บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 พบครั้งที่สอง

ทั้งหวงซานหานและหวงซื่อซิงไม่มีใครเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่หอเหม่ยฮวาอีก ต่างฝ่ายต่างแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาเหลือน้อยทั้งสองจึงต้องรีบเตรียมตัวสำหรับการสอบเข้าสำนักโอสถทิพย์ ทั้งการอ่านตำรา ฝึกและความคุมปราณทิพย์ แบ่งเวลาไปดูสมุนไพรที่ร้าน โดยเฉพาะเหล่าสมุนไพรเซียน ที่หายากทั้งหลาย รวมถึงการทดลองใช้ปราณเซียนหลอมโอสถขั้นพื้นฐาน บางครั้งได้ บางคราล้มเหลว ทุกอย่างล้วนต้องรายงานท่านลุงผ่านยันต์สื่อสาร และมักจะได้รับคำแนะนำ ดีดี กลับมาเสมอ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่ต้องทดสอบก็เข้ามาถึง หวงซานหานและหวงซื่อซิงคิดว่าตัวเองมาถึงบริเวณหน้าสำนักเช้าแล้ว แต่แถวตรงจุดลงชื่อรับสมัครกับยาวเหยียด มีผู้คนมาถึงก่อนหน้าพวกเขาไม่น้อยแล้ว ทั้งสองจึงเดินไปต่อท้าย

สำนักโอสถทิพย์ ไม่ได้จำกัดจำนวนการรับศิษย์ แต่กลับมีผู้สอบผ่านเพียงไม่กี่คนต่อปี มีอยู่ปีหนึ่งที่มีผู้ผ่านการทดสอบจนถึงขั้นสุดท้ายถึงห้าคน จนเป็นที่ฮือฮาเลยทีเดียว แต่ในปีถัดมากลับมีผู้สอบผ่านเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

การศึกษาที่นี่ใช้เวลาอย่างน้อยห้าปี หรือจนกว่าจะสอบผ่านเป็นนักปรุงโอสถทิพย์ขั้นหนึ่ง จึงจะสามารถออกจากสำนักได้ แต่หากใครจะศึกษาต่อก็ย่อมได้ เพราะนักปรุงโอสถทิพย์มีถึงเจ็ดขั้น ผู้คนส่วนใหญ่มักจะ ถึงกันแค่ขั้นสามเท่านั้น ดังนั้น ผู้ที่เป็นนักโอสถทิพย์ขั้นสี่ขึ้นไปจึงนับว่าเป็นปรมาจารย์ซึ่งมีไม่มากนักและจะได้เป็นอาจารย์ผู้สอนด้วย โดยมีตำแหน่งและค่าตอบแทนมอบให้จากสำนัก

การศึกษาอาจจะกินเวลายาวเป็นสิบปี ยี่สิบปี หรือ สี่สิบห้าสิบปี ก็แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน บางคนมาเพียงแค่ห้าปีก็สามารถสอบเป็นนักโอสถทิพย์ขั้นหนึ่งได้แล้ว ในขณะที่บางคนผ่านไปยี่สิบปียังไม่สามารสอบได้ เมื่อลาออกแล้ว ทางสำนักจะออกตรารับรองลำดับขั้นของการเป็นนักปรุงโอสถทิพย์ให้ ผู้ที่ออกไปแล้วก็สามารถไปประจำสำนักเซียนที่อื่น ร้านปรุงโอสถ หรือบางคนอาจจะถูกจ้างให้ประจำอยู่ตระกูลใดกระกูลหนึ่ง บางคนเป็นนักปรุงโอสถทิพย์อิสระ ทำงานตามจ้างของผู้อื่น หรือบางคนอาจปลีกวิเวกศึกษาต่อเพียงผู้เดียวก็ได้ คล้ายกับว่านักปรุงโอสถทิพย์เป็นอาชีพแขนงหนึ่งของเหล่าเซียน

เข้าแถวมาสักพักเหลือคนข้างหน้าสี่ห้าคน ก็จะถึงลำดับของพวกเขาแล้ว หวงซานหานเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเข้าแถวไปก่อน ข้าจะไปธุระ(เข้าห้องน้ำ) หากกลับมาไม่ทันลงชื่อให้ด้วย”

หวงซื่อซิงพยักหน้ารับ จู่ๆ ก็ปวดขึ้นมาเรอะ กินอะไรเข้าไป หรือว่าตื่นเต้นจนขี้แตก หวงซื่อซิง แอบยิ้ม นึกนินทาพี่ชายอยู่ในใจ

จนถึงลำดับของตนเอง หวงซื่อซิงจึงเดินเข้าไปยืนต่อหน้า ศิษย์ของสำนักโอสถทิพย์ที่มีหน้าที่รับลงทะเบียน คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมา หวงซื่อซิงหน้าเหวอ ตกตะลึงไปชั่วขณะ นี่คือคนผู้นั้นที่ช่วยชีวิตตนไว้ที่ หอเหม่ยฮวา

หวงซื่อซิงหน้าซีด ตายแน่! ถ้าเขาจำได้ว่าตนเคยเข้าไปหอนางโลมแล้วยกมาเป็นข้ออ้างให้ขาดคุณสมบัติในการเข้าสอบจะทำอย่างไรดี ท่านลุงได้ฆ่า ข้าแน่

แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นิ่งไปขณะหนึ่ง หรือเขาจะจำข้าไม่ได้ เทพเจ้าแห่งความโชคดีอยู่ข้างเราแล้ว ต่างฝ่ายต่างนิ่ง หวงซื่อซิงสงบ รอให้อีกฝ่ายเป็นผู้เอ่ยก่อน

ฝ่ายนั้นคิ้วกระตุกทีหนึ่ง ก่อนพูดว่า “เจ้าเข้าแถวผิดที่แล้ว ต้องไปเข้าแถวทางโน้น” ตอนแรกหวงซื่อซิงไม่เข้าใจคำกล่าวนั้น จึงหันไปมอง ทางโน้น ตามหางเสียงของอีกฝ่าย เห็นป้ายแขวนขนาดใหญ่ห้อยอยู่ว่า จุดลงชื่อรับสมัครเซียนซู(เทพธิดา) หวงซื่อซิงปวดจี๊ดขึ้นหัว กำหมัดแน่น ก่อนจะหน้าแดงด้วยความโกรธ

ศิษย์สำนักโอสถทิพย์ผู้นั้น เห็นหวงซื่อซิงยืนนิ่ง เขากวาดสายตามองหวงซื่อซิงทั้งตัว ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “สำนักโอสถทิพย์ รับศิษย์ทั้งชายและหญิง ไม่จำเป็นต้องปลอมตัว”

หมายความว่าไง

เขาจำข้าได้สินะ จึงคิดว่า ข้าปลอมเป็นชายเพื่อมาสมัครเป็นศิษย์รึ

เย็นไว้ เย็นไว้ หวงซื่อซิงปลอบตัวเอง มันเป็นการเข้าใจผิด

เข้าใจผิดไปไกลโขเลยล่ะ

หวงซื่อซิงสูดหายใจลึกๆ หนึ่งที ก่อนจะปั้นหน้าให้ดูจริงจังที่สุดในชีวิต เอ่ยออกไป “ข้าเป็นผู้ชายขอรับ”

เขามองหน้า จากนั้นกราดมองไปทั่วร่างของหวงซื่อซิงอีกครั้งหนึ่ง แล้วค่อยๆ ยืนตัวตรงขึ้น พอเขายืนขึ้นเท่านั้นแหละ หวงซื่อซิงจึงได้รู้ถึงความแตกต่างทางร่างกายของฝ่ายตรงข้าม เขาตัวสูงใหญ่ น่าจะสูงเท่ากับพี่สาม แต่ไหล่กว้างกว่า บึกบึนกว่า กล้ามเนื้อเป็นมัด อาจจะเนื่องเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ แต่พี่สามเป็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น ตอนอยู่ที่หอเหม่ยฮวา ด้วยความตกใจจึงไม่ได้สังเกตถี่ถ้วนเหมือนตอนนี้

พอเห็นรูปร่างของว่าที่ศิษย์พี่ผู้นี้แล้ว หวงซื่อซิงก็นึกดีใจที่เมื่อครู่ตนยั้งมือไว้ทัน ไม่ได้กระโดดเข้าไปชกหน้าคนผู้นี้ หาไม่แล้วคนที่แย่ น่าจะเป็นตัวเองมากกว่า

เขาเอ่ยขึ้น “หากเจ้าบริสุทธิ์ใจ จะยินดีให้ตรวจร่างกายหรือไม่”

หวงซื่อซิง ตอบอย่างมั่นใจ “ย่อมได้”

คนผู้นั้นจึงยื่นมือข้างขวามาสัมผัสที่หน้าอกด้านซ้ายของหวงซื่อซิง แล้วค่อยขยับไปด้านขวา จากนั้น ค่อยๆลูบต่ำลงไป จุดที่ถูกเขาสัมผัส หวงซื่อซิงรู้สึกร้อนวูบวาบ ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้ ความร้อนลามไปถึงหู มือนั้นยังคงลูบต่อไปเรื่อยๆ ลงไปถึงบริเวณเอว หวงซื่อซิงรู้สึกว่ามันชักจะมากเกินไปแล้ว ขณะกำลังจะถามขึ้นว่า เขาจะลูบไปถึงตรงไหน ทันใดมือข้างนั้นก็ผละออก เปลี่ยนมาจับตรงบริเวณข้อมือของหวงซื่อซิงแทน

เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อืม ชีพจรเป็นของบุรุษเพศ”

แน่นอนอยู่แล้วสิ ก็ข้าเป็นผู้ชายนี่ เป็นผู้ชายทั้งแท่งเชียวนะ หวงซื่อซิงตะโกนอยู่ในใจ

เดี๋ยวนะ! แค่จับชีพจรก็รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง แล้วไอ้ที่ลูบๆ คลำๆ ตะกี้มันคืออะไรฟะ

ขณะนั้นเอง หวงซานหานก็เดินปรี่เข้ามาปัดมือของศิษย์สำนักโอสถทิพย์ผู้นั้นออก หน้าตาดูถมึงทึง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทำอะไรน่ะ”

หวงซื่อซิงกลัวว่าจะบานปลายจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “พี่สามไม่มีอะไร เขาแค่ตรวจชีพจรข้าน่ะ” หวงซื่อซิงกล่าวต่อเสียงเบา “เขาแค่คิดว่าข้าเป็นผู้หญิง”

หวงซานหานหลุดขำพรืด ออกมาอย่างกั้นไม่อยู่ ก่อนจะรีบดึงสีหน้ากลับมาราบเรียบ หวงซื่อซิงขำไม่ออก พี่ชายแท้ๆ ของตัวเองยังทำกันได้ขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับคนนอกเล่า

คนผู้นั้นเดินกลับไปนั่งประจำที่ ด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการก่อนส่งพู่กันให้ “ลงชื่อสิ”

หวงซื่อซิงรับมาและเขียนชื่อลงไป ตามด้วยหวงซานหาน จากนั้นทั้งสองคนจึงรีบเดินเข้าไปด้านในสำนัก เนื่องจากผู้ที่รออยู่ด้านหลังเริ่มส่งเสียงไม่พอใจ

คนทั้งสองไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมกริบคู่หนึ่งจับจ้องตามหลังพวกเขาไป

โดยเฉพาะหวงซื่อซิง

แววตาที่จับจ้องนั้น ทั้งสนใจ ประหลาดใจและสับสน อยู่ในที

กระดาษใบสมัครถูกหยิบขึ้นมา หวงซื่อซิง หวงซานหาน เขาทวนชื่อเบาๆ คุณชายทั้งสองแห่งตระกูลหวงนี่เอง ไม่สมคำร่ำลือที่ได้ยินมานานเลยสักนิด

ที่ว่าไม่สมนั่น คือ คำร่ำลือยังน้อยเกินกว่าที่เห็นกับตามากนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel