บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ฝีมือการแสดงชั้นยอด

พิหยางหยางรู้ทั้งรู้ว่าหลงกลเข้าแล้ว แต่ก็รู้สึกจนปัญญา

“อีกอย่าง ฉันช่วยคุณขนาดนี้ ให้คุณได้เกียรติคืนมาต่อหน้าภรรยาเก่าคุณ แถมผลักแม่ยายคุณลงไปบนพื้น คุณช่วยฉันสักครั้งไม่ได้เหรอ?”

ขอให้คนอื่นตอบแทนพระคุณ?

พิหยางหยางตะลึงงัน การสำนึกบุญคุณอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เขาเพิ่งพบเจอเป็นครั้งแรก

แต่สิ่งที่เธอพูด ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เหตุผล

อย่างน้อยก็เพราะเธอ ความหดหู่ที่พึงมีแต่เดิมในวันนี้ ลดน้อยลงไปเกินครึ่ง ถึงขั้นรู้สึกภูมิใจนิดหน่อยด้วยซ้ำไป

“ได้……ฉันช่วยก็ได้ ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจคุณ แต่พูดให้ชัดก่อนว่าช่วยอะไร แล้วก็อย่าร้องขออะไรที่เลยเถิด”

พิหยางหยางประนีประนอม เขาทนแววตาแสนน่าสงสารของอีกฝ่ายไม่ไหวจริงๆ

ซูเสวี่ยฉิงยิ้มเล็กน้อย นั่งลงอย่างเชื่องช้า

“ข้อแรก คุณต้องยอมรับการแต่งงานของคุณและประธานซูกับคนภายนอก นอกเหนือจากเราสามคน จะให้คนที่สี่ทราบเรื่องข้อตกลงระหว่างเราไม่ได้”

ในเวลานี้ พี่ลี่เอ่ยปากพูดขึ้น

“ไม่มีปัญหา” พิหยางหยางรับปากอย่างไม่ลังเล

“ข้อต่อมา ภายในระยะเวลาข้อตกลงหนึ่งปี คุณต้องอยู่เคียงข้างประธานซู ไม่ออกห่างแม้แต่นิ้วเดียว” พี่ลี่เหมือนพึงพอใจกับคำตอบเขามาก จึงพูดต่อ

พิหยางหยาง:……

“มีอะไรคัดค้านไหม?” พี่ลี่สายตานิ่งค้าง มองเขาอย่างเยือกเย็นพลางพูด

“มีสิ หรือตอนประธานซูอาบน้ำ ฉันก็ต้องตามไปด้วย?” พิหยางหยางพูดมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ “แบบนั้นจะเป็นตากุ้งยิง……”

ซูเสวี่ยฉิงหน้าแดงแดง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฝันไปเถอะ!”

พี่ลี่จ้องเขาเขม็ง แล้วก็พูดขึ้น “ข้อที่สาม ถ้ามีคนจะรังแกประธานซู คุณต้องทำหน้าที่ปกป้องที่สามีคนหนึ่งพึงมีให้เต็มที่!”

“ฉันขอคัดค้าน!”

พิหยางหยางโต้แย้งเดี๋ยวนั้น

“คัดค้าน? คุณยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม?”

พี่ลี่มองเขาอย่างเยือกเย็น

“เธอไม่ใช่ภรรยาฉันจริงๆ ทำไมฉันต้องปกป้อง? ถ้าเกิดเจออะไรเสี่ยงตาย ฉันต้องตายด้วยไหม?”

ใบหน้าพี่ลี่เผยความเหยียดหยามเล็กน้อย “มีผู้ชายจำนวนเท่าไรไม่รู้อยากปกป้องประธานซูสุดชีวิต แต่พวกเขาไม่มีโอกาสนี้ แต่คุณกลับกลัวตายแบบนี้เนี่ยนะ?”

“ไร้สาระ ฉันไม่ใช่แมวเก้าชีวิตสักหน่อย เสียชีวิตไปก็ไม่เหลือแล้ว ทำไมจะไม่กลัวตาย?”

พิหยางหยางมีเหตุผลหนักแน่น

“ฉันไม่มีทางให้คุณเซ็นข้อตกลงนี้ฟรีหรอก”

ซูเสวี่ยฉิงพูดขึ้น “ในช่วงระยะเวลาข้อตกลง ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้คุณหมื่นหนึ่งทุกเดือน……”

“หมื่นหนึ่ง?” พิหยางหยางกลอกตา “คุณคิดว่าฉันจะยอมสู้ตายเพื่อใครสักคนเพราะเงินหมื่นหนึ่ง?”

พี่ลี่พูดขึ้น “ใครบอกว่าต้องสู้ตาย? ในชิงเจียง ใครจะกล้าลงมือกับประธานซูจริงๆ?”

“นั่นก็พูดยาก! ถ้าเกิดเจอหมาบ้า ถูกกัดทีหนึ่งก็เจ็บมากนะ”

พิหยางหยางพูดด้วยใบหน้าจริงจัง

“งั้นก็ได้ หมื่นห้า!”

ซูเสวี่ยฉิงกัดฟันพูดขึ้น

“สองหมื่น!”

พิหยางหยางชูสองนิ้วออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด

“คุณคือท่านประธานซูซื่อ กรุ๊ป อย่าขี้เหนียวนักเลย อีกอย่างด้วยหน้าตาของฉันแล้ว สองหมื่นไม่ขาดทุนหรอก……”

เห็นซูเสวี่ยฉิงลังเล เขาก็รีบพูดโน้มน้าว

ซูเสวี่ยฉิงเบิกตาโพลง จ้องเขม็งเขา “ฉันขี้เหนียว? เสื้อผ้าบนตัวคุณนั่นใครซื้อ? ใช้เงินไปเท่าไรคุณไม่รู้เหรอ?”

พิหยางหยางสะกิดปีกจมูก แล้วพูดยืนกราน

“ฉันไม่ได้สั่งให้คุณซื้อ แล้วเกียรติยศนี้ก็ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่……”

“คุณ……”

ซูเสวี่ยฉิงโกรธจนทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด

“คุณพิ คุณอย่าไม่รู้ผิดชอบชั่วดี!”

สายตาพี่ลี่เย็นยะเยือก

ไอ้หมอนี่ เห็นที่นี่เป็นตลาดสดหรือไง? ยังต่อรองราคาอีก?

ซูเสวี่ยฉิงยื่นมือออกไปโบกปัด กล่าวขึ้นอย่างจำใจเล็กน้อย “ได้ สองหมื่น”

พิหยางหยางยิงฟันขาวสองแถว หยีตาสองข้าง ยิ้มอย่างสุขใจ 

ฉันก็ต้องดำรงชีพ ทำงานฟรีไม่ได้หรอก

“แล้วก็อีกหนึ่งเรื่อง ปีนี้ คุณต้องอาศัยอยู่กับฉัน”

ซูเสวี่ยฉิงนึกขึ้นได้อีกเรื่อง แล้วพูดขึ้นอย่างหนักแน่นมาก

พิหยางหยางพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “ต้องนอนด้วยกันอีก?”

“นายคิดอะไรน่ะ?” ซูเสวี่ยฉิงหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ที่ฉันพักอาศัยมีห้องเยอะแยะ เราพักกันคนละชั้น”

“งั้นก็ดี ไม่งั้นละก็สองหมื่นเสียเปรียบเกินไป……”

“…………” 

ซูเสวี่ยฉิงพูดอะไรไม่ออก: ทำเหมือนฉันเลี้ยงดูหนุ่มละอ่อนจริงๆ?

“ที่บ้านฉันมีบอดี้การ์ด แล้วก็พี่ลี่อาศัยอยู่กับเราด้วย!”

พิหยางหยางหันศีรษะไปมองพี่ลี่ผู้เคร่งขรึมหนึ่งครั้ง แล้วกลืนน้ำลายดัง “เอื๊อก”

ผู้หญิงพวกนี้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าจัดการยาก

เบื้องหน้าเขาปรากฏภาพแม่นมหรงเอาเข็มจิ้มจื่อเวยในเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ก็สั่นสะท้านไปทั่วร่าง

“งั้นก็ได้……”

เขาทำได้เพียงตอบรับอย่างไม่เป็นธรรม เซ็นชื่อลงบนข้อตกลง

“ฉันไปได้แล้วใช่ไหม?”

“คุณจะไปไหน?”

“ฉัน……กลับบ้านไปเก็บของนิดหน่อย”

“กลับบ้าน? คุณถูกไล่ออกจากตระกูลฉินแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“หมามันยังมีคอกบ้าน แล้วทำไมฉันจะมีบ้านไม่ได้ล่ะ”

ซูเสวี่ยฉิงเห็นเขามีท่าทางเคร่งขรึมนิดหน่อย ก็เลิกคิ้ว ลุกขึ้นเดินไปหาเขา พลันยื่นมือไปควงแขนเขา

“ฉันลงไปส่งคุณ”

เสียงเบานุ่มนวล ราวกับคนรักกระซิบข้างหู

หัวใจพิหยางหยางเต้นเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ มาจากทีมการแสดงใช่ไหม?

ฝีมือการแสดงนี่ ถ้าไม่ไปเดินพรมแดงซะบ้าง ได้รางวัลรูปปั้นทองซะบ้าง ช่างน่าเสียดาย

ซูเสวี่ยฉิงควงแขนพิหยางหยาง ปรากฏตัวท่ามกลางล็อบบี้อีกครั้งอย่างสนิทสนม

“คุณไปขับรถของฉัน จำไว้ว่ามารับฉันเลิกงานด้วยล่ะ ที่รัก……”

ทุกคนในล็อบบี้แข็งเป็นท่อนไม้ทันที

นี่ท่านประธานเอาจริงเหรอ? ทำไมจู่ๆ ก็ไม่เหมือนท่านประธานในความทรงจำของพวกเขาเลยล่ะ?

พิหยางหยางเกือบโซเซ

ถ้าไม่เคยพบเห็นฝีมือการแสดงของเธอมาก่อน เกือบประทับใจซะแล้วสิ

แต่มีรถแล้วไม่ขับก็น่าเสียดาย

เขาขับเฟอร์รารี่ แล่นไปทางเขตเมืองเก่าฝั่งตะวันตก

มาถึงหน้าที่พักแห่งหนึ่งที่ดูเก่าคร่ำครึ พิหยางหยางยืนนิ่งสักพัก ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ผลักเปิดประตูลานบ้านที่ไม่ได้ล็อก แล้วเดินเข้าไป

“อาจารย์ ฉันกลับมาแล้ว”

หันไปทางลานเล็กว่างเปล่า พิหยางหยางตะโกนหนึ่งครั้ง

ผลักเปิดประตูบ้าน ป้ายวิญญาณชิ้นหนึ่งวางในศาลเจ้า

การจัดวางในห้องเรียบง่ายตื้นเขิน แต่เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดเอี่ยมอ่อง

หน้าป้ายวิญญาณถึงขั้นมีถวายด้วยผลไม้สด ธูปสามดอกกำลังลุกไหม้

เห็นได้ชัดว่า ที่นี่มีคนมาทำความสะอาด และเซ่นไหว้อยู่เป็นประจำ

เขาเข้าไปหยิบธูปสามดอก จุดไฟแล้วคุกเข่าลงกราบไหว้ป้ายวิญญาณ

“อาจารย์ ปีนั้นคุณกล่าวว่าถ้าฉันยังเป็นเขยตระกูลฉิน ห้ามเปิดกล่องไม้ตลอดชีวิต ขณะนี้ฉันถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว เลยตั้งใจมาเปิดมันต่อหน้าท่านอาจารย์ผู้มีพระคุณ”

สีหน้าเขาเคารพนอบน้อมอย่างสูง โขกศีรษะคำนับสามครั้งอย่างนับถือ จากนั้นก็ปักธูปลงไปในกระถางธูป

จากนั้น สายตาเขาก็หยุดที่โต๊ะบูชา กุญแจโบราณดอกหนึ่งวางอยู่หน้าป้ายวิญญาณ

“อาจารย์ ฉันจะเปิดกล่องนี้ตอนนี้เลย อาจารย์ได้โปรดปกป้องศิษย์ด้วย หากฝึกบำเพ็ญสำเร็จโดยเร็ว จะได้ไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง”

เขาหยิบกุญแจมา ค่อยๆ เสียบเข้าไปในแม่กุญแจของกล่องไม้ เกิดเสียง “พรึ่บ” ตัวล็อกเปิดออกพร้อมเสียง

ตรงกลางกล่องไม้ มีกระเป๋าหนังแกะใบหนึ่งวางอยู่ ปักลายประดับบนนั้น ราวกับมังกรตัวหนึ่งบินร่อนระบำ

เปิดกระเป๋าหนังแกะออก ในนั้นมีเก้าเข็มเงินเก้าเข็มทองปักอยู่เด่นหรา เข็มยาวทั้งหมดสิบแปดเล่ม

ตัวเข็มเล็กมาก แต่บนตัวเข็มจะเห็นมังกรบินสลักนูนตัวหนึ่งอย่างเลือนราง เหมือนของจริงมาก

เข็มชุดนี้ ก็คือจิ่วเสวียนสิบแปดเข็มที่เขานึกถึงอยู่ตลอด

หลังจากอาจารย์เสียชีวิต เขาคิดมาตลอดว่าเข็มชุดนี้ได้ฝังดินไปพร้อมกับอาจารย์แล้ว ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

มุมกล่องไม้ยังมีตลับเล็กสีดำสนิทกล่องหนึ่ง และหนังสือเย็บด้ายหนังน้ำเงินเล่มหนึ่งที่เผยกลิ่นอายประวัติศาสตร์อันยาวนานวางอยู่ด้วย

“ตำราหยกวิสุทธิ์จิ่วเสวียน!”

เขาหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาก่อน เห็นเหล่าตัวอักษรโบราณเข้าใจยากบนนั้น มองปราดเดียวก็จำได้เลย จึงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

ถือโอกาสพลิกเปิดสักหน่อย ตัวอักษรในนั้นเข้าใจยากและคลุมเครือ ยากที่จะเข้าใจความหมายในนั้นในชั่วครู่ จึงวางลงอย่างระมัดระวัง สายตาหยุดที่ตลับเล็กกล่องนั้น

หลังจากนั้นสักพัก เขาหยิบตลับเล็กขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง เปิดออกอย่างเชื่องช้า

กลิ่นอายโบราณกลิ่นหนึ่งกระโจนใส่หน้า

ในตลับ มีแหวนดำสนิทวงหนึ่งวางอยู่ และไม่ทราบว่าหล่อขึ้นด้วยวัสดุอะไร ดูแล้วแปลกประหลาดนิดหน่อย

“สวมมัน คุณก็จะเป็นจิ่วเหยีย!”

ขณะที่เขากำลังตรวจสอบแหวนวงนี้อย่างละเอียด พลันมีเสียงทุ้มลึกหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel