บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 แรกพบ

พอแผ่นหลังของหวงซานหานลับสายตา หวงซื่อซิงจึงยกมือเรียกน้องนางคนสวยที่อยู่ใกล้เข้ามาก่อนเอ่ยว่า “รบกวนจัดห้องให้ข้าหนึ่งห้อง และขอแม่นางให้ข้าสักสองคนด้วย”

น้องนางคนสวยขมวดคิ้ว แววตาสงสัยนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “คุณหนู ท่าน จัดเตรียมไว้สำหรับคุณชายท่านเมื่อกี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

หวงซื่อซิงก้มลงมองตัวเอง ออ ลืมไปว่าใส่ชุดผู้หญิงนี่ จึงได้แต่พยักหน้าส่งๆไป

น้องนางคนสวยผายมือขึ้นไปด้านบนชั้นสาม “ห้องมุมสุด ซ้ายมือของบันไดว่างอยู่เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะนำไปส่งนะเจ้าคะ”

หวงซื่อซิงรีบเอ่ยปฎิเสธ เขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น “ไม่เป็นไร เจ้าไปตามสาวๆ เถอะ เดี๋ยวข้าเดินขึ้นไปเอง”

น้องนางคนสวยย่อเข่าเคารพก่อนเดินจากไป

หวงซื่อซิงเดินขึ้นบันไดมาชั้นสาม ขณะเดินผ่านห้องหนึ่ง ซึ่งอยู่เกือบริมสุด แยกออกมาจากห้องอื่นที่เรียงกันอยู่ ได้ยินเสียงกระแทกอะไรสักอย่างเป็นจังหวะ สม่ำเสมอ

หวงซื่อซิงคิดในใจ มีของดีให้ดูแล้ว เป็นจังหวะแบบนี้ ในหอนางโลมแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ จะเป็นอะไรไปได้นอกจาก... คิดได้ดังนั้นจึงอ้อมไปด้านข้างของห้อง หน้าต่างเป็นเพียงกระดาษบาง หวงซื่อซิงเอานิ้วจิ้มกระดาษจนเป็นรู แล้วแนบตาพยามยามมองเข้าไปด้านใน

มองไม่เห็นอะไรเลย ข้างในมืดเกินไป ขณะที่หวงซื่อซิง กำลังตั้งตกตั้งใจมองหาที่มาของเสียงนั้นก็รู้สึกราวกับมีค้อนอะไรพุ่งออกจากห้องนั้นเข้ามาชนหน้าอกจนจุกอย่างจัง

ยังไม่ทันจะได้เงยหน้าขึ้นมองว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างฟาดเข้ามาบริเวณกลางลำตัว จนกระเด็นลอยละลิ่วออกจากระเบียง ผ้าปิดหน้าหลุดออก หวงซื่อซิงล่วงลงสู่พื้นบริเวณโถงด้านล่างชั้นหนึ่ง ก่อนจะกลิ้ง หลุนๆ ออกไปอีกสอบสามรอบ เล่นเอาจุกจนกระอักเลือดออกมาอึกหนึ่ง เสียงร้องโวยวายของแขก และเสียงกรีดร้องของ บรรดาสาว ๆ ทั้งหลายดังระงม สักพักหวงซื่อซิง รู้สึกเหมือนอะไรหนักและขนาดใหญ่ตกลงมาอยู่เบื้องหน้าตน เสียงกรี๊ดร้องจนสุดเสียงดังมาจากข้างหลัง และเสียงตะโกนให้วิ่งหนีดังรัว

หวงซื่อซิงเจ็บจนลุกขึ้นไม่ไหว ก้มหน้ามองเลือดบนพื้นที่ตนกระอักออกมา อยู่ ๆก็มีเงาขนาดใหญ่ทาบลงมาเหนือหัว หวงซื่อซิงจึงเงยหน้าขึ้นมอง

สิ่งที่มองเห็น คือ งูขาวเผือกขนาดสองคนโอบ ดวงตาใหญ่ปูนโปนเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก มีงอนสีแดงเพลิงขึ้นตรงบริเวณหัวของมันยาวไปถึงหาง สองเขี้ยวแหลมเป็นมันวับ พิษจากเขี้ยวของมันหยดออกมาทั้งสองข้าง พิษที่หยดเมื่อสัมผัสพื้นกลับกัดกร่อนกระเบื้อง จนเกิดเสียงดัง ซ่า มันส่งเสียงขู่ ฟ่อ ฟ่อ เหมือนมีใครทำให้มันโกรธ มันสะบัดหัวไปมา พิษที่หยดมาจากเขี้ยวก็กระเด็นตามการสะบัดหัวไปโดนผนังกำแพงจนเกิดจุดเล็กๆ ขึ้น

หวงซื่อซิงตกตะลึง โลกนี้มีเทพเซียน แน่นอนว่าก็ต้องมีปีศาจด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นผู้คนจะมีพลังปราณไว้ทำไม ไม่มีพลังใดได้มาโดยไม่สมเหตุสมผล ดูอย่างโลกเก่าที่ตนจากมานั้นสงบสุขไม่มีปีศาจ แต่ก็ไม่มีผู้ฝึกเซียนเช่นกัน ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ หวงซื่อซิงไม่เคยออกจากเมืองซัวหลิงมาก่อน แน่นอนว่าที่เมืองนี้ไม่เคยมีปีศาจเข้ามาก่อเหตุวุ่นวาย เพราะมีสำนักใหญ่อย่าง สำนักโอสถทิพย์ดูแลอยู่ ส่วนมากพวกปีศาจจะอยู่แถบชายแดนห่างไกลที่เหล่าเซียนดูแลไปไม่ทั่วถึง ผู้คนจึงอยู่กันอย่างไม่ต้องหวาดกลัวปีศาจออกอาละวาด

นี่จึงเป็นปีศาจตัวเป็นๆ ตัวแรกที่เขาเคยเห็น ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ การได้อ่านหรือจินตนาการถึงก็แบบหนึ่ง แต่การมาเห็นด้วยตาตัวเองนี่ทำเอา หวงซื่อซิงเหมือนโดนตรึงอยู่กับที่

เจ้างูเผือกยักษ์ตัวนั้นหลังจากสะบัดหัวและสะบัดหางทำลายข้าวของไปบางส่วนแล้ว เหมือนมันจะเริ่มรู้แล้วว่ามีเหยื่ออยู่ตรงหน้า มันจ้องตรงที่เขานั่งอยู่ และฉกลงมาอย่างรวดเร็ว

คราวนี้ไม่รอดแน่

หวงซื่อซิงยกมือขึ้นมาคุมหัวตัวเองไว้ ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนมีลมหอบมาหอบหนึ่งคว้าเอวของตน กลิ้งไปทางด้านข้าง หวงซื่อซิง ลืมตาขึ้นมองอีกทีก็พบว่าจุดที่ตัวเองอยู่ก่อนหน้านั้นเป็นหลุดขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการฉกของเจ้างูยักษ์ตัวนั้น ไม่อยากคิดเลยถ้าพื้นนั่นเป็นตัวเอง คงต้องตายอย่างอนาถ ขาดเป็นสองท่อน

“แม่นาง เจ้าพอยืนเองไหวหรือไม่” เสียงนี้ดึงสติหวงซื่อซิงกลับมา หวงซื่อซิงพบว่าตัวเองกำลังยืนกอดคอคนผู้หนึ่งไว้แน่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาปะทะจมูก ใบหน้าที่ก้มมองลงมานั้น ในแววตาของเขาทั้งตื่นตะลึงปนประหลาดใจ

เขาถามอีกครั้งหนึ่ง “เจ้าพอยืนไหวไหม” เสียงถามอ่อนโยนกว่าครั้งแรก ใบหน้าขยับมาใกล้จนมองเห็นขนตาของอีกฝั่งหนึ่ง หวงซื่อซิงมองเจ้าของเสียงนั้นอย่างเต็มตา คิ้วหนาเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาเรียวรี หางตาตวัดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ผิวเนียนละเอียด ใบหน้าได้รูป

เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ดึงสติกลับมาก่อนนี่มันใช่เวลาจะมาชมใครหรือไงเล่า หวงซื่อซิงปล่อยมือออกจากรอบคอเขา พยักหน้านิดหน่อย ก่อนตอบว่า “ข้าไม่เป็นไรขอบคุณท่านมาก” เขาพนักหน้ารับเล็กหน้า ก่อนจะชักกระบี่กระโจนเข้าไปหาเจ้างูเผือกยักษ์

หวงซื่อซิงรีบวิ่งไปหลบหลังเสาใหญ่ ค่อยๆ ชะโงกหัวออกมาดูการต่อสู้ของบุรุษหนุ่มผู้นั้น ดูเขาใช้กระบี่ได้อย่างคล่องแคล่ว ชุดสีขาว คาดกลางด้วยสีฟ้าอ่อนเป็นเครื่องแบบของ สำนักโอสถทิพย์ ดูจากสัญลักษณ์ของหยกที่ห้อยอยู่ทางขวาของเอวแล้วน่าจะเป็นศิษย์ระดับสูง

หวงซื่อซิงกำลังดูการต่อสู้ที่ดุเดือดนั่นอย่างเมามัน พลันข้อมือข้างซ้ายก็ถูกดึงกระตุก ด้วยความตกใจจึงปล่อยพลังปราณออกจากฝ่ามือไปเต็มแรง เสียงพลังอีกสายกระทบกลับมาดัง ปั้ง

“ข้าเอง เจ้ามองให้ดีก่อนโจมตี หากผิดพลาดจะทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ” พี่สามนั่นเอง เขาถามต่อ “เจ้าบาดเจ็บหรือ” รอยเลือดยังติดอยู่ที่มุมปากของหวงซื่อซิง

หวงซื่อซิงตอบ “ข้าไม่เป็นไร” ความจริงแล้วยังรู้สึกเจ็บในอก ตกลงมาตั้งสามชั้น จะว่าไม่เป็นไรเลยก็คงไม่ได้ แต่ถ้าบอกว่าเป็นอะไรอาจจะไม่ได้รับอนุญาติให้มาที่นี่อีก

หวงซานหานกระตุกข้อมือลากหวงซื่อซิงไปข้างหน้า ก่อนเอ่ยขึ้น “ดีแล้ว รีบออกไปจากที่นี่ก่อน ผ้าปิดหน้าเจ้าหลุด อาจมีคนจำได้”

หวงซื่อซิงดึงมือพี่ชายเอาไว้ “พี่สาม เราจะไม่ช่วยพวกเขาก่อนหรือ” หวงซานหานหันไปมองศิษย์ของสำนักโอสถทิพย์ สองสามคนกำลังโรมรันกับปีศาจงูเผือกอยู่ กระบี่กระทบผิวหนังของเจ้างูยักษ์ที่แข็งเหมือนเหล็กจนเกิดประกายไฟ และเสียงระเบิดพลังทิพย์ดังลั่น ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของหวงซื่อซิง “เจ้าคิดว่าจะเข้าไปช่วยหรือเข้าไปเป็นตัวถ่วงล่ะ”

หวงซื่อซิงหมดวาจาจะเอ่ย ได้แต่เดินตามหลังพี่ชายออกไป เขาหยุดชะงักเท้า มองไปทางนั้นอีกครั้งหนึ่ง บุญคุณช่วยชีวิตคราวนี้ ไว้ข้าตอบแทนให้คราวหน้าแล้วกันนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel