บทที่ 6 จงจดจำไว้
“คืนนี้พักที่นี่...รับไป...หิวก็รองท้องเสียข้าไม่ได้เตรียมอาหารมา” เว่ยเฉาโยนแผ่นแป้งย่างให้สตรีตัวเล็ก จากนั้นก็กัดแผ่นแป้งย่างอีกแผ่นบรรเทาความหิว “ไม่กินก็เอามา” ใบหน้างามมองแผ่นแป้งย่างอย่างรังเกียจ เว่ยเฉาจึงแบมือขออาหารหนึ่งเดียวที่ประทังความหิวตอนนี้ได้คืน
เสียงอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคอสายตาจับจ้องของในมือ นางรังเกียจแผ่นแป้งแข็ง ๆ นี้ เกิดมาไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อน อาหารของนางชั้นเลิศและดีที่สุด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาลำบากกัดกินแป้งที่แข็งกระด้างประทังชีวิต ดวงตาหงส์ช้อนมองบุรุษที่แบมืออยู่ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย อยากถามว่าเปลี่ยนเป็นเนื้อได้รึไม่ ทว่านางรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้จึงไม่เอ่ยออกมา
เสียงท้องร้องดังโครก ไม่อยากกินก็ต้องกินนางกัดแผ่นแป้งนั้นไปหนึ่งคำ ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นในดวงตา คิดถึงมารดาที่อยู่บนสวรรค์ คิดถึงเนื้อย่างหอมกรุ่นที่บิดาเคยป้อน กลืนแป้งแข็งกระด้างไปแล้วกัดกินอีกคำ น้ำอุ่น ๆ ไหลอาบแก้ม เหตุใดชีวิตนางต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้
เดินตามคนตัวโตไป ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเข้าใกล้สถานที่พัก น่ารังเกียจกว่าแผ่นแป้งคงจะเป็นกระท่อมร้างผุพังที่บังลมบังฝนไม่ได้จะซุกหัวนอนอย่างไรก่อน บุรุษคนนั้นแค่จับประตูก็พังลง เสียงอวิ๋นย่นคิ้ว “ไม่มีสถานที่ดีกว่านี้แล้วรึ”
“จูฮูหยินเจ้าฝันอยู่รึ ข้าจับเจ้ามาเป็นตัวประกันไม่ได้พามาเที่ยวเล่น”
“ข้านอนไม่ได้”
“เช่นนั้นเจ้าก็เฝ้ายามรอคนของสามีเจ้าเถิด”
ไม่มีทางเลือกเดินตามบุรุษผู้นั้นเข้าไป ในกระท่อมว่างเปล่าไม่มีแม้กระทั่งตั่งนั่งหรือตะเกียง เป็นห้องโล่งกว้างคงเป็นที่สำหรับพักเหนื่อยของนายพรานมากกว่าที่พักอาศัย
“เจ้าอย่าไปอยู่คุยกับข้าก่อน” เมื่อเห็นบุรุษคนนั้นจะออกจากกระท่อมร้างจึงเอ่ยรั้งไว้ และชวนคุยเพื่อไม่ให้เขาทิ้งนางไว้ลำพัง “เจ้ากับท่านพี่มีเรื่องใดบาดหมางกันรึ”
เว่ยเฉาเห็นแววตาหวาดกลัวของสตรีตัวเล็กก็นั่งลงพื้นไม่ไกลจากนาง “เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเขาไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เพลิงโทสะเจิดจ้านัยน์ตาของเว่ยเฉา ไอสังหารสะท้อนออกมาจนเสียงอวิ๋นรู้สึกหนาวสั่นเลือดลมปั่นป่วน รีบเอ่ยหยุดเขาก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา “เจ้าดึงข้าเข้ามาในกระดานหมากของพวกเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าก็ถูกเจ้าจับตัวมามิใช่รึ”
เว่ยเฉาลดแรงกดดันลงแล้วยิ้มมุมปาก ความอดทนสูงดีนี่ น่าสนใจ “เป็นความบังเอิญต่างหาก ตอนนั้นใครใช้ให้เจ้าอยู่ที่นั่น อีกอย่างจับเจ้ามามีประโยชน์อันใด ดูเอาเถิดจนป่านนี้สามีเจ้าก็ไม่ส่งใครมาช่วย ข้าอยู่นานไม่ได้เจ้ารอสามีเจ้าอยู่ที่นี่เถิด”
หัวใจถูกกรีดซ้ำด้วยคำพูดเสียดสี ความเจ็บเสียดแทงหัวใจจนอธิบายไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร แผลที่แขนเริ่มปวดระบมมือเล็กลูบตรงบาดแผลใบหน้าเหยเก ฝ่ามือนุ่มเต็มไปด้วยรอยถลอก นี่เป็นบาดแผลที่เขาฝากไว้ตอนอยู่ในจวน นิ้วเรียวลูบหน้าผากปูดนูน เลือดแข็งตัวจนแห้งกรัง สภาพเช่นนี้เสียงอวิ๋นรับตัวเองไม่ได้
“เอาไป ข้าต้องไปแล้วหากสามีเจ้าส่งคนมาข้าจะซวยเอาได้” เว่ยเฉาโยนขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวให้สตรีที่แสดงท่าทีขยะแขยงตัวเอง ในนั้นเป็นยาสมานแผลถึงแม้เขาจะแค้นสหายเก่า ทว่าไม่เกี่ยวกับสตรีตรงหน้าความแค้นนี้เขาจะเอาคืนกับหลี่เฉียงเท่านั้น จับนางมาก็รู้สึกผิดแล้วแต่ เพื่อคนของตน เขาก็ต้องเสี่ยงดวงดูว่าเจ้านั่นจะถอนกำลังที่ล้อมภูเขาลั่ววั่งออกหรือไม่
“นี่เป็นยาที่เจ้าจะใช้แก้แค้นสามีได้ ไม่อันตรายถึงชีวิตแค่ดวงตามืดบอดมองสิ่งใดไม่เห็น ข้าว่าไม่เลวนะ เขาจะได้หนีจากเจ้าไม่ได้อย่างไรเล่า” เว่ยเฉาโยนยาห่อเล็กให้อีกฝ่าย เอ่ยจบก็ก้าวเท้าออกจากกระท่อมโกโรโกโส ที่คล้ายกับว่าจะต้านไม่ได้แม้แต่สายลมบางเบา หันไปมองสตรีตัวเล็กครู่หนึ่งแล้วคิดในใจ นางคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น
ค่ำคืนเงียบสงัดความหนาวเย็นชำแรกเข้าสู่ร่างกาย สายลมพัดหวีดหวิววังเวง เสียงอวิ๋นนั่งกอดไหล่ตัวเองอยู่มุมหนึ่งของกระท่อม ร่างเล็กสั่นเทานางถูกทิ้งให้อยู่ลำพังจนได้ หวังก็เพียงเศษเสี้ยวความรักที่คิดว่าเขามีให้ ส่งใครก็ได้มาช่วยนางในยามนี้
รอบด้านมืดสนิทผืนฟ้าเป็นสีดำทะมึน แผลที่ถูกธนูเฉือนคล้ายจะอักเสบเจ็บรุนแรงเหมือนโดนมีดกรีดซ้ำ ๆ น้ำตาพรั่งพรูลงมาอีกครั้ง นางหวังอะไรอยู่ผ่านมาจนจะสว่างอยู่รอมร่อเขาก็ยังไม่ส่งใครมา
เปลือกตาหนักอึ้งกล้ำกลืนฝืนความเจ็บไว้แทบหายใจไม่ออก สายฝนเทกระหน่ำลงมาราวกับหัวเราะเยาะในโชคชะตาของนาง ลมพายุพัดรุนแรงแหงนมองหลังคาที่มุงด้วยใบจากปลิวว่อนไปทีละแผ่น
เสียงอวิ๋นเดินโซซัดโซเซออกจากกระท่อมเพื่อหาที่หลบฝน ออกมาได้ไม่นานกระท่อมร้างก็พังลง ร่างที่สั่นปานลูกนกตกน้ำยืนเคว้งคว้างอยู่กลางป่าไม่รู้จะไปทางไหน หยาดน้ำฝนซึมผ่านอาภรณ์ไหลอาบผิวกายจนเปียกโชกไปทั้งตัว ยามสายลมพัดโชยเย็นยะเยือกเสียดกระดูก เนื้อตัวเย็นเยียบสั่นสะท้าน คล้ายกับถูกเลาะเอาเนื้อหนังที่ให้ไออุ่นออกไปหมด
เดินหาที่หลบฝนอย่างสิ้นหวัง ไม่คาดคิดว่าชีวิตคุณหนูแสนสุขสบายของนางจะจนตรอกได้เพียงนี้ ถูกหลอกไปจนสิ้น ถูกทิ้งไม่ไยดี หมดสิ้นทุกอย่าง กิจการของตระกูลก็ไม่เหลือ หัวใจของนางยังถูกคนใจร้ายยึดไป ไม่เหลืออะไรเลย นางไม่เหลืออะไรแล้ว ทรุดลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยดินโคลน
ร่างเล็กโอนเอนล้มไปกับพื้น นอนขดไปกับดินโคลนไร้แรงขยับ ตากฝนมาหลายชั่วยาม ร่างกายรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว ลมหายใจอุ่นร้อนติดขัดจุกแน่นจนหายใจไม่ออก รับรู้ถึงความเจ็บเจียนขาดใจที่บาดแผล ท่ามกลางเม็ดฝนที่ตกกระทบผิวกาย ภาพใบหน้าไร้ความรู้สึกของสามี ยามเอ่ยปากให้นางแทงคอตัวเองก็ฉายชัดขึ้น ทับซ้อนไปกับภาพยามเขากล่าวยกนางให้บุรุษอื่นอย่างไม่แยแส
ยอมรับเสียทีเสียงอวิ๋นเขาไม่รักเจ้า
จะตายแล้วใช่รึไม่ บริเวณบาดแผลเจ็บปวดแสนสาหัสปวดจนนางจะทนไม่ไหว ลมหายใจก็เริ่มติดขัด ตายเสียได้ก็ดี ตายแล้วจะได้ไม่เจ็บปวดอีก มองแผ่นฟ้าที่เริ่มสว่างเม็ดฝนที่กระหน่ำมาลงเริ่มเบาลง
เสียงอวิ๋นจงจดจำความเจ็บปวดเจียนตายนี้ให้ขึ้นใจ นางบอกตัวเองแล้วยิ้มให้แผ่นฟ้าพร้อมหลับตาลงช้า ๆ ไม่รับรู้อะไรอีก
