ตอนที่ 4 ปฐพีโคตรทะเล้น
ช่วงหัวค่ำหลังจากที่ปฐพีเคลียร์งานในไร่จบ ชายหนุ่มมุ่งหน้าเดินกลับบ้านเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ทั้งวันคลุกอยู่กับดินและแดดจากเนื้อตัวสีขาวราวกระดาษก็เริ่มคล้ำขึ้น ทว่าสีผิวเข้มของปฐพีก็ขาวกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ
ในขณะที่เดินกลับบ้านมาจากท้ายไร่ ชายหนุ่มสังเกตเห็นรถคันสีแปลกตาจอดอยู่ด้านหลังบ้าน เหมือนเจ้าของมันกำลังพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติด ปฐพียืนสังเกตมองอยู่แบบนั้นเป็นเวลานานพอตัว จนคนด้านในลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดหน้ากระโปรงรถยนต์คันเก่า สภาพน่าจะใช้งานมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี
"เป็นอะไรเนี่ยละอ่อน"
ใบข้าวเรียกรถคันโปรดว่าละอ่อน สาเหตุที่เรียกมันเพราะอยากให้ดูขัดกับสภาพที่เริ่มเก่าตามวันเวลา พักหลังมันงอแงหนักมากเข้าอู่ก็บ่อยครั้งหากจะถอยคันใหม่ก็กังวลว่าจะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อีกทั้งช่วงก่อนหน้านี้ก็ตกงานมานานหลายเดือน
"รถเป็นอะไรครับ"
เจ้าของรถหันกลับไปมองต้นเสียง ทว่าก็เป็นลูกชายของคุณอาเจ้าขาในสภาพมอมแมมเดินตรงเข้ามา
"รถสตาร์ทไม่ติด"
ปฐพีมุดหน้าโน้มเข้าห้องเครื่องของรถคันเก่า ใช้มือจับมุมโน้นมุมนั้นราวกับรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
"พี่ไม่ใช้น้ำมันไดเกียวเหรอ"
"เกี่ยวกับอะไรกับน้ำมันไดเกียว"
ใบข้าวถามกลับด้วยความงง รถยนต์มันต้องใช้น้ำมันประเภทนี้ด้วยเหรอ
"เอ้า ก็เครื่องฟิต สตาร์ทติดง่ายไง"
"ฉันไม่ตลก"
ปฐพีแค่ต้องการหยอกคนอายุมากกว่าที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่นานเท่านั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับรับมุกของเขาไม่ทัน ใบข้าวไม่ขำกับสิ่งที่อีกคนกำลังเล่นเพราะในตอนนี้ต้องรีบกลับไปคอนโดที่อยู่ห่างจากไร่เกือบ 50 กิโล หากคำนวณไปกลับก็เกือบร้อยกิโลเมตรก็ว่าได้
"ล้อเล่นน่า"
“...”
ชายหนุ่มก็ยังยิ้มแหย่ใบข้าวอย่างไม่รู้สึกรู้สา ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับดูมีเสน่ห์ชวนให้มอง ไม่แปลกใจเลยทำไมคุณอามักบอกว่ามีผู้หญิงมาหาลูกชายที่ไร่ก็บ่อยครั้งจนทำประตูรั้วสูงกั้นไว้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามา คนตัวโตยืนมองรถใช้มือเท้าขอบกระโปรงและเพ่งมองห้องเครื่องอย่างจริงจัง มือหนาจับส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายของขั้วแบตและอย่างอื่นที่ใบข้าวเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พลันดูทะมัดทะแมงยามอยู่กับพวกเครื่องยนต์ประเภทนี้
"ผมว่าถ้าแบตไม่เสื่อมก็ไดชาร์จเสีย"
"...."
ใบข้าวทำหน้างงเล็กน้อย แม้จะขับรถเป็นทว่าก็ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกนี้เลย เกิดอะไรขึ้นมานิดหน่อยก็ขับเข้าอู่ให้ช่างดูเป็นส่วนใหญ่
"แล้วต้องทำยังไง"
"เปลี่ยนแบต"
คนฟังกัดปากตัวเองหลวมๆ ช่วงเวลาพลบค่ำแบบนี้จะไปหาร้านที่ไหนมาเปลี่ยนให้ จากนั้นหยิบมือถือเลื่อนไถฟีดเหมือนหาอะไรบางอย่าง
"พี่จะเรียกช่างเหรอ"
"เรียกรถแท็กซี่ที่เขาบริการนอกสถานที่"
"เฮ้ย พี่จะเรียกมารับที่ไร่เนี่ยนะ"
ใบข้าวพยักหน้า เธอต้องการเรียกรถแท็กซี่มารับเธอที่นี่จริงๆ เพราะในตอนนี้หากรอเปลี่ยนหรือรอซ่อมรถก็คงไม่ทันแล้วเสียเวลาไปมาก หญิงสาวทวนเบอร์ที่ปรากฏขึ้นในกูเกิ้ลจากนั้นก็กดหมายเลขสิบหลักเพื่อต่อเรียกรถมารับกลับไปยังคอนโด ยังไม่ทันจะโทรออกมือหนาของคนเด็กกว่าถือวิสาสะดึงออกเจ้าของมัน
“ไม่ต้อง”
“….”
“พี่จะกลับคอนโดใช่ไหม ผมพาไปเอง”
“….”
ได้ยินก็แอบย่นคิ้วเล็กน้อย ดูจากสภาพปฐพีน่าจะเหนื่อยจากงานในไร่ ไม่น่าจะขับรถได้ไกลขนาดนั้น
“ผมบอกว่าจะพาพี่ไปเอง ไม่เห็นต้องงงเลย”
ใบหน้าคนหนุ่มยิ้มผุดขึ้นอีกครั้งเป็นการอาสาพาพยาบาลสาวของพ่อกลับไปคอนโด แม้ปฐพีจะเหนื่อยอย่างมากจากการทำงานในไร่ทว่ากลับเต็มใจอยากพาใบข้าวไปทำธุระของเธอให้เสร็จ
“จะพาไปเองเหรอ”
“อืม พี่เข้าไปรอในบ้านก่อน ผมขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัว 20 นาที ตอนนี้ผมเหนียวตัวและตัวเหม็นจะแย่”
เดินเข้าใกล้แล้วกระพือเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมออกเห็นแผงหน้าอกลามมายังกล้ามท้อง เป็นผลให้ใบข้าวต้องเอนตัวหลบเมื่ออีกฝ่ายเข้าประชิดตัวจนตั้งตัวไม่ติด
“คุณ!!”
“เหม็นป่ะหรือว่าหอม”
ยกริมปากยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แม้จะเจอกันเป็นทางการแค่วันเดียวปฐพีกลับทำตัวสนิทสนมใบข้าวจนอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูก ทว่าก็คงอยากอยู่ร่วมกันแบบสงบ
“ก็รีบไปอาบน้ำสิ มาอวดซิกแพกอะไรตอนนี้”
“รู้ด้วยเหรอว่าผมอยากอวด”
เหมือนทั้งสองจะรู้ทันกันดี ใช่! ปฐพีอยากอวดเพราะเป็นผู้ชายที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก มีดีตรงไหนก็อยากให้เห็นตรงนั้น คนเด็กกว่ายังยิ้มไม่หุบเมื่อใบข้าวประหม่ากับการกระทำของตัวเอง จากนั้นเดินนำหน้าเข้าตัวบ้าน โดยมีคนร่างเล็กเดินตามไปติดๆ แม้ว่าใบข้าวจะมีอายุมากกว่าปฐพีทว่าใบหน้าของเธอกลับดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กยี่สิบต้นๆ ทั้งที่ปีนี้อายุก็ครบยี่สิบแปดบริบูรณ์ แม้จะเข้าใกล้วัยเลขสามก็ยังตัวเล็กราวกับเด็ก เล็กถึงขนาดที่ปฐพีสามารถจับอุ้มพาดบ่าด้วยมือข้างเดียวได้อย่างสบาย
“รีบๆ นะ กว่าจะไปกว่าจะกลับคงดึกน่าดู”
“รู้แล้วครับคุณพยาบาล”
ปฐพีเดินขึ้นบันไดหายเข้าไป ใบข้าวยกมือถือเขี่ยหน้าจอเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอคนเด็กกว่าแล้วเริ่มเปลี่ยนสีหน้าเมื่อมองเห็นอะไรบางอย่างบนจอมือถือ สูดหายใจเข้าลึกลงปอดจากนั้นนัยน์ตาก็แดงก่ำขึ้นราวจะร้องไห้ คนบนจอคือแฟนหนุ่มที่ไปเรียนต่อแล้วไม่ยอมติดต่อกลับมา ทว่ากลับมีเวลาอัปสตอรี่ลงโซเซียลดูมีความสุข โดยที่ใบข้าวดันเป็นคนที่คิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว ไม่รู้เลยว่าตอนนี้สถานะและความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มันจะเป็นยังไงต่อ แต่อีกไม่นานแฟนหนุ่มก็จะกลับมาเมืองไทยในอีกสามเดือน ถึงตอนนั้นคงได้เคลียร์ในสิ่งที่ค้างคาในใจ
“เป็นอะไร”
ใบข้าวนั่งเหม่ออยู่นานและไม่ทันสังเกตว่าปฐพีลงมาตั้งนานแล้ว รีบใช้หลังมือซับน้ำตาที่มันซึมไม่แสดงให้อีกคนได้เห็น แต่มันก็คงไม่ทันเมื่อปฐพีเห็นแม้กระทั่งหน้าผู้ชายที่ใบข้าวใช้นิ้วมือเกลี่ยเบาๆ บนหน้าจอ
“งั้นเราไม่กันเลย” ใบข้าวลุกยืนเตรียมก้าวเท้าออกนอกบ้าน
“ผู้ชายมีมากกว่าฝูงหมา”
“….” ใบข้าวมองหน้าปฐพี
“จะไปเสียเวลาให้คนคนนั้นทำไม มองออกไปให้ไกลไปหาคนใหม่ยังมีคนที่ดีกว่า ชีวิตเป็นของเธอเก็บไว้ที่เธอ อย่าเอาฝากไว้กับใคร ปล่อยเขาไป ถ้าเขาไม่เต็มใจจะอยู่”
กลายเป็นการเดินร้องเพลงที่เสียดแทงหัวใจดวงน้อยของใบข้าว คนฟังได้แต่เจ็บลึกกลั้นอาการที่อั้นอัดมานาน จากนั้นเดินตามชายหนุ่มขึ้นรถสปอร์ตคันเดิมคนที่ปฐพีขับหนีลูกปืนผัวชาวบ้าน
ยังไม่ทันจะสตาร์ทรถให้เครื่องยนต์ติด มือถือของใบข้าวก็ดังขึ้น เบอร์ที่โชว์ปรากฏตรงหน้ารู้ทันทีเลยว่าโทรมาจากต่างประเทศ และมันก็ไม่มีใครต้องเป็นแฟนหนุ่มที่ชื่อว่า อรรณพ
“พี่หมอ”
จากสีหน้าเศร้าเปลี่ยนเป็นความสดใสเมื่อผู้ชายที่โทรมาคือแฟนหนุ่มจริงๆ อรรณพเป็นแพทย์ชายแล้วไปเรียนต่อเฉพาะทางเพื่อกลับมาดูแลโรงพยาบาลของพ่อที่จะเปิดใหม่เป็นโรงพยาบาลเอกชนซึ่งจะรักษาโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูกโดยเฉพาะ
“จะกลับมาแล้วใช่ไหม ดีใจจัง ไว้เจอกันนะคะ”
น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความดีใจอย่างมากเมื่อหมออรรณพจะกลับประเทศไทยในอีกเดือนหน้า โดยที่ปฐพีที่ได้แต่นั่งฟังไม่เชิงเสียว่าหมั่นไส้แต่ทว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะน้ำคลอกับการมองรูปไอ้หนุ่มหน้าหล่อ
“เพิ่งนั่งร้องไห้ไปหยกๆ” ปฐพีเอ่ยขึ้นมาลอยๆ แต่ก็เป็นการเหน็บแนมใบข้าว
“ใครร้องไห้”
“ก็คุณไงครับคุณพยาบาล ผมเห็นนะ”
“แอบดูเหรอ”
“ใครแอบ ผมมายืนข้างหลังพี่ตั้งนานพี่ไม่รู้ตัวเองต่างหาก”
“ไม่มีมารยาทเลยนะคะ”
ใบหน้างอง้ำเมื่อปฐพีแอบเห็นในจังหวะที่กำลังน้ำตาเพราะคิดถึงแฟนหนุ่ม ได้แต่เบือนสายตาออกไปนอกหน้าต่างเพราะตอนนี้รู้สึกอายที่อีกฝ่ายดันมาเห็นมุมที่อ่อนแอ