหรอ? เมื่อกี้ฉันถูกคนไล่ออกมา ถ้าเข้าไปแบบนี้ เกียรติยศของฉันจะถูกโยนลงพื้น เหยียบย่ำได้ตามใจชอบใช่หรือเปล่า?”
ได้ยินเรื่องค่าตอบแทน แววตาพิหยางหยางเปล่งประกายวิบวับ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าใคร่ครวญ
“กู้เทียนเฉิน!”
กู้จื้อสิงหันขวับ ตะคอกเกรี้ยวกราดใส่กู้เทียนเฉินที่ยืนหน้าประตู
“รีบมาขอโทษหมอเทวดาพิ!”
กู้จื้อสิงจ้องกู้เทียนเฉินเขม็ง น้ำเสียงเคร่งครัด
“เขาจะเป็นหมอเทวดาได้ยังไง? พ่อ พ่ออย่าโดนหลอกสิ คนคนนี้ฉันรู้จัก เขาชื่อพิหยางหยาง เขามีอาจารย์คนหนึ่งด้วย ชื่อท่านปรมาจารย์อะไรนี่แหละ! ทั้งวันเอาแต่ดูฮวยจุ้ยให้คนอื่น ทำนายโชคชะตา เป็นนักต้มตุ๋นคนหนึ่ง เขาตั้งแผงลอยใต้สะพานลอยอยู่เป็นประจำ หลอกลวงคุณตาคุณยาย ก็แค่นักต้มตุนกระจอกคนหนึ่ง!......”
กู้เทียนเฉินเหยียดหยามอย่างแท้จริง ทำหน้าดูถูกดูแคลน
“แก……ถ้าแกพูดซี้ซั้วอีก ฉันจะหักขาแก!”
กู้จื้อสิงเดือดจัด เตะใส่กู้เทียนเฉินอย่างรุนแรง
กู้เทียนเฉินที่ถูกเตะถึงแม้ว่าจะไม่ยินยอมนัก แต่ทำได้เพียงกล่าว “ขอโทษ” อย่างคับข้องใจ
“ตอนแรกนายพูดว่ายังไงนะ? ถ้ามีคนเชิญฉันเข้าไป ต่อไปนายจะเรียกฉันว่านายท่าน ไม่ผิดใช่ไหม?”
กู้จื้อสิงจ้องเขม็งอย่างเหี้ยมโหดทันที
กู้เทียนเฉินสีหน้ากลายเป็นน่าเกลียดอย่างยิ่ง ภายใต้การข่มขวัญจากคุณพ่อ จำใจตะโกนเรียก “นายท่าน!”
พิหยางหยางยิ้มเยาะ “เอาล่ะ พาฉันไปดูคนป่วยเถอะ”
เข้าไปในห้องนอน พิหยางหยางก็ขมวดคิ้ว
ผู้เฒ่าบนเตียงเบ้าตาลึกโบ๋ ผิวหมองคล้ำไร้ประกาย อ่อนแรงใกล้หมดลมหายใจ
ขืนล่าช้าต่อไป เกรงว่าเขาจะไร้พลังรอดพ้น
“คุณหลี่ คุณใช้วิธีฝังเข็มปราณหลักเทียนกังสิบแปดเข็ม?”
“ครับ เพียงแต่เข็มสุดท้าย ฉันไม่กล้าฝังลงไป……”
“โชคดีที่คุณไม่ได้ฝังมัน ไม่เช่นนั้นละก็ คุณจะไม่ได้ช่วยคน แต่เป็นทำร้ายคน!”
พิหยางหยางกล่าวอย่างผ่อนคลาย เม็ดเหงื่อบนหน้าผากหลี่ลี่ฟู กลิ้งไหลลงมา
ทั้งสามคนในตระกูลกู้ฟังอยู่ด้านข้าง ถึงแม้ตื่นตระหนกในใจ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก
พิหยางหยางมองหลี่ลี่ฟูอย่างเฉยชา ก่อนพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยบอกคุณแล้ว วิธีฝังเข็มปราณหลักเทียนกังสิบแปดเข็ม ถึงแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกับโรคมากมายที่ซับซ้อน แต่มันแรงเกินไป ผู้อ่อนแอมักจะทนไม่ไหว สั่งให้คุณปรับใช้อย่างรอบคอบ ดูท่า……คุณจะลืมมัน?”
หลี่ลี่ฟูโน้มตัวเล็กน้อย อยู่ในท่าได้รับการอบรม
แต่ในใจเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งนัก
ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง มีตำแหน่งยศแพทย์ฝีมือดีระดับประเทศอยู่เหนือศีรษะ พบเจอผู้ป่วยบางคนที่มีโรคซับซ้อน เขาต้องพยายามเต็มที่อยู่แล้ว
“ครับ หมอเทวดาพิสั่งสอน ไม่กล้าลืม……”
เขายอมจำนนลูกเดียว ยังมีท่าทีดวงเดือนได้รับการสรรเสริญจากหมู่ดาว(เป็นคำอุปมาสำหรับคนที่สนับสนุนบุคคลที่พวกเขาเคารพรัก) หยิ่งยโสคิดว่าตนเก่งกว่าผู้อื่นในยามปกติที่ไหนกัน
เดิมทีกู้จื้อสิงยังกังวลใจ กลัวพิหยางหยางไม่เก่งสมคำร่ำลือ พอเห็นหลี่ลี่ฟูมีท่าทีน้อมต่ำเช่นนี้ ข้อสงสัยในใจก็ถูกขจัดทิ้งอย่างสมบูรณ์
พิหยางหยางเปิดกล่องไม้ช้าๆ หยิบกระเป๋าหนังแกะออกมา เข็มยาวสิบแปดเล่มปรากฏต่อหน้าทุกคน
สายตาหลี่ลี่ฟูนิ่งค้างจดจ่อ สีหน้ายิ่งดูเคารพนบนอบ
พิหยางหยางหยิบเข็มทองสามเล่มขึ้นมา สั่นไหวเล็กน้อย เกิดเสียง “วิ้ง” หนึ่งที เข็มทองเปล่งเสียงขึ้นแผ่วเบา
เห็นเพียงมือซ้ายเขาเลิกผ้าห่มบนร่างผู้เฒ่าขึ้น มือขวาเลื่อนลง เข็มทองฝังลงไปในร่างผู้เฒ่าในเวลาเดียวกัน
จากนั้นใช้หลังมือตวัดจากปลายเข็ม…