ตอนที่ 3 โลกกลมหรือพรหมลิขิต
หนึ่งอาทิตย์กับการนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อนและไม่มีส่วนไหนได่รับการกระทบกระเทือนจากการตกบันไดในครั้งนี้ แพทย์ที่ดูแลก็อนุญาตให้กลับบ้านไปพักรักษาตัวต่อได้
“ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วนะ กลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อได้เลย”
“ขอบใจมึงมากนะไอ้หมอ”
ปรเมศเอ่ยขอบคุณรุ่นน้องที่อายุห่างกันไม่กี่ปีที่อยู่ช่วยรักษาและเฝ้าดูอาการตลอดการนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล
“รู้ว่าตัวเองแก่บ้างไหม ระวังตัวบ้างนะพี่”
คุณหมอเอ่ยแซวรุ่นพี่อย่างปรเมศ ทว่าก็หวังเตือนให้เจ้าตัวรู้จักระวังมากขึ้นครั้นอายุอานามไม่ใช่น้อยๆ
“รู้แล้วน่าไม่ต้องมาย้ำว่าแก่”
“ขอบคุณมากนะครับอาหมอ” ปฐพียกมือไหว้ขอบคุณ
“หน้าที่อาอยู่แล้ว...ส่วนพยาบาลที่พีขอ อาจัดการให้แล้ว”
“ครับ”
เมื่อทุกอย่างไม่มีอะไรต้องห่วง ก็พยุงกันนั่งรถเข็นเตรียมตัวกลับบ้าน ไปพักฟื้นให้กลับมาเป็นปกติและแน่นอนว่าช่วงนี้พ่อเลี้ยงผู้เคยแพรวพราวในสมัยยังหนุ่มแน่นต้องนั่งรถเข็นหรือวีลแชร์ไปสักพักจนกว่าทุกอย่างจะหายดี งานในไร่ทั้งหมดจึงตกอยู่ในความรับผิดชอบของปฐพี ลูกชายคนโตของตระกูลภูมิดินที่ต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง จากเดิมแค่ช่วยพ่อดูในส่วนของเอกสารและซ่อมบำรุงรถทางเกษตรที่พอมีความรู้มาบ้าง ในตอนนี้ปฐพีต้องจัดการทุกอย่างแทนพ่อทั้งหมดอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงหรือหาข้ออ้างได้เหมือนแต่ก่อน
“นายน้อยครับ บิลค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง”
ไข่นุ้ยลูกน้องคนสนิทของพ่อเลี้ยงในตอนนี้กลายมาเป็นพี่เลี้ยงของปฐพีและช่วยงานทุกอย่างในไร่ ปฐพีถือว่ายังใหม่สำหรับการทำงานมากพอสมควร ช่วงเวลา 6 เดือนยังไม่แก่ประสบการณ์จึงจำเป็นต้องอาศัยไข่นุ้ยคอยให้คำแนะนำอีกแรง
“เดือนนี้ 3 หมื่นเลยเหรอน้าไข่”
ค่อนข้างช็อกกับบิลค่าน้ำมันในแต่ละเดือนทำไมมันมากมายขนาดนี้ ทว่ามันก็สมควรกับการทำเกษตรในพื้นที่เป็นพันไร่ ไหนจะค่าซ่อมบำรุงรถไถรถกระบะและรถประเภทอื่นที่ทยอยเรียงแถวกันเสื่อมสภาพจนต้องมีอู่ประจำเพื่อใช้บำรุงรักษา
“ถือว่ายังน้อยนะครับคุณพี ช่วงนี้หน้าดินไม่ค่อยดีเลยต้องพักบางส่วนค่อนข้างเยอะ”
“ค่าซ่อมก็ปาไปเกือบแสน”
ยืนมองอุปกรณ์ทางการเกษตรที่จอดเรียงแถวเป็นหน้ากระดานเพื่อรอซ่อมบางส่วนก็ซ่อมเรียบร้อย ทว่าบางคันอยู่ตั้งแต่ปฐพียังไม่เกิด หากยังฝืนใช้งานอยู่แบบนี้คงต้องซ่อมกันยืดเยื้อไม่สิ้นสุด ยิ่งจะทำให้งบต่างๆ ของไร่บานปลายเกินความจำเป็น
“น้าไข่”
“ว่าไงครับ”
“เอาคันนั้นออกมาสิ”
ไข่นุ้ยยืนงงอยู่พักหนึ่งก่อนจะเรียกคนงานอีกหลายคนนำรถลากมากพ่วงรถกระบะคันเก่าออกไปยังโรงจอดรถขนาดใหญ่ที่ปฐพีให้พ่อสร้างขึ้นเพราะมีรถหลายคันจอดตากแดด
“อย่าบอกนะว่าจะซ่อมเอง”
“อืม น้าไข่ลองคิดดูให้ช่างมีซ่อมหมดกี่บาท”
“…”
“ผมไม่ได้งกนะ แต่แค่รู้สึกว่าของแบบนี้มันไม่ต้องถึงมือช่างก็ได้”
พูดเสร็จคนเป็นหนุ่มก็ถอดเสื้อออกในทันที จากนั้นยกกล่องเครื่องมือออกมาหาอุปกรณ์ที่พอซ่อมบำรุงรถคันเก่าได้ ร่างกำยำนอนบนไม้กระดานมีล้อแล้วเลื่อนตัวเองเข้าท้องรถหลังจากไข่นุ้ยใช้แม่แรงช่วยยกตัวรถคันเก่า คนอายุมากกว่าผู้ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการซ่อมก้มมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพ่อเลี้ยงปรเมศที่กำลังมุดใต้ท้องรถ
“โห! นายน้อย ซ่อมรถเป็นด้วย”
“พอได้น้าไข่ แต่อันไหนทำไม่ได้ ผมจะให้เรียกช่างมาดู”
ปฐพีพูดในขณะที่ยังวุ่นวายอยู่ใต้ท้องรถโดยมีไข่นุ้ยเป็นลูกมือช่วยหยิบเครื่องมือส่งให้เรื่อยๆ
“พี พีลูก!!”
เมื่อถูกเรียกเจ้าของชื่อก็ชะงักการจดจ่อกับสิ่งที่ทำ ใช้สนเท้าที่สวมรองเท้าผ้าใบขาดๆ ดันล้อกระดานให้ไถตัวเองจากใต้ท้องรถ ชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพเปื้อนดินและคราบน้ำมันที่ติดใต้ท้องรถลุกขึ้นในยามที่เจ้าขาเรียก เป็นจังหวะที่ปฐพีหันไปเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของแม่โดยไม่ทันสังเกตว่าเป็นใคร
“แม่มีอะไร”
“อาหมอส่งพยาบาลมาให้พ่อแล้ว”
เจ้าขาเบี่ยงตัวเองไปทางด้านซ้าย คนตรงหน้าปรากฏขึ้นเต็มตัวจนเป็นผลให้ปฐพีตาเบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าพยาบาลที่อาหมอจะส่งมาคือคนที่เขากระโดดกอดเมื่อไม่กี่วันมานี้ ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็อ้าปากค้างในการได้เจอปฐพีอีกครั้ง แต่คราวนี้ชายหนุ่มกำลังถอดเสื้อและสวมกางเกงยีนสีซีดหลวมๆ จะหลุดสะโพกอยู่รอมร่อจนเห็นขนเซ็กโผล่ขึ้นมา การแต่งตัวไม่ต่างจากพ่อเลี้ยงสมัยเป็นหนุ่ม ร่างกำยำเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเมื่ออากาศค่อนข้างร้อน ดวงตาสีน้ำตาลยังคงเพ่งมองเรือนร่างของปฐพี มันไม่ใช่การมองแบบมีเลศนัย แต่กำลังมองว่าใช่ผู้ชายที่เข้ามากอดเธอด้วยเหตุผลหนีผัวคนอื่นตามทำร้ายมาหรือเปล่า
ใช่ ผู้ชายคนนั้นจริงๆ
“นายน้อย มองตาไม่กะพริบเลยนะ”
เสียงของหน้าไข่ดึงสติอันแตกตื่นของคนอายุน้อย ปฐพีสะบัดใบหน้าแล้วหันไปคุยกับแม่ ความระแวงเริ่มเกิด กลัวว่าพยาบาลคนสวยของพ่อจะพูดเรื่องวันนั้นให้แม่ฟัง หากเป็นแบบนั้นแม่ต้องหยิกหูขาดแน่
“คนนี้เหรอครับ”
“ใช่ ใบข้าว”
ปฐพีลากสายตามองใบข้าวอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างตกใจพอสมควรที่ได้กลับมาเจอกันอย่างไม่ตั้งใจ โลกกลมหรือพรหมลิขิตก็ไม่รู้ที่ทำให้เจอกันอีกครั้ง ทว่าคนที่ลกลนมากที่สุดไม่พ้นปฐพี
“ไหว้พี่เขาสิ”
เจ้าขาสั่งให้ลูกชายมีมารยาทเมื่อใบข้าวมีอายุแก่กว่าปฐพี 2 ปี ต่อให้ลูกชายไปอยู่ต่างประเทศไปตั้งแต่เด็กในเรื่องของการเคารพคนแก่กว่ายังต้องมีเพราะเป็นขนบธรรมเนียมของไทย จากนั้นเจ้าขาก็พาใบข้าวไปนั่งคุยถึงการทำงานตลอดระยะที่ดูแลพ่อเลี้ยงโดยมีปฐพีเข้ามานั่งคุยด้วยเพราะทุกอย่างในบ้านเขาต้องดูแลและจัดการ
“อาหมอเสนอเงินเดือนไปสองหมื่นห้า แต่แม่คิดว่าจะให้พี่ข้าวเขาสามหมื่นและพักอยู่บ้านเราเลย พีจะติดอะไรไหมลูก”
“มะไม่ติดครับ ที่บ้านห้องว่างมีตั้งหลายห้อง” ตะกุกตะกักพอสมควรเมื่อเห็นแววตาของใบข้าวที่แอบมองเป็นครั้งคราว อีกทั้งเธอยังดูสนิทกับแม่ทั้งที่เพิ่งเจอกันได้แค่วันเดียว
“โอเค งั้นข้าวย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เลย แล้วจะมีวันหยุดให้ 1 วันเป็นฟรีเดย์ของข้าวไปเลย แต่การอยู่ที่นี่มันต้องทำงานดูแลพ่อเลี้ยงตลอดจนกว่าจะนอน อาจะให้เราเดือนละ 4 หมื่นนะข้าว”
คำพูดคำจาราวกับคนสนิทมาเป็นสิบๆ ปี ก็เพราะเจ้าขากับใบข้าวดันรู้จักกันมาก่อนเพราะพยาบาลสาวเป็นลูกสาวของเพื่อนร่วมชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยและยังเคยไปร่วมงานรับปริญญาของใบข้าวตอนเรียนจบพยาบาลอีกด้วย ฉะนั้นเจ้าขาเลยไว้ใจที่จะให้ลูกสาวของเพื่อนมาดูแลสามี
“ได้ค่ะคุณอา” หญิงสาวตอบรับการจ้างงานที่เหนือความคาดหมายเพราะไม่รู้ว่าคนที่คุณอาหมอให้มาดูแลคือพ่อเลี้ยงปรเมษ สามีคุณอาเจ้าขา
ฉิบหายแล้วปฐพี
“แล้วนี่คือลูกชายคนโตของอา ข้าวน่าจะเคยเห็นแต่เจ้าแฝด”
“แล้วตอนนี้เด็กๆ เป็นยังไงบ้างคะ”
“สามวันดีสี่วันไข้”
ในส่วนของปฐพีก็ยังนั่งมองหน้าใบข้าวที่กำลังยิ้มละมุนละไมกับเจ้าขา แม้อีกฝ่ายจะชำเลืองหางตามองมาบ้างทว่าเจ้าตัวก็เบือนหนีเพื่อไม่ให้ใบข้าวรู้ตัวว่ากำลังนั่งจ้อง เมื่อคุยและตกลงกันจบเจ้าขาก็ขอตัวออกไปดูเด็กแฝด ปล่อยให้ปฐพีและใบข้างอยู่ด้วยกัน
“เอ่อ..พี่” จู่ๆ ก็ประหม่าขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นเมื่อเจอใบข้าวอีกครั้ง
“พูดมาเลย”
“พี่อย่าบอกแม่นะ ว่าวันนั้นผมโดนทำตามทำร้ายเพราะไปยุ่งกับเมียเขา”
“คุณอาบอกว่าลูกชายคนโตเป็นคนดี”
“โธ่พี่ ผมก็มีมุมเกเรตามประสาผู้ชาย แต่ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ”
“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจ”
คนฟังพอเข้าใจในความหมาย พยักหน้าเบาๆ เมื่อท่าทางอีกฝ่ายกลัวว่าเรื่องคืนนั้นจะถึงหูแม่ กำลังจะลุกทว่าปฐพีก็คว้าแขนคนอายุมากกว่าเอาไว้
"พี่สัญญาก่อนว่าจะไม่พูด"
"ก็บอกว่าโอเค ก็แปลว่าไม่พูด"