บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ชีวิตแสนสุข

เจ้าแมวตัวอ้วนขนปุยแอบมางีบหลับอยู่บนขื่อนี่เอง เชอะ...คิดว่าจะหลบพ้น ไม่มีทางซะหรอก ไม้ยาวเรียวที่หยิบมาจากข้างสระน้ำ อยู่ในมือที่กำแน่นราวกลับจะไปต่อสู้กับโจรผู้ร้าย เจ้าแมวขี้รำคาญตัวนี้ยังไม่รู้เลยว่าช่วงเวลานอนอันแสนสุขตอนบ่ายของมันกำลังจะจบสิ้นลงแล้ว มือเรียวยาวน้อยๆนั้น ค่อยๆแทงขึ้นไปอย่างระวังไม่ให้เจ้าแมวรู้ตัว

ได้ผล! เจ้าแมวตกใจหันมาร้องครางใส่เขาลั่น และรีบกระโดดหนีขึ้นหลังคาไป ก่อนจะไปมันยังหันมามองส่งสายตาชิงชัง สะบัดหางเชิดหน้า อย่างเย่อหยิ่ง และกระโดดออกไป

“ฮ่าๆ ตลกชะมัดเลย” หวงซื่อซิงหัวเราะลั่นตรงโถงทางเดิน ออ..ไปซะแล้ว ทีนี้จะแกล้งอะไรอีกดีล่ะ ปลาก็จับมาเล่นแล้ว พี่เหลียนเหลียน(พี่เลี้ยงประจำตัว) ก็แกล้งเอาผ้าที่นางจะซักไปซ่อนแล้ว เจ้าแมวที่เป็นผู้โชคร้ายตัวสุดท้ายคิดว่าจะจับเอามาเค้นเล่นซักหน่อยแต่มันก็สะบัดตูดโดดข้ามกำแพงรั้วออกไปแล้ว เขาจึงเดินมานั่งที่ศาลาริมน้ำกลางเรือนใหญ่ มีสาวใช้เดินผ่านมากลุ่มหนึ่ง จึงร้องเรียกด้วยเสียงเบื่อหน่ายว่า

“พี่สาวข้าอยากกินขนม” ก่อนที่สาวใช้กลุ่มนั้นจะหันมา ใบหน้าที่สุดแสนจะหน่ายในตอนแรกก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าทันที มือทั้งสองข้างท้าวคางไว้ ใบหน้ายิ้มแป้น ส่งสายตาหวานขอความช่วยเหลือ หญิงรับใช้กลุ่มนั้น หัวเราะอย่างอารมณ์ดีน้ำเสียงกล่าวอย่างเอาอกเอาใจ

“คุณชายน้อย ขอแค่ท่านสั่ง อะไรก็ได้ทั้งนั้นเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวเสียงอ่อนเสียงหวานให้เขา ยกชายเสื้อปิดปากยิ้มอย่างเก้อเขิน

“พี่สาวใจดีจัง” เสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ จากสาวใช้วัยดรุณสองสามคนที่แอบอยู่ด้านหลังยังดังแว่วออกมา “รอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ” หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็เดินออกไปแต่ยังมีอีกสองสามคนที่รั้งท้าย แอบหันมาส่งสายตาหวานให้เขา หวงซื่อซิงส่งยิ้มหวานๆ ตอบกลับไปเช่นกัน

ที่เขาไม่เรียกชื่อของหญิงรับใช้ก็เพราะจำไม่ได้จริงๆ ในเรือนอันโอ่อ่าและกว้างขวาง ของตระกูลหวงแห่งนี้ มีสาวใช้ และคนงานรวมถึงผู้ที่ดูแลร้านยาสมุนไพรก็ร่วมๆ ร้อยกว่าชีวิต ถึงแม้จะจำชื่อไม่ได้แต่ทว่าใบหน้านั้นสามารถจดจำได้หมด เรื่องชื่อถ้าจะจำก็ไม่เกินความสามารถสมองน้อยๆ ของเขา หากแต่ขี้เกียจจำเสียมากกว่า วันๆก็เรียกพี่สาวคนสวย พี่ชายสุดหล่อ ท่านลุง ท่านป้า และโปรยยิ้มหวานแค่นี้ต่อให้อยากได้โลกทั้งใบก็มีคนยกประเคนมาให้ หน้าที่ในการเป็นอาหารตาให้กับสาวน้อยสาวใหญ่ในเรือนและมอบรอยยิ้มที่แสนหวานนี้ หวงซื่อซิงถือว่าเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของตน เพราะหากขาดตนไปแล้วโลกใบนี้ก็จะขาดสีสันไปเลย

หวงซื่อซิงนั่งกระพริบตาปริบๆ แค่กระพริบตาสองสามครั้งนี่เขาก็มาอยู่โลกใบนี้ได้ สิบสี่ปีแล้ว มันเหมือนเป็นโลกของความฝันเลย เขาอาจจะกำลังหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็ได้ เพียงแต่ฝันนี้ช่างยาวนานและสมจริงมากนัก ถึงจะอยู่มานานขนาดนี้แต่ความทรงจำของโลกเก่ากลับฝังลึกแน่นในใจมากกว่า ความเจ็บปวดตลอด 6 เดือนที่ป่วยมันช่างยากจะลืมเลือน หากนี่เป็นเพียงความฝัน ก็ขอไม่ตื่นมาเจอความเป็นจริงที่เจ็บปวดนั้นอีก ที่สำคัญสิ่งที่ขอก่อนตายดันเป็นจริงนี่สิ.... ไม่น่าเชื่อ นับว่าตนทำบุญมาไม่น้อยทีเดียว ชาตินี้ที่เกิดมามีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ มีพี่ชายที่แสนจะเอ็นดูสองคนและอีก เอ่อ..หนึ่งตัว เฮ้ย! ไม่ใช่

พี่ชายสามคนที่รักตนมาก ตระกูลใหญ่ร่ำรวยเงินทองค้าขายสมุนไพรและโอสถทิพย์ให้แก่ผู้ฝึกวิชาเซียนรวมถึงชาวบ้านทั่วไป มีข้ารับใช้นับร้อยคนที่เรียกนายน้อย คุณชายน้อย คุณชายสี่ เป็นน้องเล็กก็จะได้อภิสิทธ์เยอะกว่าเขาหน่อยแบบนี้แหละ ที่สำคัญคำขอสุดท้ายเขาได้เกิดใหม่เป็นผู้ชายสมดังคำขอ หวงซื่อซิง ยกมือคำนับพระเจ้าที่ประทานพรอันประเสิรฐ์แก่ตน แต่ ความทรงจำของชาติที่แล้วยังก่อกวนในใจ ทำไมมาเกิดใหม่ทั้งทียังต้องจำเรื่องเก่าๆได้ด้วยนะ คนอื่นเค้าลืมกันไปหมด ทำไมต้องจำได้ด้วย รู้ไหมมันทำให้บางครั้งบางคราวก็มีเผลอลืมว่าตัวเองอยู่ในร่างผู้ชายไปบ้าง

แต่นี่ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วการเป็นผู้ชายไม่เลวเลย ร่างกายแข็งแรงอยากทำอะไรก็ได้ วันๆ ยิ้มให้สาวๆนับสิบรายก็มีแต่คนจะเคอะเขินหน้าแดง จนม้วนกลับไป ถึงจะเพิ่งเริ่มแตกเนื้อหนุ่มก็มีสาวๆ มาให้ท่าถึงที่ ทำผ้าเช็ดหน้าหล่นที่ตลาดบ้างล่ะ มีของกำนัลมาให้ถึงเรือนบ้างหรือแม้แต่สาวใช้ในบ้านที่บางคราวก็ย่องเข้ามาหาในห้องกลางดึกดื่น จนท่านแม่ต้องส่งคนรับใช้ชายมานอนหน้าห้อง และแน่นอนว่าด้านที่รับมือยากที่สุดก็คือ ท่านแม่นั่นเอง

ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็ก หน้าตางามราวกับหยกสีขาวอ่อน รูปร่างอรชร เพียงสูงใหญ่กว่าหญิงสาวทั่วไปนิดหน่อย แต่เมื่อเทียบกับพี่ๆทั้งสามคนแล้วเขากับสูงแค่เพียงแค่อก หวงซื่อซิง ปลอบตัวเองเสมอว่าตนยังไม่โตเต็มวัย คงจะยังสูงได้อีก แต่ว่าพี่สามของเขานั้นอายุห่างจากเขาเพียงสองปีกับสูงชะลูดเท่ากับพี่ใหญ่และพี่รองไปแล้ว พี่สามหรือ ‘หวงซานหาน’ ซานที่แปลสาม และ หานที่แปลว่าเยือกเย็นสุขุม เฮอะ ท่านแม่คงเสียใจที่ตั้งชื่อนี้ให้พี่เขาคนนั้น เพราะโตมาสักนิดก็ไม่มีคำว่าเยือกเย็นสุขุมเลย ไม่เหมาะกับชื่ออันสูงส่งนี่ เขาเคยแอบไปออดอ้อนขอท่านแม่ให้เปลี่ยนชื่อพี่คนเล็กแต่ก็โดนดุ กลับมาว่า “ก็มีแต่กับเจ้าเท่านั้นแหละที่เจ้าสามจะเป็นแบบนั้น”

ไม่ใช่ความผิดของข้าสักหน่อย พี่หานเขาไม่สำรวมเองต่างหาก วันๆเอาแต่แกล้งข้า พอถูกแกล้งคืนบ้างก็ใช้ร่างกายที่สูงใหญ่กว่าเข้ามาข่มแหง แบบนี้มันรังแกผู้อ่อนแอกว่าชัด ๆ เรียกว่า ‘ลูกผู้ชาย’ ได้ที่ไหนกัน พอหวงซื่อซิงโดนหวงซานหานแกล้งได้ ทุกคนก็มักจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหมือนเป็นใจช่วยพี่สามอยู่เรื่อย(อาจเป็นเพราะทุกคนถูกหวงซื่อซิงแกล้งแต่ไม่สามารถเอาคืนได้) ชิ.. แค่เกิดก่อนปีสองปี และสูงกว่านิดหน่อยก็ทำมาเป็นอวดเบ่ง

“ก็เจ้าเป็นผู้หญิงจะต้องกลุ้มกับความสูงไปใย” พี่ชายตัวดีของเขาเคยได้กล่าวแบบเยาะเย้ยถากถางเอาไว้ ทำไมเขาไม่เกิดก่อนนะ จะได้ใช้ความเป็นพี่ชายข่มได้บ้าง

“ข้าเป็นผู้ชายนะ” หวงซื่อซิงเถียง โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง จนวิ่งเข้าไปต่อยพี่ชายคนเล็ก ฝ่ายนั้นกลับไม่หลบหลีก เพียงแต่ยกมือกดศีรษะเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว มือและเท้าของเขาก็ไม่อาจไปถึงตัวพี่ชายสุดชั่วร้ายนี่ได้เลย

“ฮ่าๆ พยายามเข้า พยายามหน่อย ข้ารอให้เจ้าเข้ามาต่อยอยู่นะ” ฝ่ายนั้นยังไม่หยุดล้อเลียน หวงซื่อซิงทั้งโกรธทั้งแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้ มีหรือคนอย่างเขาจะยอมแพ้ จึงงัดไม้ตายออกมา หวงซื่อซิงหยุดนิ่ง อีกฝ่ายจึงปล่อยมือออกอย่างตกใจรีบร้อนถามขึ้น

“เจ้าเป็นอะไร พี่ปล่อยพลังมากเกินไปหรือ เจ้าบาดเจ็บหรือไม่” หวงซื่อซิงเงยหน้าขึ้นส่งสายตาที่มีดวงดาววิบวับให้เขา พลันที่ฝ่ายนั้นไร้ความระวัง จึงปล่อยหมัดเข้าไปที่ท้องอย่างจัง ถึงแม้จะเป็นหมัดที่ไม่หนักมากแต่ก็ไม่เบาเลยทีเดียว

“ก็ท่านบอกว่ารอข้าต่อยอยู่นี่พี่สาม” หวงซื่อซิงส่งสายตาเยาะเย้ยคืนก่อนจะรีบเผ่นออกจากที่นั่น เพราะหากถูกฝ่ายนั้นจับได้ละก็ จะกี่อีกยิ้มหวาน หรือกี่แววตาพร่างพราวก็ไม่น่าใช้ได้แล้ว

ถึงพี่สามจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาเพราะอายุไล่เลี่ยกันและชอบแกล้งตนเป็นนิจ หวงซื่อซิงเองก็ต้องเอาความแค้นไปลงที่ หมา แมว ปลา ไก่ หรือแม้แต่พี่เลี้ยงคืนเพื่อระบายความโกรธบ้างเป็นครั้งคราวก็เถอะ แต่มาคิดๆ ดูแล้วพี่สามเองก็รักและเป็นห่วงตนไม่น้อยกว่าคนอื่นเลยทีเดียว มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หวงซื่อซิงพลัดตกจากต้นหลิว เพราะมุ่งมั่นจะเอาเจ้านกน้อยที่ตกมาจากรังขึ้นไปคืนแม่ของมัน พี่สามก็เอาตัวเข้ามารับทั้งที่พี่เองในวัยนั้นก็ไม่ได้โตไปกว่าตนไปสักเท่าไหร่นัก

อีกทั้งโลกใหม่ใบนี้ก็มีเทพเซียนตามที่ขอจริงๆ เสียด้วย อีกไม่กี่วันข้างหน้าท่านลุง ซึ่งเป็นเซียนจะเดินทางมาที่เรือน เพื่อมาตรวจสอบดูว่าหวงซื่อซิงมีรากเซียนที่จะสามารถฝึกวิชาเซียนได้ไหม ที่นี่เมื่ออายุ 14 ปีจึงสามารถตรวจสอบรากเซียนได้ บางคนก็อาจจะรู้ได้ตั้งแต่ สิบขวบแต่นั่นหมายถึงพลังวัตรที่มากจนล้นออกมาเอง พวกนั้นเราจะเรียกว่าพวกเทพเซียน คือ เก้าในสิบคนจะกลายเป็นระดับปรมาจารย์ ที่เหลืออีกหนึ่งคนคืออาจจะฝึกวิชาแล้วธาตุไฟแตกตายก่อนวัยอันสมควร แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีรากเซียนที่สามารถฝึกได้ยกตัวอย่างเช่น พ่อ แม่ และพี่ชายคนโตกับคนรองของเขา ก็ไม่มีรากเซียนเช่นกัน พวกท่านทั้งหมดจึงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่และทำการค้าขาย ส่วนพี่สามนั้นเมื่อสองปีก่อนท่านลุงได้มาตรวจสอบแล้วพบว่าเขามีรากเซียนสามารถฝึกได้ แต่เขาไม่ยอมไปกับท่านลุง

“ข้าค่อยไปพร้อมน้องสี่ขอรับ” หวงซานหานกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“หลานแน่ใจได้อย่างไรว่า น้องเล็กของเจ้าจะมีรากเซียน หากเขาไม่มีเล่า เจ้าต้องเสียเวลาไปถึงสองปีเชียวหนา” ท่านลุงกล่าวอย่างเป็นกังวล

หวงซานหานหันมามองน้องชายที่ยืนอยู่ด้านข้าง สายตาอ่อนโยนที่ส่งมานั้นน้อยนักจะได้เห็น “เขาจะมีขอรับ ข้าไม่อยากทิ้งเขาไว้คนเดียว ” อา...ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่น ในที่สุดท่านก็เผยตัวออกมาเสียที แต่ท่านเผยช้าไปสิบปีเลยนะ เอาไอ้ตัวเดิมไปเก็บเลยได้หรือไม่

ด้วยคำยื่นยันอันหนักแน่นของหวงซานหาน ท่านลุงจึงกลับไปโดยไม่มีหลานชาย แต่ท่านก็ได้มอบคัมภีร์ฝึกวิชาเซียนด้วยตัวเองให้หนึ่งเล่ม เพื่อไม่ให้เวลาสองปีนี้เสียป่าว หากมีข้อสงสัยก็สามารถส่งยันต์สื่อสารไปถามได้ และพี่ชายที่แสนดี อบอุ่นคนนั้นก็ได้จากไปเช่นกันเหลือเพียงพี่ชายที่แสนชั่วร้ายคนเดิมของหวงซื่อซิงเท่านั้น

หวงซื่อซิง ถอนหายใจ คิดๆ แล้วการได้มาอยู่ที่โลกนี้ก็นับว่าไม่เลวเลย อีกสองสามวันข้างหน้าเมื่อตนครบ 14 ปีเต็มก็จะได้รู้แล้วว่าสามารถฝึกวิชาเซียนได้หรือไม่ คิดแล้วก็ตื่นเต้นมิใช่น้อย เพราะถ้าเป็นจริงความฝันที่จะเหาะเหิน เดินบนน้ำได้ ก็นับว่าใกล้เข้ามาทุกที หวงซื่อซิงแทบเก็บความตื่นเต้นรอท่านลุงไม่ไหว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel