บทที่ 2 พรหมจรรย์ไร้ค่า
บทที่ 2
พรหมจรรย์ไร้ค่า
เจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ
“ท่านโหว! ดะ...ได้โปรด ยะ...หยุด!”
หลี่เสี่ยซีหวีดร้องเสียงหลง สัมผัสกักขฬะจากมือสากกระด้างตระกรุมตระกรามบีบเฟ้นเต้าหวานทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับสั่นกลัวด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่าภายในเศษเสี้ยวหัวใจกลับหวามระทวยด้วยเขาคือบุรุษที่นางหลงรักมาเนิ่นนาน
แม้เขาจะสัมผัสนางด้วยความเกลียด ทว่าลึกลงไปในหัวใจกลับเจือความสุขที่แสนเจ็บปวด
‘ความรู้สึกนี้...ทำให้ข้ายิ่งเป็นสตรีชั่วช้าตามคำที่ท่านโหวปรามาสไม่ผิดเพี้ยน ข้าคือเจ้าสาวแพศยาที่ไม่สมควรได้รับความรักงั้นหรือ...’
คำถามมากมายผุดพรายขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนจะกระเจิดกระเจิงหนีหายเมื่อมือหนาหนักกระชากกางเกงของเสี่ยซีจนฉีกขาด
แควก!
หัวใจกระตุกแรงพรั่นพรึง หัวสมองขาวโพลนหมุนคว้างเมื่อเรือนกายท่อนล่างเปล่าเปลือยเผยให้เห็นโหนกนูนแห่งอิสตรีเพศอวบอูมดั่งดอกบัวแรกแย้ม
แล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวเรียวขาทั้งสองข้างก็ถูกจับให้ยกชี้แบะอ้าก่อนที่เรือนกายสูงจะแทรกเบียดเข้ามา ท่อนเอ็นแข็งขึงเบียดชิดลงมายังโหนกนูน ส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นรำส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้
“อื้อ...”
เสี่ยซีครางเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขาก็นิ้วมือล้วงผ่านกลีบบุปผา แหวกมันให้เผยอออกแล้วสอดนิ้วผ่านเมล็ดสวาทและรูแคบชื้น
ความซ่านกระสันพลันแล่นปราดไปทั่วเรือนกาย ลมหายใจคล้ายขาดห้วง ใบหน้าของเจ้าสาวแดงก่ำระเรื่อไปด้วยเลือดฝาด
“แฉะขนาดนี้ คงร่านน่าดูสินะ...”
หัวใจเจ้ากรรมที่กำลังเต้นกระโจนแรงถึงกับไหววูบ ดั่งถูกตบแรงๆ ที่ใบหน้าให้ตื่นจากความฝันแสนหวาม
‘ข้ามันโง่ซ้ำซากยิ่งนัก เขารังแก เขาทำร้าย เขาจงใจข่มเหงให้ข้าอับอาย แต่ข้าก็ยังหลงใหลไปกับสัมผัสกักขฬะของเขา เหตุใดข้าจึงได้โง่งมเช่นนี้เล่า ทำไมกัน!’
เย้ยหยันเพียงเท่านั้นก่อนที่โหวหยางจะตับเอ็นอุ่นของตนแนบไปยังปากทางแคบชื้น ก่อนจะดันแรงๆ เข้าไปจนมิดลำ
“ฮึก...”
หลี่เสี่ยซีเบือนใบหน้าปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงริน สองมือจิกทึ้งลงบนฟูกวิวาห์มงคล เรียวปากเม้มเป็นเส้นตรงกดข่มความเจ็บปวดราวกับเรือนกายจะฉีกขาด
ในขณะที่คนตัวโตถึงกับกัดฟันกรอดเมื่อความคับแน่นของเจ้าสาวทำให้เขายิ่งร้อนรนจนเจียนบ้า จากนั้นเขาจึงปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงแห่งยาปลุกกำหนัด สอดประสานเบียดชิดเข้าหาความคับแคบนุ่มชื้น
“อะ...ฮึก อื้อ...”
หญิงสาวกัดฟันแน่นพยายามไม่ส่งเสียงครวญครางออกมา ด้วยไม่อยากให้เขาตราหน้าว่านางเป็นหญิงร่านไร้ยางอาย
ความเจ็บปวดเจียนคลั่งเมื่อครู่ค่อยๆ คลายลง แปรเปลี่ยนเป็นความซ่านหฤหรรษ์จนลมหายใจแทบขาดห้วง นางหอบหายใจแรง ทรวงอกกลมกลึงกระเพื่อมไหวตามแรงกระแทกกระทั้น
เสียงเนื้อกระทบเนื้อแนบชิดดังลั่นเรือนหอ เรือนกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามขยับไหวล้อไปกับแสงเทียนระยับที่จุดให้ความสว่างอยู่ทั่วห้อง สองเงาที่กำลังสอดประสานทอดผ่านไปยังผนังทางทิศตะวันตก ขยับโยกด้วยจังหวะแห่งราคีไร้ความสิเน่หา
“อื้อ...”
นางเผลอครางออกมาจนต้องเอื้อมคว้าผ้าห่มผืนบางมาอุดปากตัวเองไม่ให้ครวญคราง ดวงตากลมโตที่เกาะพราวไปด้วยหยาดน้ำตาแอบลอบมองเสี้ยวหน้าของสามีที่กำลังซ่านเสียวจากการสอดประสาน
‘หากท่านรักข้า...การอุ่นเตียงในคืนวิวาห์คงไม่เป็นเช่นนี้ แม้ไม่รักก็ขอให้ท่านเมตตาหยิบยื่นเศษเสี้ยวความสงสารให้ข้า แต่นี่ข้าได้รับเพียงความเกลียดชัง..’
ตับ! ตับ! ตับ!
เมื่อความสุขสมแล่นปราดไปจนถึงขีดสุดโหวหนุ่มจึงหลั่งสายน้ำแห่งชาติพันธุ์เข้าไปในร่างกายนางแทบทุกหยาดหยด
เขาชักเอ็นอุ่นออกแทบจะทันทีราวกับรังเกียจเจ้าสาวที่เพิ่งร่วมหลับนอน ผละออกไปยืนข้างเตียงด้วยใบหน้าเครียดขึง ก่อนจะสาวเท้ายาวๆ เดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่
“ครั้งเดียวเท่านั้นที่ข้าจะเกลือกกลั้วสตรีสกปรกเช่นเจ้า อย่าหวังว่าข้าจะมาเหยียบห้องนี้อีก อย่าหวังว่าเจ้าจะใช้เล่ห์กลต่ำทรามกับข้าได้อีก!”
โหวหวงหยางหมิงประกาศกร้าวก่อนจะเดินออกจากห้องหอไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามองภรรยาที่นอนสะอื้นไห้อยู่บนเตียง