ตอนที่ 3 ฐานะที่แท้จริง
หยงว่านชิงตื่นขึ้นในตอนเช้า เมื่อนางค่อยๆขยับตัวขึ้นก็รู้สึกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปปวดร้าวมากจนแทบจะลุกไม่ขึ้น เพราะคุณชายของนางทำเอาเหนื่อยเกือบทั้งคืนกว่าจะยอมให้นางได้พักผ่อน นางตกใจอีกครั้งเมื่อประตูเปิดออกมาพร้อมกับสาวใช้อีกสามคนที่เดินเข้ามา
“คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าน้อยชื่อว่าอาลี่ มีหน้าที่ดูแลคุณหนูนับจากนี้เจ้าค่ะ”
“อาลี่งั้นหรือ ข้าชื่อ..”
“คุณหนูหยง ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูเชิญไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านอ๋องทรงรออยู่ที่ห้องอักษรแล้วเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่เจ้าเรียกว่า....ท่านอ๋องงั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ จวนนี้เป็นจวนตากอากาศของท่านอ๋องชิงเย่หาน ผู้ที่พาท่านมาก็คือท่านอ๋องของพวกเราเจ้าค่ะ”
“ท่านอ๋อง….อ๋องชิง..ผู้ที่จะมาปกครองเมืองเฉินตูแทน..ท่านเจ้าเมืองคนเก่า”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูท่านเดินไหวหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าเดินไหว ขอบคุณเจ้ามาก”
“คุณหนูอย่าได้เกรงใจอาลี่เลยเจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะอยู่ข้างกายท่าน เรียกอาลี่เฉยๆก็ได้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นอาลี่ รบกวนเจ้าด้วย”
นางเดินไปทำธุระและอาบน้ำอุ่นที่สาวใช้ตระเตรียมให้ อาลี่แอบหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นร่องรอยบนกายของว่านชิง นางเองก็รู้สึกอายเล็กน้อย แต่อาลี่ได้แค่อมยิ้มและแอบหยอกนางอย่างสนิทสนมเพื่อสร้างความคุ้นเคย
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ไม่นานมันก็จะค่อยๆจางไปเองเจ้าค่ะคุณหนู”
“อาลี่ เจ้าอย่าพูดอีกเลย”
“คุณหนูอย่าได้อายไปเจ้าค่ะ ไม่สิ อีกไม่นานท่านคงเลื่อนขั้นเป็นพระสนมหรือไม่ก็พระชายาของท่านอ๋องเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“ไม่หรอก จะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน”
ว่านชิงอาบน้ำไปพร้อมกับคิดบางอย่าง เขาเป็นถึงท่านอ๋อง ชิงอ๋องที่จะมาปกครองแทนท่านพ่อของนางงั้นหรือ แต่เขามิได้พูดอะไรกับนาง และนางเองก็มิได้ถามเขาให้ชัดเจน แต่เหตุใดเขาต้องสั่งโจรพวกนั้นให้มาลอบฆ่าตนเองด้วย
“แผนปิดประตูตีแมว”
“เจ้าคะคุณหนู ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ”
“เปล่าๆ ข้าอาบเสร็จแล้ว อาลี่ช่วยข้าทีสิ”
“เจ้าค่ะๆ มาเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะผัดหน้าทำผมให้ท่านสวยๆจนท่านอ๋องตกตะลึงไปเลยเจ้าค่ะ”
“ตามใจอาลี่เลย”
“เชื่อใจข้าได้เลยเจ้าค่ะ”
อาลี่บรรจงทำผมให้นางอย่างดี นางรู้สึกถูกชะตากับหยงว่านชิงตั้งแต่ท่านอ๋องพานางเข้ามาในจวนเมื่อคืนนี้ จึงขอท่านอ๋องมาปรนนิบัติว่านชิง
ตอนนี้ว่านชิงหันไปมองรอบๆห้องก็พบว่าทั้งชุดและเครื่องประดับที่วางอยู่ล้วนเป็นของใหม่ที่เขาคงจัดเตรียมเอาไว้ นางไม่แน่ใจว่าเขาทำเช่นนี้บ่อยๆหรือไม่แต่นางก็ยังไม่กล้าถามอาลี่เพราะนางก็พึ่งจะรู้จักอาลี่ได้เพียงวันเดียว
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูท่านงดงามเหลือเกิน ท่านอ๋องสายตาช่างแหลมคมยิ่งนัก ผิวท่านทั้งขาวและเนียนละเอียดน่าอิจฉายิ่งนัก ไปเจ้าค่ะ ท่านอ๋องรอท่านนานแล้ว”
“ขอบใจนะอาลี่ แล้วข้าต้องไปที่ใด”
"ตามอาลี่มาเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปเอง
ห้องหนังสือ
“ท่านอ๋อง คุณหนูมาแล้วเพคะ”
“ให้นางเข้ามาได้ จงหมิงเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จงหมิงเดินจะออกไปตามคำสั่งเมื่อเปิดประตูให้หยงว่านชิงเข้ามา จงหมิงถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่านชิงที่หน้าประตู ท่านอ๋องเองก็แอบเห็นแล้วเช่นกัน
“จงหมิง ยังไม่รีบไปอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จงหมิงรีบเดินออกไปทันทีพร้อมกับอาลี่ที่ปิดประตูลงเมื่อนางเข้าไปด้านในห้องหนังสือแล้ว ว่านชิงหันไปมองประตูที่ปิดลงอย่างนึกสงสัยก่อนจะเดินมาถวายคำนับอย่างเต็มพิธีตามที่ได้ร่ำเรียนมา
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“มารยาทเจ้าดีเยี่ยมสมกับเป็นบุตรีของใต้เท้าหยงเหิงจริงๆ”
“ท่านอ๋องทรงทราบ!! พระองค์ทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว นี่เป็นสาเหตุที่พระองค์….ช่วยหม่อมฉันงั้นหรือเพคะ”
เขาวางพู่กันในมือลงและเงยหน้ามามองนางเต็มๆตาเป็นครั้งแรก เขารู้แล้วว่าเพราะอะไรจงหมิงจึงได้ตกตะลึงไปชั่วขณะ นางงดงามถึงเพียงนี้จะมีผู้ใดที่เห็นแล้วไม่ตกตะลึงบ้าง ผิวขาวดุจหิมะปากแดงระเรื่อเมื่อแต่งเติมเพียงเล็กน้อยกับชุดสีชมพูอ่อนพร้อมเครื่องประดับที่เข้ากับตัวนาง
“ข้า…..ใช่ ข้าได้ยินเจ้าตะโกนบอกแม่เล้านั่นว่าเจ้าเป็นผู้ใดจึงได้ช่วยเจ้าไว้”
“เช่นนั้นก็ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงกรุณาช่วยหม่อมฉันเพคะ ส่วนเรื่อง..”
“เรื่องที่เราตกลงกันไว้ คิดว่าคุณหนูหยงคงไม่ทำผิดคำพูดหรอกนะ หากคิดว่ารู้ฐานะของข้าและคิดว่าเมื่อคืนนี้ได้ตอบแทนบุญคุณแล้วคิดจะจากไป คงมิใช่เรื่องง่ายๆเช่นนั้นแน่ ข้าคิดว่าคุณหนูสกุลหยง บุตรีอดีตเจ้าเมือง เฉินตูคงมีสัจจะวาจามากพอใช่หรือไม่”
หยงว่านชิงปากสั่นไม่รู้ว่าจะตอบเขาไปเช่นไร เดิมทีก็กะจะพูดเรื่องนี้เช่นกันแต่เขากลับรู้ทันนาง เช่นนี้นางคงออกจากจวนอ๋องไปไม่ได้ง่ายๆเสียแล้ว
“นั่น…เพคะ หม่อมฉันรับปากพระองค์ไปแล้วย่อมไม่คืนคำ เพียงแต่ว่าหากเป็นเพียงคณิกาของพระองค์ มิได้ทำสิ่งใดที่เกิดประโยชน์หรือมีค่า หม่อมฉันคิดว่าคงเสียเวลาท่านอ๋องที่มีภารกิจมากเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่า…”
“ข้ามีงานและภารกิจให้เจ้าช่วยอย่างแน่นอน แต่นั่นไม่เกี่ยวกับข้อตกลงของเรา ข้ามีงานให้เจ้าทำเพื่อเจ้าจะได้รู้สึกว่าตนเองมิได้ไร้ค่าและยังมีเบี้ยหวัดให้เจ้าด้วย เป็นเช่นไร ยุติธรรมดีหรือไม่”
ว่านชิงหายใจไม่ทั่วท้อง เขาคิดการรอบคอบล้อมนางเอาไว้หมดทุกด้าน นางคงหนีไม่ได้อีกแล้วจริงๆ
“เช่นนั้น หม่อมฉันต้องขอบพระทัยท่านอ๋องที่เห็นความสามารถของหม่อมฉันเพคะ”
“ข้าเหนื่อยแล้ว วันนี้เจ้านวดไหล่ให้ข้าได้หรือไม่”
“เพคะ”
ว่านชิงเดินไปด้านหลังของเขาเพื่อนวดให้เขาเบาๆที่ไหล่ นางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ท่าทางจึงดูเงอะงะเมื่อจับไปที่ไหล่ของเขาและท่านอ๋องก็ร้องขึ้นมา
“โอ๊ย!!”
“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉัน…ขออภัยเพคะพระองค์เจ็บหรือเพคะ”
“ใช่สิ เจ้านวดไม่เป็นงั้นหรือ”
เขาแกล้งทำเป็นเจ็บทั้งๆที่นางยังไม่ทันได้ออกแรงนวดเลยด้วยซ้ำ แค่ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำอย่างอื่นมากกว่า
“คือว่าหม่อมฉันไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน แต่ว่าเรื่องนี้ อุ๊ย!!…”
นางไม่ทันได้พูดจบเขาก็ดึงนางลงมานั่งตรงตักและสบตานางทันที
“เช่นนั้นเจ้าก็คงต้องฝึกแล้ว แต่ตอนนี้…ข้าต้องการนวดที่อื่น…”
มือหนาเชยคางนางขึ้นให้รับจูบเขาทันที ว่านชิงไม่มีทางเลือก เขาไม่มีทางปล่อยนางไปในเร็ววันนี้เป็นแน่ นางคงต้องหาทางหนีทีไล่ให้ดีๆ หากวันใดเขานึกไม่ต้องการนางขึ้นมานางจะได้หาที่ทางสำหรับตัวเองได้
แต่ตอนนี้นางแทบจะคิดสิ่งใดไม่ออก ชุดที่บรรจงสวมเมื่อครู่ถูกเขาดึงออกจนหมด หน้าอกเปลือยตอนนี้อยู่ที่ปากและมือที่ล่วงล้ำเข้ามา
“อ๊ะ ท่านอ๋อง ที่นี่ไม่ได้นะเพคะ”
“เช่นนั้นก็ไปที่ห้องกัน”
“แต่ว่า…มีคนอยู่มากมายเช่นนี้....”
“หากผู้ใดกล้ามอง ข้าจะควักลูกตาพวกเขาเสียดีหรือไม่”
“ไม่ได้นะเพคะ อ๊าา ท่านอ๋อง”
“เจ้ากำลังทำผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้านะ ห้ามเถียงอย่างไรเล่า จูบข้าสิว่านชิง”
ว่านชิงโอบรอบคอเขาเอาไว้พร้อมกับท่านอ๋องที่ดึงเสื้อนางขึ้นมา สวมทับเพื่อบังคนข้างนอก นางยังจูบเขาตามคำสั่งเมื่อถูกเขาอุ้มออกจากห้องหนังสือไปยังห้องนอนใหญ่ของเขาฝั่งตรงข้ามห้องที่นางนอนพักเมื่อคืนนี้
ร่างนางถูกวางลงที่เตียงกว้างกว่าที่ห้องของนางพร้อมกับชุดที่พร้อมจะถูกถอดออกได้ทันที ไม่นานร่างเปลือยเปล่าของนางก็ไม่เหลืออาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว
“งดงามราวภาพวาด กลิ่นหอมราวกับดอกท้อที่บานสะพรั่ง หวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า …ว่านชิง ข้าจะไปที่ใดได้อีก เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก”
“อ๊าา ท่านอ๋องเพคะ อื้อ…”
“อย่ากลั้น ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่มีผู้ใดได้ยินพวกเรา ข้าสั่งให้พวกเขาออกไปแล้ว ไม่มีใครมารบกวนเราหรอก”