บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 14 ปีบริบูรณ์ ข้าเป็นหนุ่มแล้ว

อากาศตอนเช้ายังหนาวจัด แต่หวงซื่อซิง กลับนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงหนานุ่ม วันนี้เป็นวันครบรอบอายุ 14 ปี บนโลกใบนี้เมื่ออายุครบวัยที่สามารถเข้ารับการทดสอบหารากปราณได้ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว คล้าย ๆ กับบรรลุนิติภาวะนั่นแหละ คราวนี้อยากไปที่ไหน หรือทำอะไรก็ไม่มีใครห้าม(จริงหรือ?) หวงซื่อซิง มีสถานที่หนึ่งที่อยากไปมากและต้องไปให้ได้ด้วย เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

จะด้วยตนนอนดิ้นไปดิ้นมา หรือพี่บ่าวรับใช้ชายจะหูไว จึงมีเสียงถามมาในความมืดว่า “คุณชายน้อยตื่นแล้วหรือขอรับ จะอาบน้ำเลยไหมขอรับ”

“นี่ยามใดแล้ว” หวงซื่อซิงตะโกนถามตอบไป

“เพิ่งขึ้นยามเหม่า ขอรับ” พี่บ่าวรับใช้ตอบกลับมาอย่างคล่องแคล่ว ออ..ประมาณตีห้าแล้วนี่เอง เป็นเวลาที่คนงานในเรือนจะเริ่มต้นงานประจำวัน คนอื่นๆ คงเข้าประจำพื้นที่ของตนแล้ว แต่สำหรับคุณชายน้อยหากตะวันไม่ขึ้นก็ยังไม่ถือว่าเช้า ตัวเขาเองไม่เคยตื่นในเวลานี้

“ได้ ขอบใจมาก” อย่างไรเสียนอนต่อไปก็คงไม่หลับ อารมณ์เด็กน้อยเตรียมตัวออกไปเที่ยวงานเทศกาล ลุกอาบน้ำแต่งตัว นั่งสมาธิเสียหน่อยน่าจะช่วยให้สงบขึ้นบ้าง

วันนี้เป็นหนึ่งในวันสำคัญของตระกูลหวง ทุกคนจึงอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ท่านพ่อที่ไม่ค่อยเห็นหน้าบ่อยนัก เพราะออกเดินทางไปเจรจาซื้อขายสมุนไพรในต่างแดนบ่อยครั้ง รวมถึงพี่ชายคนโตและคนรองที่ต้องสืบทอดกิจการต่อ จึงต้องคอยติดตามท่านพ่อเพื่อหาประสบการณ์โดยตรง

ปกติแล้วหากเป็นวันนี้ของทุกปีจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่ให้กับ ลูกชายคนเล็กหัวแก้วหัวแหวนของครอบครัว แต่ปีนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีการจัดงานเลี้ยงใดๆ มีแต่บ้านช่องที่สะอาดเรียบร้อย และคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาติให้เข้าร่วมดูการทดสอบหารากปราณ การทดสอบนั้นมี 3 ขั้นตอน หวงซื่อซิง ศึกษามาอย่างละเอียด และตรงจุดไหนไม่เข้าใจ พี่สามก็เป็นที่พึ่งพิงได้เสมอ อารมณ์อยากอวดความรู้ของฝ่ายนั้นมีมากเพราะเคยมีประสบการณ์มาก่อน หึ แน่ล่ะ เพราะเขาเกิดก่อนไงล่ะ

แทบจะไม่ต้องเอ่ยปากถาม หวงซานหานก็ร่ายยาวให้ตนฟังอยู่ดี และช่วงสองสามเดือนมานี้ หวงซื่อซิงโดนบังคับให้นั่งสมาธิ และฝึกหนักเพื่อเตรียมความพร้อมไว้กันธาตุไฟเข้าแทรก

การทดสอบเริ่มจากการเปิดลมปราณทุกจุดในร่างกาย ทำโดยผู้ฝึกวิชาเซียน ในระดับผู้อาวุโสขึ้นไปเท่านั้น เริ่มจากการถ่ายทอดพลังวัตรเข้ากลางขม่อม เพื่อทะลวงจุดทั้งร่างกาย ขั้นตอนนี้สำคัญมากหากเปิดไม่ครบทุกจุดตอนฝึกวิชาเซียนจริงอาจจะไม่ก้าวหน้า หรือหากใช้พลังมากจนเกินไปนั้นอาจทำให้จุดปราณทิพย์ระเบิดจนกลายเป็นคนพิการได้ ความพอดีก็ไม่มีจุดตายตัวเพราะความแข็งแกร่งของเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน รากปราณที่ต่างกันก็ทำให้จุดลมปราณต่างจำนวนกันด้วย ผู้ที่ทำการเปิดจุดจึงจำเป็นต้องมีความชำนาญ

ขั้นสอง ผู้อาวุโสเซียนจะร่ายเวชคุ้มกันรอบกายเป็นวงกว้างเพื่อกันคนภายนอก ภายในเขตเวชนี้จะกระตุ้นพลังของผู้ที่อยู่ในอาคม หลังจากนั้นผู้ที่รับการทดสอบจะสามารถรับรู้พลังของตนได้ และลองเรียกพลังดู ขั้นตอนนี้จะทำให้รู้ว่าสามารถใช้พลังได้หรือไม่ มีรากปราณเซียนแบบไหน ของพี่สามนั้นเป็นเพลิงปราณ สามารถเรียกไฟและใช้ความร้อนได้ เลือกที่จะศึกษาวิชากระบี่หรือเป็นนักปรุงโอสถทิพย์ก็ได้ หึ ... เรื่องนี้หวงซานหาน ภูมิใจในตัวเองมากนัก

ขั้นสาม ต้องผ่านทั้งสองขั้นมาให้ได้ก่อน หากสามารถเรียกใช้พลังตัวเองได้แล้ว ต้องเข้าไปในจิตใจของตัวเองและลองควบคุมจิตและกระแสลมปราณ ขั้นตอนนี้เสี่ยงกับธาตุไฟแทรกมากที่สุด เหล่าอนุชนที่ได้รับการทดสอบบางคนถึงขั้นจบชีวิตตัวเองตรงขั้นตอนนี้ นับว่าการจะได้เป็นเซียนนั้นก็ไม่ง่ายเลยทีเดียว

แต่หากขั้นตอนแรกที่ทะลวงจุดลมปราณทั้งร่างไม่ผ่าน ก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบขั้นที่สองและสาม นั้นหมายถึงอัตราการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็น้อยลงด้วย และหมายถึงไม่สามารถฝึกวิชาเซียนได้

หวงซื่อซิงแอบลอบมองใบหน้าของผู้เป็นแม่ดูที่ดูร้อนรน และเป็นห่วง ตอนเด็กท่านมักจะบอกเสมอว่าไม่ต้องทดสอบก็ได้ บ้านเราไม่จำเป็นต้องมีใครเป็นเซียน แต่มีหรือท่านลุงจะยินยอม ส่วนเขาเองมีหรือจะไม่อยากจะเหาะเหินเดินบนน้ำได้ ถึงจะอันตรายแต่ก็คุ้ม

“ท่านเซียนมาแล้ว ท่านเซียนมาแล้ว” เสียงดังจากหน้าประตูใหญ่ ทุกคนต่างพากันลุกขึ้น ท่านพ่อเดินนำมารับท่านลุงถึงด้านหน้าเรือนใหญ่

“พี่ใหญ่สบายดีไหม” ท่านพ่อกล่าวทักทาย น้ำเสียงเคารพนับถือ น้อมน้อมอยู่ในที เผยมือเชื้อเชิญท่านลุงเข้ามานั่งข้างในโถงของเรือนใหญ่ภายในบ้าน ท่านลุงเพียงยิ้มเล็กน้อยก่อนพยักหน้า และเดินนำเข้ามาด้านใน

จริงๆแล้วการที่ หวงซื่อซิง เรียกท่านลุงนั้นก็ออกจะกระดากอายอยู่บ้าง ด้วยว่าผู้ที่เป็นลุงนั้นหน้าตาราวกับหนุ่มน้อยวัยยี่สิบปลายๆ รูปร่างสูงเพรียว ผิวขาวราวกับหยกนั้นเหมือนกับรูปปั้น กรรมพันธุ์เรื่องหน้าตาดีของตระกูลหวงนั้นไม่อาจปฎิเสธได้ เมื่อรวมกับชุดสีเขียวอ่อน ตัดขาว ของสำนักพันกระบี่ ยิ่งดูสง่าผ่าเผยและองอาจน่าเลื่อมใสยิ่งนัก ผิดกับท่านพ่อในวัยห้าสิบกว่าที่มีผมขาวเป็นเลาทั้งหัว ตีนกากับรอยย่นบนใบหน้าที่ปิดไม่มิด กระเม็ดสีดำเริ่มขึ้นบนใบหน้าตามอายุ แต่ก็ยังคงดูภูมิฐานและยังคงเหลือร่องรอยของความหน้าตาดีในวัยหนุ่มอยู่ ในขณะที่ท่านลุงยังไม่มีผมขาวสักเส้น ใบหน้าไม่มีแม้แต่ริ้วรอย ถ้าเทียบกับคนอายุยี่สิบปลายๆ ที่เป็นคนธรรมดา ก็ยังนับว่าผิดพรรณยังดีกว่ามาก นี่สินะ ความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกวิชาเซียนกับคนธรรมดา ราวกับว่าเวลาของพวกเขาเดินช้ากว่าเราทั้งๆ ที่เราอยู่บนโลกเดียวกัน หากหวงซื่อซิงไม่ได้ฝึกวิชาเซียน ก็ต้องแก่ไปตามวัยแบบนั้นใช่ไหม โลกนี้ช่างไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย

“พี่ใหญ่ ท่านสบายดีไหม เชิญนั่งก่อนเจ้าค่ะ” หวงฮูหยินกล่าวทักทาย ท่านลุงเพียงพยักหน้า ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ หวงซื่อซิง เดินมาคุกเข่าด้านหน้า ยกถ้วยน้ำชาคารวะผู้อาวุโส ท่านลุงวางกระบี่คู่กายไว้บนโต๊ะ กระบี่ส่องแสงเรืองออกมา ฉายาเซียนของท่านคือ กระบี่ประกายพรึก ปราณธาตุของท่านลุงเป็นปราณธาตุลม เหมาะสำหรับการฝึกวิชากระบี่อย่างยิ่งโดยเฉพาะการเหินกระบี่ ท่านสามารถควบคุมกระบี่จากในระยะไกลและไม่จำเป็นต้องจับกระบี่แม้แต่น้อย เพียงวาดกระบี่ก็สามารถทำลายคู่ต่อสู้ได้แล้ว เมื่อรับน้ำชาไปจิบเสร็จ สายตาก็จับจ้องมาที่ใบหน้าแสนหวานและแววตาทอประกายของหวังซื่อซิงก่อนถามขึ้น “เริ่มเลยไหม” พูดน้อย ทำมาก สมกับเป็นท่านลุง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel