บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 สุนัขมองดาว ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด

ตาสองข้างของฉินอวี้อวี่จ้องนิ่งไม่ไหวติง

เขาเคยเห็นหญิงงามมานับไม่ถ้วน พี่สาวตนก็งามเพริศพริ้งเช่นกัน

แต่ครั้งแรกที่ได้เห็นซูเสวี่ยฉิง เขาอึ้งทึ่งไปเลย รู้สึกว่าตรงหน้ามีดอกไม้บานสะพรั่ง ฤดูใบไม้ผลิมีชีวิตชีวา

“เธอ……เธอเป็นใคร?”

เหยียนจินเฟิ่งรู้สึกอึ้งทึ่งเช่นกัน

“ซูเสวี่ยฉิง ภรรยาคนปัจจุบันของพิหยางหยาง”

ซูเสวี่ยฉิงตอบอย่างเป็นธรรมชาติมาก

“เยี่ยมเลย พิหยางหยาง ฉันดูถูกแกเกินไปละ! เพิ่งหย่ากับอวี้เจี๋ย ก็ล่อลวงนังจิ้งจอกน้อยได้มาหนึ่งตัว! ความสามารถอื่นไม่มี แต่ความสามารถล่อลวงผู้หญิงนี่ยอดเยี่ยมนัก!”

เหยียนจินเฟิ่งอารมณ์เสียแล้ว

เธอทนไม่ไหวกับเหตุการณ์นี้

พิหยางหยางคือไอ้สวะในสายตาเธอ วันนี้ถูกตระกูลฉินไล่ออกจากบ้าน แต่เขาพาผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาโชว์เธอเฉยเลย!

สายตาซูเสวี่ยฉิงเยือกเย็น น้ำเสียงก็เย็นชาขึ้นมา “เธอพูดจาให้ความเคารพหน่อยนะ! ถ้าฉันไม่เห็นแก่ที่เธอเป็นอดีตแม่ยายสามีฉัน เชื่อไหมว่าฉันจะจัดการเธอ?”

“แกคิดจะจัดการฉัน? นังจิ้งจอก สมคบคิดกับลูกเขยฉันมานานแล้วสิ?”

เหยียนจินเฟิ่งที่แข็งแกร่งอยู่เสมอ จะหวาดกลัวคำขู่ของซูเสวี่ยฉิงได้อย่างไร?

พูดพลางเดินไปตรงหน้าเธอด้วย

“แกอยากจัดการฉันไม่ใช่เหรอ ฉันมาละ ไหนดูสิว่าแกจะกล้า……” เหยียนจินเฟิ่งยังพูดไม่จบ

“ผลัก!”

เหยียนจินเฟิ่งถูกผลักจนล้ม ก้นจ้ำเบ้าอย่างรวดเร็วฉับไว ชัดเจนเสนาะหู

อากาศแข็งตัวในชั่วพริบตา

เหยียนจินเฟิ่งลูบก้นปวดแสบปวดร้อนของตนอย่างเหลือเชื่อ ริมฝีปากสั่นระริก

“แกกล้าผลักฉัน?”

หลังจากนั้นสักพัก เสียงคำรามหนึ่งก็ทำลายความเงียบสงัด

“ฉินอวี้อวี่ มันทำร้ายแม่แก แกยังมองอยู่อีก?”

เหยียนจินเฟิ่งหันศีรษะไปมองฉินอวี้อวี่ที่ยังเหม่ออยู่ข้างกาย ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด

เธอที่หยิ่งผยองชอบบงการ จะยินยอมเสียเปรียบเช่นนี้ได้อย่างไร?

แต่สีหน้าฉินอวี้อวี่ค่อนข้างกระอักกระอ่วน ค่อนข้างไม่น่าดู

“แม่……แม่……เธอคือซูเสวี่ยฉิง……”

“ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะเสวี่ยฉิงหรืออวี่ฉิง กล้าผลักฉัน แกไปตบหน้าเธอให้เละซะ ดูสิว่าต่อไปจะไปยั่วยวนสามีคนอื่นยังไง!”

“แม่ เธอคือคุณหนูสามตระกูลซู……”

เห็นเหยียนจินเฟิ่งยังไม่รู้ตัว ฉินอวี้อวี่ก็กล่าวอย่างประหม่าอีกครั้ง

“คุณหนูสามตระกูลซูอะไรกัน ฉัน……”

พูดได้ครึ่งเดียว พลันชะงัก จากนั้นก็มองซูเสวี่ยฉิงอย่างเหลือเชื่อ

“ตระ……ตระกูลซูไหน?”

“ชิงเจียงยังมีตระกูลซูไหนอีก ตระกูลซูฝั่งใต้น่ะสิ……”

เหยียนจินเฟิ่งขาอ่อนทันที โคลงเคลงไปมา ใบหน้าครึ่งหนึ่งซีดเผือดในชั่วพริบตา

ตระกูลซู หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งชิงเจียง อยู่ตรงหน้าตระกูลฉิน ก็คือการดำรงอยู่ของผู้ทรงอำนาจยิ่งใหญ่

“คุณหนูสามตระกูลซู?” เธอไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมถึงมาคบกับไอ้สวะนี่?”

“เพี้ยะ!”

ครึ่งหน้าของเหยียนจินเฟิ่งปรากฏรอยนิ้วมือเด่นชัดทั้งห้าในพริบตาเดียว

“แกด่าสองประโยคฉันทนได้ แต่มาว่าสามีฉันเป็นไอ้สวะ ไม่ได้!”

เหยียนจินเฟิ่งสับสนมึนงง ความเจ็บปวดบนหน้า เนื่องจากความตกตะลึงในใจจึงมองข้ามไป

ให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดคุณหนูสามตระกูลซูถึงปกป้องพิหยางหยางขนาดนี้

“คุณซู ฉันคิดว่า……อาจเป็นการเข้าใจผิด……”

ฉินอวี้อวี่เอ่ยปากอย่างระมัดระวัง

“เขาก็แค่ไอ้สวะคนหนึ่ง……แค่นักต้มตุนที่ทำเป็นแค่ตั้งแผงลอยหลอกลวงคุณตาคุณยาย เกาะตระกูลฉินเรากินมาสามปี ไม่มีค่าอะไร……คุณถูกเขาหลอกใช่หรือเปล่า?”

“นั่นเพราะพวกแกมีตาแต่ไม่รู้จักหยกฝังทองต่างหาก!” ซูเสวี่ยฉิงพูดด้วยเสียงเย็นชา “ในสายตาพวกแก เขาเป็นไอ้สวะ แต่ในสายตาฉัน เขาคือหยกงาม!”

“นี่……”

ฉินอวี้อวี่ตะลึงงัน

ในใจเขาตื่นเต้น ตื่นตระหนก ราวกับมีม้านับหมื่นวิ่งผ่าน!

พี่เขยสวะของตัวเอง โชคดีอะไรขนาดนี้?

“แต่……เขาเอาหนึ่งล้านจากอวี้เจี๋ยไป ควรคืนให้เราหรือเปล่า?”

ถึงแม้ว่าเหยียนจินเฟิ่งจะหวาดกลัว แต่เธอนึกถึงหนึ่งล้านนั่น ใจไม่ยินยอมอย่างยิ่ง

“สามีฉันบอกแล้ว เขาไม่ได้เอาไป นั่นก็คือไม่ได้เอาไป!” ซูเสวี่ยฉิงเชิดคาง กล่าวอย่างสู้ไม่ถอย “อีกอย่างนะ สามีซูเสวี่ยฉิงอย่างฉัน จะขาดแคลนเงินเหรอ?”

สองแม่ลูกตกตะลึง เธอมองฉัน ฉันมองเธอ ราวกับหมามองดาว ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์เหยียนจินเฟิ่งดังขึ้น

เธอตกใจสะดุ้งโหยง เธอรีบร้อนรับสาย กดเปิดลำโพงโดยไม่ได้ตั้งใจ

“แม่ ถ้าพิหยางหยางกลับมาเอาของ พวกคุณอย่าไปทำให้เขาลำบากใจนะ หนึ่งล้านที่ฉันให้เขา เขาไม่เอา……”

สีหน้าเหยียนจินเฟิ่งกับฉินอวี้อวี่กลายเป็นกระอักกระอ่วนและน่าเกลียดเหลือเกิน

“ตอนนี้ฟังชัดยัง?”

พอวางสายไป พิหยางหยางคลี่ยิ้มตราตรึงใจ โน้มเอวไปหยิบกล่องไม้เก่าชำรุดที่ถูกฉินอวี้อวี่เหยียบอยู่

ฉินอวี้อวี่รีบปล่อย ถอยหลังไปสองก้าว

“จำเอาไว้ ตอนนี้เขาเป็นสามีฉัน หวังว่าต่อไปนี้พวกแกอย่ามารังควานเขาอีก”

ด้วยพลังออร่ามองเหยียดต่ำของซูเสวี่ยฉิงทั้งหมดทั้งมวล ทำให้สองแม่ลูก โน้มตัวลงโดยไม่รู้ตัว

เห็นซูเสวี่ยฉิงควงพิหยางหยางเดินไปที่เฟอร์รารี่คันนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าฉินอวี้อวี่ก็กระตุกสองสามที

เขาเกิดความรู้สึกจะเป็นบ้าแล้ว

ฉินซื่อไห่ที่ยืนหน้าประตูทางเข้า ทอดถอนหายใจยาวเหยียด

“ในกล่องคุณมีของล้ำค่าอะไร ถึงต้องกลับมาเอา?”

หลังจากขึ้นรถ ซูเสวี่ยฉิงมองกล่องไม้ในมือพิหยางหยางอย่างสงสัย พลางเอ่ยถาม

กล่องไม้เก่าชำรุด บนนั้นมีแม่กุญแจที่ไม่รู้มาจากยุคไหนแขวนอยู่ด้วย สนิมเขรอะเป็นจ้ำๆ

“ไม่มีอะไร เป็นของเล่นสมัยเด็กทั้งนั้น”

พิหยางหยางตอบอย่างเฉยชา

“คุณคิดว่าฉันโง่?”

ดวงตาคู่สวยของซูเสวี่ยฉิง กลอกตาใส่เขาอย่างรุนแรงหนึ่งที

รถขับออกมาจากเขตชุมชนหยางกวง แล้วจอดริมถนนอีกครั้ง

“ทำไมไม่ไปต่อ?”

“ยังเล่นไม่พอ?”

พิหยางหยางขมวดคิ้ว

“อะไรยังเล่นไม่พอ? คุณหมายความว่ายังไง?”

“ฉันรู้ คุณหนูใหญ่บ้านรวยอย่างพวกคุณ ชอบแสวงหาความสุขกับคนอื่น ฉันเล่นกับคุณมาตั้งนานแล้ว คุณไม่เหนื่อย?”

“ทำไมคุณคิดว่าฉันกำลังเล่น?” ซูเสวี่ยฉิงคว้าใบสมรสขึ้นมาแกว่งตรงหน้าเขา “ฉันจะเล่นแต่งงานกับผู้ชายสักคนเรื่อยเปื่อยเหรอ?”

พิหยางหยางสับสนมึนงง

เขาคิดให้หัวแตกก็คิดไม่ออก ตกลงคุณซูนี่คิดจะทำอะไรกันแน่

พวกเขาสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เขาก็ไม่มีทางหลงตัวเองคิดว่าเธออยากแต่งงานกับเขาจริงๆ หรอกนะ

“ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดจะทำอะไรกันแน่ คุณไม่เหนื่อย แต่ฉันเหนื่อยแล้ว”

พิหยางหยางหิ้วกล่องขึ้นมา ผลักประตูลงจากรถ

“เราเพิ่งแต่งงานกัน คุณก็คิดจะทิ้งฉันแล้วเหรอ?”

แต่เขาเพิ่งหันหลัง ด้านหลังก็มีเสียงซูเสวี่ยฉิงอันโศกเศร้าและคับแค้นใจดังลอยมา

รอบข้างมีคนเดินถนนจำนวนหนึ่ง ได้เผยแววตาใคร่รู้และเหยียดหยามออกมา

ราวกับเขาเป็นไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่งที่ต้องการทอดทิ้งภรรยาที่แต่งงานใหม่

เขาหันกลับมาอย่างจำใจ พลันเห็นเธอในสภาพจะร้องไห้ ในดวงตามีน้ำตาคลออย่างคาดไม่ถึง

“คุณหนูใหญ่ ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่? ทางเข้าสำนักกิจการพลเรือนมีคนหย่าเยอะแยะ ทำไมคุณถึงจับฉันไม่ปล่อย?”

พิหยางหยางค่อนข้างปวดหัวกลุ้มใจ

ซูเสวี่ยฉิงไม่ได้ตอบ

ในก้นบึ้งดวงตาเธอ ฉายประกายแวบเล็กน้อย

ในขณะที่ใจลอยเคลิบเคลิ้ม ความทรงจำหวนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน

ตอนนั้นเธอยังเรียนอยู่ สักวันหนึ่งในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว เธอกับเพื่อนร่วมห้องจำนวนหนึ่งขี่จักรยานเที่ยวเล่นริมแม่น้ำ มีรถคันหนึ่งขับออกมาโดยฉับพลัน ชนเธอพร้อมจักรยานตกลงไปในแม่น้ำ

บรรดาเพื่อนร่วมห้องรู้สึกลนลาน แต่พวกเธอว่ายน้ำกันไม่เป็นเลย เห็นเธอจะจมลงไปก้นแม่น้ำ

ทันใดนั้น เด็กชายคนหนึ่งปรี่เข้ามา กระโดดลงไปในแม่น้ำเย็นเฉียบโดยไม่ลังเลสักนิด พยายามเต็มที่ช่วยชีวิตเธอขึ้นมา

เพียงแต่ตอนนั้นเธอสลบไปแล้ว แม้กระทั่งเด็กชายคนนั้นแซ่อะไรก็ไม่รู้

หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เธอตามหาเด็กชายที่ช่วยชีวิตเธอทุกหนทุกแห่ง แต่เมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าคนที่ช่วยชีวิตเธอคือพิหยางหยาง เขาก็กลายเป็นลูกเขยตระกูลฉินไปแล้ว

สามปีมานี้ เธอให้ความสนใจพิหยางหยางอย่างเงียบๆ มาตลอด รู้ว่าเขามีชีวิตที่แย่ในตระกูลฉิน

ในเวลาเดียวกัน ซูเสวี่ยฉิงเองก็ตกอยู่ในความลำบากเช่นกัน

เพื่อผลประโยชน์ ครอบครัวบีบบังคับให้เธอแต่งงาน ให้เธอแต่งงานกับคนที่ตนเกลียดเหลือเกิน

เธอไม่ยินยอม หลังจากรู้ข่าวว่าวันนี้พิหยางหยางจะหย่ากับฉินอวี้เจี๋ย เธอได้ทำการตัดสินใจหนึ่งอันน่าตะลึง——

เธอต้องการให้โอกาสกับพิหยางหยางสักครั้ง และให้โอกาสตัวเองสักครั้ง

จึงแสดงละครฉากนั้นที่สำนักกิจการพลเรือนลงไป

……

เห็นพิหยางหยางขึ้นรถอีกครั้ง ซูเสวี่ยฉิงจากน้ำตากลายเป็นรอยยิ้ม “คาดเข็มขัดนิรภัยให้ดี……”

ด้วยคำสั่งของซูเสวี่ยฉิง พิหยางหยางขับรถเข้าไปในตึกสำนักงานใหญ่ของซูซื่อ กรุ๊ป

หลังจากลงรถ ซูเสวี่ยฉิงวิ่งไปที่ร้านดอกไม้ละแวกตึกก่อน ซื้อกุหลาบแดงเพลิงมาช่อหนึ่ง

จากนั้นก็ควงแขนพิหยางหยางอย่างเป็นธรรมชาติ เดินประชิดเคียงบ่าเคียงไหล่เขาเข้าไปในตึกสำนักงาน

ได้กลิ่นหอมสดชื่นจากตัวผู้หญิง รู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดเพราะหน้าอกนุ่มนิ่มของเธอประชิดแขน พิหยางหยางควบคุมความหวั่นไหวในใจไม่ได้

“ประธานซูสวัสดีครับ!”

“ประธานซูสวัสดีค่ะ!”

ทั้งสองเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานในนั้นต่างพากันตะโกนด้วยความเคารพ

เพียงแต่ ยากที่จะปกปิดความประหลาดใจในดวงตาพวกเขา

แทบทุกสายตาหยุดที่ร่างพิหยางหยางกันหมด ทยอยกันคาดเดาในใจว่าท่านนี้คือใคร

“คิดไม่ถึงเลย ท่านประธานของเราจะมีช่วงเวลาที่ออดอ้อนหนุ่มด้วย……”

“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? ดูหล่อจัด……”

“ไม่เคยได้ยินว่าประธานซูมีแฟนนะ ทำไมจู่ๆ โผล่มาหนึ่ง?”

เมื่อซูเสวี่ยฉิงกับพิหยางหยางเข้าไปในลิฟต์ บรรยากาศตึงเครียดในล็อบบี้ถึงจะผ่อนคลายลง

พนักงานเหล่านี้ มองบริเวณทางเข้าลิฟต์ สงบสติอารมณ์ไม่ได้เป็นเวลานาน

สำหรับพวกเขาแล้ว วันนี้เหมือนจะได้สอดรู้สอดเห็นครั้งใหญ่

“อุ๊ยตาย!”

ทันใดนั้น มีคนอุทานด้วยความตกใจ

สิบกว่าสายตาอันตกตะลึงหยุดที่ร่างผู้นั้นในชั่วพริบตา

“พรุ่งนี้วันหมั้นประธานซูกับคุณชายเย่ นี่มัน……ไม่ใช่เรื่องที่แย่เหรอ?!”

……

พิหยางหยางตามซูเสวี่ยฉิงมาถึงห้องทำงานท่านประธานชั้นสิบเจ็ด

ในห้องทำงาน สตรีคนหนึ่งวัยสามสิบต้น สวมชุดทำงานสีดำ สีหน้าค่อนข้างน่าเกรงขาม กำลังรอคอยอยู่นานแล้ว

“ประธานซู คุณกลับมาแล้วเหรอ”

ทันทีที่ซูเสวี่ยฉิงเข้าประตูไป พลังอำนาจทั่วร่างพลันเปลี่ยนแปลง “พี่ลี่ ปิดประตู”

พี่ลี่เดินไปปิดประตูเดี๋ยวนั้น

ทันใดนั้น ซูเสวี่ยฉิงก็ปล่อยพิหยางหยาง แล้วยื่นกุหลาบแดงในมือให้พี่ลี่

พิหยางหยางมองสภาพแวดล้อมในห้องทำงานด้วยความสงสัยหนึ่งที

นึกแล้วเชียวสมแล้วที่เป็นห้องทำงานท่านประธานหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งชิงเจียง

ห้องทำงานสามร้อยตารางเมตรถ้วน ตกแต่งได้ใหญ่โตหรูหรา

หน้าต่างทรงสูงกว้างขวางสว่างจ้า วิสัยทัศน์เปิดกว้าง

โต๊ะทำงานขนาดใหญ่พิเศษ เก้าอี้ผู้บริหารหนังแท้พื้นที่กว้าง ไม่มีพื้นที่ใดไม่นำเสนอความพิเศษของฐานะท่านประธาน

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

ซูเสวี่ยฉิงนั่งเก้าอี้ผู้บริหาร ทั่วร่างเผยพลังออร่าราชินีออกมาทันที

“ดีมาก แต่ละกระทู้ในชิงเจียงกระหน่ำลือข่าวเรื่องประธานซูเป็นแฟนกับผู้ชายคนหนึ่ง และสงสัยว่าได้เข้าไปจดทะเบียนสมรสกันที่สำนักกิจการพลเรือน”

“แต่ข่าวลือในเน็ตไม่ค่อยน่าฟัง บอกว่าเขาเป็นไอ้แมงดาที่ถูกตระกูลฉินไล่ออกจากบ้าน เป็นนักต้มตุนที่มุ่งหลอกคุณตาคุณยายโดยเฉพาะ……”

พี่ลี่ตอบอย่างนอบน้อมทันที

ซูเสวี่ยฉิงมองไปยังพิหยางหยางที่ทำหน้าฉงน แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่ต้องสนเรื่องพวกนี้ เขาชื่อพิหยางหยาง เอาข้อตกลงให้เขา”

“ค่ะ ประธานซู”

ไม่นาน พี่ลี่ก็หยิบสัญญาฉบับหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วยื่นไปตรงหน้าพิหยางหยาง

ตั้งแต่พิหยางหยางเข้ามา ก็รู้สึกประหลาดอธิบายไม่ถูก

ตอนนี้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก คุณหนูสามตระกูลซูท่านนี้ คิดจะเล่นอะไรกันแน่

พิหยางหยางรับหนังสือข้อตกลงมาอย่างลังเล

“อะไร? หนังสือข้อตกลงแต่งงาน?”

พิหยางหยางเบิกตากว้าง

“คุณพิ คุณคงไม่คิดว่าการแต่งงานของคุณกับประธานซูคือเรื่องจริงหรอกนะ?”

เสียงพี่ลี่ค่อนข้างเยือกเย็นพร้อมความดูหมิ่น

“ฉันรู้ว่ามันปลอม แต่ในเมื่อมันปลอม ทำไมยังต้องเปลืองแรงขนาดนี้ด้วย? มอบทะเบียนสมรสให้พวกคุณ แล้วลบออกจากทะเบียนสมรสหนึ่งใบ สำหรับพวกคุณ มันไม่ยากหรือเปล่า?”

พิหยางหยางโยนทะเบียนสมรสในมือลงบนโต๊ะ

พูดจบ เขาก็หันตัวจะออกไป

“เดี๋ยวก่อน!”

แต่เขาเพิ่งหันตัว ก็มีเสียงซูเสวี่ยฉิงลอยมาจากด้านหลัง

“คุณซู ฉันเล่นละครกับคุณจบแล้ว คุณคิดจะทำอะไรอีก?”

“ฉันอยากให้คุณเซ็นสัญญาข้อตกลงแต่งงานฉบับหนึ่งกับฉัน” ซูเสวี่ยฉิงมองเขา กัดริมฝีปากแล้วพูดขึ้น

“สนุกเหรอ? ในเมื่อมันปลอม จะทำเรื่องพวกนี้ไปอีกทำไม?” พิหยางหยางไม่เข้าใจ ทำหน้าฉงนงุนงง

“ฉันต้องการให้คุณเป็นสามีฉันหนึ่งปี”

ได้ยินประโยคนี้จากซูเสวี่ยฉิง พิหยางหยางก็ยิ้ม

“คุณซู นี่คุณคิดว่าฉันเพิ่งหย่า เป็นแค่เรื่องตลกในสายตาคุณ ก็เลยจะล้อฉันเล่นแบบนี้?”

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันจริงจัง”

ซูเสวี่ยฉิงยืนขึ้นมา ในสายตาเผยความจริงใจเล็กน้อย

“ฉันประสบปัญหา ต้องการให้คุณช่วยฉัน”

“ทำไมฉันต้องช่วยคุณ?”

พิหยางหยางพูดอย่างไม่แยแส

ฉับพลันนั้น เหมือนเขานึกอะไรบางอย่างได้ ก้มศีรษะมองที่ตัว มีเสื้อผ้าอีกสองตัวหิ้วอยู่ในมือ

“ของพวกนี้ฉันจะคืนคุณ”

เขาวางเสื้อผ้าในมือลง

ซูเสวี่ยฉิงมองเขาอย่างใคร่ครวญ “บนตัวล่ะ ก็เป็นตัวที่ฉันซื้อ ถอดสิ!”

พิหยางหยางอึ้ง

เสื้อผ้าเก่าของเขาถูกซูเสวี่ยฉิงทิ้งใส่ถังขยะไปแล้ว

เสื้อตัวนอกถอดได้ เปลือยหน้าอกออกไปไม่เป็นไรหรอก แต่กางเกงขาสั้นจะถอดได้อย่างไร?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel