ตอนที่ 3 ที่นี่ที่ไหน
ตอนที่ 3
ลินดาเปลี่ยนมาลุกขึ้นยืน หมุนตัวไปรอบ ๆ งุนงงสับสนต่อเหตุการณ์ตรงหน้า มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เธอตกจากสะพานคอนกรีตสูง สองข้างทางก็เต็มไปด้วยอาคารที่สร้างจากวัสดุในสมัยปัจจุบัน
แต่แล้วเธอกลับมาโผล่อีกที่หนึ่ง ซึ่งมองยังไงก็ต่างกันลิบลับเลย ลินดาสำรวจว่ากระเป๋าสะพายยังอยู่ดีหรือเปล่า แต่พอล้วงของข้างในออกมา กลับไม่มีอะไรเสียหายเพราะเปียกน้ำเลย เรียกได้ว่าแห้งสนิท อย่าว่าแต่ของพวกนี้เลย เสื้อผ้าหน้าผมของหญิงสาวเหมือนตอนที่ยังไม่ตกน้ำ
“เกิดเรื่องบ้าอะไรอีก”
เมื่อคิดไม่ตก ลินดาจึงเปลี่ยนมามองหาผู้คน เพื่อจะสอบถามว่าที่นี้คือที่ไหน จะได้หาทางกลับไปที่รถ หรือที่บ้านถูก
ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวแต่งกายประหลาด แบบที่เธอเคยเห็นในหนังจีนโบราณไม่มีผิด ลินดากลืนน้ำลายลงคอ อย่าบอกนะว่า...ไม่เอา ๆ อย่าคิดไปเอง หญิงสาวเดินเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสองที่ดูอ่อนวัยกว่าเธอมาก
“ขอโทษนะคะ ขอถามหน่อยว่านี้คือที่ไหน”
“...” แต่สิ่งที่ลินดาได้รับคือความเงียบและความไม่สนใจ
หญิงสาวแปลกหน้าเดินผ่านลินดาไป แม้แต่หางตาก็ไม่คิดจะชายมามอง ลินดากัดฟันข่มความโกรธ ปั้นสีหน้ายิ้มแย้มเข้าไปขวางหน้าอีกครั้ง
“ช่วยบอกฉันหน่อย ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ขอร้องละค่ะ”
แต่หญิงสาวทั้งสองไม่มีทีท่าจะได้ยินเสียงของลินดา นอกจากนี้ยังเดินทะลุผ่านตัวของหญิงสาวไปหน้าตาเฉย
ลินดายืนชะงักค้างอยู่กับที่ สองตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น
...นี้เราตายแล้วหรือ แล้วนี่เป็นนรกหรือสวรรค์กัน...
จวนของเสนาบดีกรมโยธาธิการ
กล่าวถึงเรื่องราวภายในจวนของเสนาบดีกรมโยธาธิการ นามว่า ฉินจินเอวี๋ยน ใต้เท้าฉินมีฮูหยินใหญ่ จูจื่อเถิง เป็นผู้ดูแลเรื่องราวภายในจวนทั้งหมด ทั้งสองมีบุตรสาวด้วยกันสองคนคือ คุณหนูใหญ่ ฉินซุ่ยเหลียน กับคุณหนูรอง ฉินเฉียงเวย ส่วนบุตรชายเพียงคนเดียวของใต้เท้าฉิน เป็นบุตรคนเล็กสุดของจวน มีนามว่า ฉินเฟิงเหนียน เป็นลูกที่เกิดจากอนุที่ตายจากไปแล้ว เฟิงเหนียนจึงมาอยู่ในความดูแลของฮูหยินใหญ่
...ใช่ว่าฉินจินเอวี๋ยนจะมีบุตรธิดาเพียงแค่สามคนเท่านี้...
ยังมีบุตรที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของบิดาและคนในตระกูลเลยก็คือ ฉินมู่หลัน สตรีที่น่าสงสารที่สุดเท่าที่เคยเห็น
มู่หลันเป็นบุตรที่เกิดจากอนุม่อหลาน สาวชาวบ้านธรรมดา แต่พอนางให้กำเนิดบุตรสาวได้เพียงหนึ่งปี นางก็ถูกกล่าวหาว่าคบชู้สู่ชาย จนใต้เท้าฉินสั่งลงโทษโบย แต่ม่อหลานทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจไปในที่สุด
ฉินจินเอวี๋ยนโกรธอนุม่อหลานมาก แม้แต่บุตรสาวของนาง เขาก็ยังละทิ้ง ไม่มาสนใจไยดี มีเพียงเหยียนเหยียน บ่าวรับใช้ซึ่งมีหน้าที่ซักผ้า มาคอยเป็นพี่เลี้ยง เลี้ยงดูจนมู่หลันเติบโตมาจนถึงวัยใกล้ปักปิ่น
มู่หลันที่เริ่มโตเป็นสาว เปล่งประกายความงามล่มเมือง จนพี่สาวทั้งสองไม่ชอบขี้หน้า เพราะเกิดความอิจฉาริษยา จึงหาทางกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา ด้วยความที่มู่หลันมีนิสัยไม่สู้คน อ่อนแอ พี่สาวทั้งสองก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งมีมารดาคอยให้ท้ายด้วยแล้ว
ชีวิตในแต่ละวันของมู่หลัน นางต้องตื่นเช้า มาลงมือทำอาหารให้ทุกคนในจวน พอทำอาหารเสร็จก็ทำงานอย่างอื่นต่อ ไม่ว่าจะเป็นซักผ้า ทำความสะอาดเรือน หรือแล้วแต่ฮูหยินใหญ่กับบุตรสาวจะเอ่ยปากใช้ เรียกได้ว่านางทำงานไม่ต่างจากพวกสาวรับใช้เลยทีเดียว
เหยียนเหยียนและบ่าวไพร่คนอื่น ๆ แม้จะสงสารคุณหนูสามมากเพียงไร แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก เพราะถูกสั่งห้ามไม่ให้ช่วยเหลือ ถ้าใครฝ่าฝืนก็จะถูกสั่งโบยจนหลังลาย
วันหนึ่งซุ่ยเหลียนกับเฉียงเวย เดินเข้ามาในเรือนที่มีขนาดเล็กมาก เพื่อมาหาน้องสาวต่างมารดา ที่กำลังก้มหน้าก้มตาปักผ้าตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่อยู่
ยามที่มู่หลันเงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่สาวทั้งสอง ยืนกอดอกทำสีหน้าเจ้าเล่ห์จ้องมาทางตนเอง ร่างกายของนางเกิดสั่นสะท้าน หวาดกลัวว่า วันนี้พวกพี่สาวจะแกล้งอะไรตนเองอีก
“มู่หลัน คารวะท่านพี่ทั้งสอง” หญิงสาวลุกขึ้นย่อคำนับพี่สาวทั้งสอง
“หลันเอ๋อร์ พี่มีอะไรอยากให้เจ้าช่วยหน่อย” คุณหนูใหญ่ซุ่ยเหลียนกล่าวเสียงหวานปานน้ำผึ้ง
แต่สร้างความแปลกใจให้กับคุณหนูสาม ร้อยวันพันปี พี่สาวของนางไม่เคยจะพูดจาดีด้วย นอกจากนี้ยังไม่เห็นว่านางเป็นน้องร่วมบิดาด้วย แต่ทำไมวันนี้พี่ใหญ่ถึงมาแปลก ๆ
“พี่ใหญ่ มีอะไรให้มู่หลันช่วยหรือเจ้าคะ”
“น้องรองนะสิ ไปเล่นซุกซนด้านหลังของจวน แล้วเกิดทำปิ่นปักผมที่ท่านแม่ซื้อให้ตกลงไป หากท่านแม่รู้เข้า น้องรองต้องถูกลงโทษแน่” ซุ่ยเหลียนตีหน้าเศร้า
“เหตุใดไม่ตามบ่าวชายลงไปเก็บให้ละเจ้าคะ” มู่หลันมองพี่สาวทั้งสองอย่างแคลงใจ
“ไม่ได้ พี่ไม่อยากทำอะไรให้เอิกเกริก เดียวท่านแม่จะรู้” เฉียงเวยเป็นฝ่ายพูดออกมา
“แต่ว่า...” มู่หลันกลัวจับใจ ว่านี้จะเป็นแผนการของพี่สาวต่างมารดา
“ไม่มีแต่ หรือเจ้ากล้าขัดคำสั่ง ไม่คิดจะช่วยพวกพี่” ซุ่ยเหลียนเริ่มเสียงแข็ง นัยน์ตาเหยี่ยวมีแววดุดัน
เพียงเท่านี้มู่หลันก็ตัวสั่นไม่กล้าเอ่ยปากปฏิเสธ ต้องจำใจเดินตามพวกพี่สาวไปทางท้ายจวน
ด้านหลังสุดของจวน มีบ่อน้ำร้างที่ไม่ได้ใช้งาน รอบ ๆ บ่อมีหญ้าขึ้นจนรก สตรีทั้งสามแหวกหญ้าเข้าไปยืนใกล้ขอบบ่อน้ำร้าง
“พี่ใหญ่กับพี่รองจะให้มู่หลันช่วยอย่างไรเจ้าคะ” มู่หลันเสียงสั่น
“ช่วยปีนเชือกลงไปเก็บปิ่นปักผมให้พี่หน่อย เดียวพวกพี่จะจับเชือกด้านบนไว้ให้แน่น” เฉียงเวยยื่นเชือกเส้นหนาที่ถือติดมือมาให้ดู
มู่หลัน มองลงไปด้านล่างบ่อน้ำ แม้ไม่ลึกมากเหมือนบ่อปกติ นางก็ไม่อยากลงไปอยู่ดี แต่มีหรือจะขัดคำสั่งของพวกพี่สาวได้
หญิงสาวจับปลายเชือกผูกไว้รอบเอวให้แน่น หลังจากนั้นก็กลั้นใจขึ้นไปนั่งบนขอบบ่อ “ท่านพี่ พวกท่านต้องจับเชือกไว้แน่น ๆ นะเจ้าคะ”
“รู้แล้วล่ะ ไม่ต้องสั่งให้มากความ รีบ ๆ ไต่ลงไปเสีย” น้ำเสียงที่เป็นมิตรของคุณหนูใหญ่เริ่มเจือแววความหงุดหงิด
มู่หลันเริ่มจับเชือกอีกเส้นที่ปลายข้างหนึ่งผูกติดกับต้นไม้ ลงไปด้านล่างบ่อช้า ๆ ส่วนซุ่ยเหลียนกับเฉียงเวยที่ช่วยกันจับเชือกที่ผูกเอวของมู่หลันไว้ ค่อย ๆ ผ่อนเชือกไปตาม
สักพักสตรีทั้งสองนางมองหน้าสบสายตากัน จากนั้นก็พากันปล่อยมือจากเชือก พร้อมกับใช้มีดที่แอบเอามาปาดเชือกที่ผูกกับต้นไม้จนขาด
ว้าย!
พลั่ก!
ร่างสมส่วนของมู่หลันตกไปกระแทกพื้นบ่ออย่างแรง โชคดีที่ก้นบ่อยังพอมีน้ำอยู่ แม้ไม่มากแต่ก็พอช่วยลดแรงกระแทกได้บ้าง
“โอ๊ย! ท่านพี่ช่วยด้วย” มู่หลันร้องเรียกให้ช่วย เพราะคิดว่าเชือกมันคงขาดและหลุดมือมาเอง
ซุ่ยเหลียนกับเฉียงเวย ก้มลงมองไปยังน้องสาว ที่แหงนหน้าส่งสายตาวิงวอน อย่างสาแก่ใจ ทั้งสองช่วยกันหาแผ่นไม้มาปิดปากบ่อเอาไว้
“อยู่ในนั้นสักคืนสองคืนนะ มู่หลัน ไว้อีกสองวันข้าจะส่งคนมาช่วย”