บท
ตั้งค่า

5 วางแผน nc

ตอนที่ 5 วางแผน

“พี่ต้าฟ่งท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ หากท่านไม่ได้แต่งกับเหวินรุ่ย ท่านจะไม่ได้รับการสืบทอดตำแหน่งหรือเจ้าคะ” หงเหมยหลิวเอ่ยถามคนรัก

“ใช่แล้วล่ะเหมยหลิว หากข้าไม่ได้รับตำแหน่งผู้สืบทอด ท่านพ่อคงไม่ยอมให้ข้ากับเจ้าได้สมหวัง” หวังต้าฟ่งดึงคนรักมาสวมกอดอย่างแผ่วเบา

“หากเรื่องเป็นเช่นนี้ ท่านก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะเจ้าค่ะ เหวินรุ่ยน่ะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง แต่ตอนนี้… ท่านต้องทำหน้าที่ของท่านก่อนนะเจ้าคะ” หงเหมยหลิวส่งสายตาอ่อนช้อยให้กับคนรักและลูบไล้หน้าอกแสนกำยำของเขา จนเขาแสดงด้านมืดที่แสนกระหายออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“เจ้าต้องการหรือ?” หวังต้าฟ่งก้มลงกระซิบข้างหูคนรักแล้วกดเสียงต่ำลงอย่างหลอกล่อนาง

“หรือท่านไม่อยากล่ะเจ้าคะ” หงเหมยหลิวดันต้าฟ่งไปติดกับต้นไม้ ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อตัวนอกของเขาออกอย่างเย้ายวน

“อืมมม ข้าอยากกินเจ้าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ” หวังต้าฟ่งครางออกมาและเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ชุดของข้ามันถอดยากสินะ เช่นนั้นก็ไม่ต้องถอดมันแล้ว”

หวังต้าฟ่งดึงคนรักมาใกล้ๆ และให้นางหันหลังให้เขา ก่อนจะก้มลงซุกไซร้ตรงซอกคอของนางจากด้าหลังจนนางขนลุกซู่

“เพียงเท่านี้เจ้าก็ไม่ไหวแล้วหรือ”

หวังต้าฟ่งเห็นว่าเหมยหลิวร่างกายอ่อนระทวยเขาจึงยิ้มเยาะออกมาก่อนจะเชยคางนางหันมาทางตนและบรรจงจูบอย่างดูดดื่ม มือหนาของเขาเลื่อนไปมาระหว่างขาอ่อนและท้องน้อยของนาง อีกมือขยำหน้าอกดอกบัวตูมอย่างเบามือ

“อืม… อ๊า..” หงเหมยหลิวส่งเสียงกระเส่าออกมานั่นยิ่งทำให้แก่นกายของชายชาตรีของเขาตุงออกมาอย่างเด่นชัด

“มันเริ่มสู้มือข้าแล้วนะเจ้าคะ” เหมยหลิวเอื้อมมือไปด้านหลังและลูบไล้ท่อนเอ็นผ่านเสื้อผ้า และส่งเสียงหวานๆ ออกมาเป็นระยะๆ เมื่อถูกเขากระตุ้นอารมณ์

“เจ้านี่ช่างเร้าอารมณ์เก่งซะเหลือเกิน หากข้าไม่จับเจ้ากินตอนนี้ ข้าคงเป็นพระหรือก้อนหินไปแล้วล่ะ”

เสียงแหบพร่าของหวังต้าฟ่งพูดขึ้นหลังจากผละออกจากริมฝีปากงาม

ต้าฟ่งถลกกระโปรงตัวยาวของเหมยหลิวขึ้น และถอดกางเกงตัวในของตนและนางลงมาไว้ช่วงต้นขา

“อ๊า…” เหมยหลิวร้องครางออกมาอย่างได้อารมณ์เมื่อท่อนเอ็นนั้นเริ่มสอดแทรกบดเบียดเข้ามาในกายของนาง มือซุกซนของนางรีบคว้าจับไปที่ท่อนเอ็นนั้นเอาไว้อย่างไม่อายฟ้าดิน

“อืมม เจ้าไม่อยากให้ข้าเข้าไปหรือ” เมื่อท่อนเอ็นร้อนของต้าฟ่งเข้าไปได้ยังไม่ถึงครึ่ง ก็ถูกมือเล็กรวบเอาไว้เสียก่อน เขาก็ก้มลงพรมจูบแผ่นหลังของนางและขยำหน้าอกเพื่อเร้าอารมณ์นางให้มากขึ้น

“ข้าไม่ได้สัมผัสมันมานานแล้ว ข้าอยากรู้ว่ามันใหญ่ขึ้นแบบนี้ได้เช่นไร” เหมยหลิวกำท่อนแข็งๆ นั้นชักเข้าชักออกอย่างเบามือ

“อ๊า… เจ้าทำให้ข้าคลั่งแล้วนะรู้ตัวหรือไม่” ต้าฟ่งกัดฟันแน่นและทนกับความต้องการที่มากขึ้นในทุกทีที่นางขยับมือ

“ข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ เชิญท่านลงโทษข้าเต็มที่ได้เลย” เหมยหลิวที่อยู่ในท่าก้ม แอ่นก้นงอนๆ ขึ้นเพื่อรอรับแรงกระแทกทันที นางปล่อยมือออกจากท่อนเอ็นนั้นแล้วดันก้นงอนไปด้านหลังช้าๆ

“เสียวชะมัด” ต้าฟ่งสบถออกมาก่อนจะจับเอวคอดของนางไว้มั่น แล้วกระแทกความเป็นชายเข้าไปจนสุดลำอย่างรัวเร็ว

“อืมม อย่างนั้นแหละเจ้าค่ะ ซี๊ด…” เหมยหลิวคว้าจับแขนของคนรักทางด้านหลังเอาไว้ ส่วนอีกมือคอยดึงกระโปรงที่รุ่มร่ามไม่ให้ปิดบังการมองเห็นของเขา

“ข้าได้ยินมาว่าแถวนี้มีกระต่ายป่ามากเลยทีเดียว”

จู่ๆ ก็มีเสียงชายสองคนดังขึ้นไม่ไกล

“แถวป่าละแวกนี้จะมีกระต่ายจริงหรือ”

“มีสิ! เมื่อสองวันก่อนข้ายังไปทำกับดักแถวทางนั้นอยู่เลยตัวอวบอ้วนที่เจ้ากินไปเมื่อคราก่อนข้าก็ได้มาจากแถบนี้แหละ”

“งั้นหรือ เช่นนั้นเราไปทางที่เจ้าว่ากันเถอะ”

เมื่อชายหนุ่มทั้งสองเดินผ่านพุ่มไม้ขนาดใหญ่ไป เหมยหลิวที่เอามือปิดปากตนไว้แน่นก็เกร็งกระตุกอย่างแรง ส่วนต้าฟ่งก็กระแทกเอวสอบอย่างไม่ยั้ง เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครเดินผ่านและยังทำเช่นนั้นต่ออีกจนเหมยหลิวขึ้นสวรรค์เป็นรอบที่สองเขาจึงได้หยุดความบ้าคลั่งลงไปได้

“เมื่อครู่ข้าตกใจมากเลยเจ้าค่ะ ข้านึกว่าพวกเราจะโดนจับได้แล้วเสียอีก” หงเหมยหลิวที่แต่งกายเสร็จแล้วช่วยคนรักสวมใส่เสื้อให้เข้าที่ตามเดิม แล้วกอดออเซาะเขาอย่างหวงแหน นางยังเอามือลูบช่วงล่างของเขา และบอกว่านี่คือของนาง

“เจ้าต้องการแค่มันงั้นหรือ แล้วข้าล่ะ เจ้าทำเช่นนี้ข้าน้อยใจนะ” หวังต้าฟ่งแกล้งหยอกล้อเหมยหลิว

“นี่ก็ร่างกายท่านไม่ใช่รึ หากท่านไม่เชื่อข้าจะทำให้ดูว่าท่านชอบมันเพียงใด”

เหมยหลิวล้วงเข้าไปในกางเกงของต้าฟ่งจนเขาเคลิบเคลิ้ม ทว่าพอเขานึกขึ้นมาได้ว่าต้องรีบกลับจวนจึงต้องบอกลานางและนัดกับนางเอาไว้ว่าอีกสองวันข้างหน้าให้มารอเขาที่ร้านข้างทางอีกเช่นเดิม

“เช่นนั้น ข้าก็จะไปเป่าหูเหวินรุ่ยเสียหน่อย ท่านจะได้ครองตำแหน่งผู้สืบทอดโดยเร็ววัน”

หงเหมยหลิวเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มต้าฟ่งก่อนจะหันรีหันขวาง พอนางไม่พบใครจึงรีบเดินเร็วๆ ออกไปจากพุ่มไม้นั่นไปในทันที

“หึ! เป็นแค่ที่ระบาย แต่กลับอยากครองร่างกายของข้างั้นรึ”

หวังต้าฟ่งหัวเราะในลำคอ แต่พอนึกถึงลีลาอันจาบจ้วงเมื่อครู่ของนาง เขาก็เผยรอยยิ้มที่อันตรายออกมา

ณ ร้านผ้าไหมสกุลจิ่ง

“วันนี้ดูเหมือนลูกสาวของข้าจะโชคเข้าข้างสินะ” จิ่งจงอี้ที่กำลังเดินดูผ้าไหมในร้านเห็นลูกค้าแวะเวียนเดินไปดูเครื่องประดับของบุตรสาวบ่อยครั้งจึงยิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจ

“ใช่แล้วขอรับนายท่าน ข้าก็พึ่งรู้เช่นกันว่าคนส่วนหนึ่งก็ชอบของสวยงามและสิ้นเปลืองเช่นนี้ด้วย” ผู้ดูแลร้านนามหานมู่เฉินขานตอบผู้เป็นนาย

“มู่เฉิน จากนี้ไปเจ้าต้องดูแลนางให้ข้าด้วยนะ”

“นายท่านโปรดวางใจ คุณหนูก็เป็นนายของข้าเช่นกัน ดังนั้นแล้วทุกสิ่งอย่างข้าจะคอยดูแลให้อย่างดีเลยล่ะขอรับ”

“ได้ยินเช่นนี้แล้วข้าก็เบาใจ” จิ่งจงอี้คอยมองไปทางบุตรสาวที่เอาแต่ยิ้มแย้ม แล้วชวนลูกค้าดูข้าวของที่นางวางขายอย่างอารมณ์ดี

“นางช่างเหมือนจ้าวหลิงแม่ของนางเหลือเกิน” จงอี้ยิ้มอ่อนก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน

“นั่นสิขอรับ คุณหนูของเราเหมือนกับนายหญิงอย่างกับว่าถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยน” ก่อนที่หานมู่เฉินจะเดินตามหลังผู้เป็นนายเข้าไปด้านใน เขาได้ทิ้งคำพูดเอาไว้อย่างแผ่วเบา

“คุณหนูไม่อยู่บ้านขอรับ” คนงานบ้านจิ่งเดินมาเปิดประตูบ้าน พบว่าผู้มาเยือนคือเพื่อนสนิทของคุณหนูจึงได้ตอบไปตามจริง

“นางไปที่ใดรึ” หงเหมยหลิวที่แสดงสีหน้าไม่พอใจเอ่ยถามคนงานบ้านจิ่ง

“ข้าน้อยคิดว่าคุณหนูน่าจะไปที่ร้านผ้าไหมขอรับ”

“น่าจะงั้นหรือ เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่านางไปที่ใด” หงเหมยหลิวใช้เสียงที่ดังขึ้นและกอดอกอย่างรำคาญ

“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับเพราะคุณหนูไม่ได้บอกข้าน้อยไว้ก่อนที่จะออกไป”

“ไม่ได้เรื่อง!” หงเหมยหลิวพูดเน้นทีละคำพร้อมกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดหนึ่งทีก่อนจะเดินจากไป

“มีบ้านช่องแต่ก็ไม่อยู่ นี่ข้าจำเป็นต้องไปดูที่ร้านผ้าไหมด้วยหรือเนี่ย” เหมยหลิวบ่นพึมพำ ทว่าขาทั้งสองข้างของนางก็เดินไปทางร้านขายผ้าไหมของบ้านจิ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก

“เหอะ! ข้าต้องเดินมาไกลถึงเพียงนี้ คอยดูเถอะว่าข้าจะหลอกล่อเจ้าแบบไหนดีถึงจะเหมาะสมกับคนร่านเช่นเจ้า”

เมื่อเดินมาถึงหน้าร้านขายผ้าไหม ที่มีผ้าหลายแบบหลายขนาดให้เลือกสรร เหมยหลิวก็รีบปรับสีหน้าให้ดี และเดินอย่างผู้ดีเข้าไปทักทายเหวินรุ่ยอย่างเป็นกันเอง

“เหวินรุ่ย เจ้ามาทำอันใดที่นี่หรือ เมื่อครู่ข้าไปหาเจ้าที่บ้านมา แต่คนงานก็บอกว่าเจ้ามาที่นี่” เหมยหลิวยิ้มหวานแล้วเอ่ยทักเหวินรุ่ยไป

“ข้ามาทำงานน่ะ” เหวินรุ่ยตอบไปในขณะที่กำลังจัดวางเครื่องประดับอีกครั้งหลังจากที่ได้เอาขึ้นมาให้ลูกค้าได้เลือกแล้ว

“แหม… คุณหนูอย่างเจ้าอยู่บ้านนั่งถักเย็บเสื้อผ้าจะไม่ดีกว่าหรือ เหตุใดต้องหางานทำให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อยกันด้วยเล่า” หงเหมยหลิวพูดออกไปเหมือนกับว่านางเป็นห่วงเป็นใย แต่แท้จริงแล้วกลับแอบสะใจอยู่ไม่น้อย

ว่ากันว่าช่วงนี้การค้าผ้าไหมย่ำแย่มากถึงขีดสุด จิ่งเหวินรุ่ยที่ไม่เคยทำงานมาตั้งแต่เกิดก็ต้องออกมาทำงานปากกัดตีนถีบเพื่อหาเลี้ยงชีพ พอเห็นเช่นนี้แล้วเหมยหลิวก็รู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel