บท
ตั้งค่า

4 พลิกหน้าดิน 2

ตอนที่ 4 พลิกหน้าดิน 2

“เช่นนั้นท่านลุงจางช่วยรอข้าสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ข้าจะไปนำปลาย่างเกลือมาให้เจ้าค่ะ”

เฉินอวี้ซินยิ้มอ่อน ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปที่ห้องครัวขนาดเล็ก แล้วหยิบเอาปลามาให้ท่านลุงจาง

“ขอบใจๆ พอข้ากินมื้อเช้าเสร็จข้าจะมาเริ่มงานในทันที”

เฒ่าจางรับเอาปลาย่างตัวโตมาแล้วกล่าวขอบคุณเฉินอวี้ซินอย่างดีอกดีใจ เขาไม่คิดว่าเขาจะได้รับปลามาด้วยวิธีที่ง่ายดายถึงเพียงนี้

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอไปเข้าครัวต่อนะเจ้าคะ”

“ได้เลยๆ เชิญเจ้าตามสบาย ข้าขอลา”

เฒ่าจางยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้วรีบหันหลังจากไป

“แค่ปลาย่างตัวเดียว ข้าไม่ยักรู้มาก่อนว่ามันจะทำให้ชาวบ้านตาดำๆ มีความสุขได้ขนาดนี้”

เฉินอวี้ซินยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องครัว

ติ๊ง!

[เนื่องจากหมู่บ้านไป๋ซานประสบภัยแล้งมามากกว่าสองปี ทั้งอาหาร และ น้ำดื่ม ทุกอย่างล้วนขัดสน และมีข้อกำหนดที่แน่ชัด ดังนั้นแล้วการได้กินเนื้อสักมื้อ หรือข้าวเต็มถ้วย นั่นถือว่าได้รับพรจากเทพเจ้า…]

“ระบบ เจ้าจะบอกข้าว่าข้าโชคดีที่มีเจ้าคอยช่วยเหลือสินะ”

เฉินอวี้ซินพูดกับระบบพร้อมกับหยิบไข่สามฟองออกมาแล้วนำไปต้ม

ในเมื่อปลาเหลือเพียงหนึ่งตัว เฉินอวี้ซินจึงเลือกนำไข่มาทำเป็นอาหารเช้าเพิ่มอีกอย่าง แต่พอนึกถึงอาหารเที่ยงขึ้นมานางก็ต้องเอามือกุมขมับตนเองอย่างจนใจ

เมื่อวานหลังจากที่ข้าได้ขึ้นเขาไป นอกจากจะตรวจสอบผักและสมุนไพรบางตัวได้แล้ว ข้ายังได้เห็นความเป็นอยู่ที่แสนจะแห้งแล้งของป่าเขา ลำธารที่ทอดยาวนั่นมีน้ำอยู่ไม่ถึงครึ่งของลำธารด้วยซ้ำ แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ยังมีน้ำให้ใช้สอยอยู่บ้าง

ส่วนพวกผักป่าที่มีมากหน่อยเห็นจะเป็นพวกผักทั่วไปและไม่ได้มีความอร่อยมากนัก ทว่าผักป่าเหล่านั้นก็ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงไม่อดตายไปเพราะความหิวโซ

“ข้าไม่เข้าใจว่าเราจะปลูกข้าวได้เช่นไรในเมื่อน้ำท่าก็มาไม่ถึง แถมที่ดินยังมีความแห้งแล้งอยู่หลายส่วน”

เฉินอวี้ซินเอ่ยถามระบบ

“นางคุยกับใครอยู่หรือ?”

เฉินตงห่าวหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าน้องสาวของเขาพูดคนเดียวเป็นตุเป็นตะ

ติ๊ง!

[เราได้ตรวจสอบบริเวณรอบๆ ตามทางที่โฮสต์ได้เดินผ่านแล้ว ระบบได้พบแหล่งทรัพยากร และพืชผักจำนวนหนึ่ง ระบบกำลังคำนวณรางวัลที่โฮสต์จะได้รับ…]

“ข้าได้รางวัลด้วยหรือ?”

เฉินอวี้ซินอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเติมไม้ฟืนใส่เตาหุงต้มเพิ่มอีกเล็กน้อย

ติ๊ง!

[โปรดรอสักครู่… ระบบกำลังส่งมอบรางวัลให้กับท่าน…]

สิ้นเสียงจากระบบ จู่ๆ กลางอากาศก็เกิดแสงสีแดงจางๆ พร้อมกับข้าวสารหนึ่งกิโลปรากฏออกมา

“ข้าวเหรอเนี่ย เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนล่ะว่าหากสำรวจภูเขาจะได้รับข้าวสารมาด้วย”

อวี้ซินยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น นางยื่นมือรับเอาถุงข้าวสารที่ลอยลงมาอย่างช้าๆ

ติ๊ง!

[การสำรวจป่ายังไม่ครบถ้วน โฮสต์โปรดทำภารกิจให้สมบูรณ์เพื่อรับของรางวัล]

“เมื่อวานข้าขึ้นเขาไปกี่ส่วนแล้ว?”

เฉินอวี้ซินเอ่ยถามระบบ

ติ๊ง!

[หนึ่ง จากสิบส่วนของภูเขา…]

“หืม ข้าพึ่งสำรวจไปได้แค่นิดเดียวเองสินะ โห… ข้าพึ่งจะรู้นะเนี่ยว่าภูเขาลูกนี้ใหญ่ขนาดนั้น”

ติ๊ง!

[ภูเขาไม่ได้ใหญ่มาก เพียงแค่ท่านเดินยังไม่ทั่วถึง…]

“ชิ… เจ้าจะบอกว่าข้าเดินช้าสินะ แต่เอาเถอะเมื่อวานอาจเป็นเพราะข้ายังไม่คุ้นชิน แถมร่างกายของข้ายังไร้เรี่ยวแรง ฟื้นฟูยังไม่ดี วันนี้ไว้ข้าจะหาทางขึ้นเขาไปสำรวจพืชผักอีกครั้ง”

เฉินอวี้ซินพูดคุยโต้ตอบกับระบบอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

“น้องสาวของข้า… นางเสกข้าวสารออกมาได้ด้วยงั้นหรือ?”

เฉินตงห่าวที่ยืนแอบอยู่มุมมืดถึงกับดวงตาเบิกกว้าง เอามือปิดปากตนเองไว้แน่น แม้แต่ฉี่ที่เขากลั้นเอาไว้ก็ได้หดหายไปอย่างกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยปวดเบาเลยแม้แต่นิด

เฉินตงห่าวที่ได้สติคืนมารีบถอยหลังกลับเข้าไปในตัวบ้าน และนั่งคิดทบทวนภาพเหตุการณ์ที่พึ่งพบเจออย่างกระวนกระวายใจ

“ก่อนหน้านี้น้องสาวของข้าบอกว่าท่านเทพบอกให้ปลูกข้าว หรือว่านางติดต่อกับท่านเทพได้จริงๆ มิเช่นนั้นข้าวสารหนึ่งถุงผ้าจะปรากฏออกมาจากกลางอากาศได้อย่างไร”

ตงห่าวเอามือทั้งสองข้างกุมหัว แล้วนั่งจมอยู่กับความคิดที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร

แต่! น้องสาวของเขาหาใช่เด็กพูดปดมดเท็จไม่ เช่นนั้นเทพเจ้าต้องการให้นางทำอะไรกันแน่

“ไหนๆ ก็มีข้าวแล้วเช่นนั้นก็ทำโจ๊กสักหน่อยแล้วกัน ถึงมันจะมีแค่เกลือ แต่อย่างน้อยก็มีปลากับไข่ด้วยล่ะนะ”

หลังจากอวี้ซินต้มไข่เสร็จแล้วนางหันไปทางถังน้ำก่อนที่จะพบว่าน้ำได้หมดไปแล้ว

นางไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดีจึงได้แต่บ่นเสียงดังออกมาอย่างฉุนเฉียว

“น้องพี่เจ้าเป็นอันใดหรือ”

เสียงทุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อนจะเดินมาทางอวี้ซิน

“พี่ชาย คือว่าน้ำของบ้านเราหมดแล้วเจ้าค่ะ”

เฉินอวี้ซินทำหน้าเศร้าเหมือนคนสำนึกผิด ทั้งๆ ที่พี่ชายก็บอกนางแล้วว่าให้ใช้น้ำอย่างประหยัดแท้ๆ

“เจ้าโมโหเพราะน้ำหมดงั้นหรือ? แล้วเจ้ากำลังทำอันใดอยู่”

ตงห่าวที่เก็บความสงสัยเอาไว้ถามไถ่น้องสาวด้วยสีหน้าปกติ

“ข้าย่างปลา และต้มไข่ที่ได้มาจากเชิงเขาเมื่อวานเจ้าค่ะ แล้วก็เมื่อครู่ท่านเทพให้ข้าวสารข้ามาหนึ่งถุง ท่านเทพคงเห็นใจข้าที่หิวโหย แต่…น้ำที่บ้านเราหมดแล้ว ข้าจึงทำโจ๊กไม่ได้”

อวี้ซินก้มใบหน้าน้อยๆ ลงต่ำชำเลืองมองพื้นอย่างน่าเสียดาย

“เช่นนั้นเดี๋ยวพี่จะไปหาบน้ำมาให้เจ้าเอง เจ้ารอพี่ก่อนนะ”

ตงห่าวเดินมาใกล้ๆ น้องสาวแล้วเอามือลูบหัวนางอย่างเอ็นดู

เพียงแค่เขาได้ยินว่านางได้รับข้าวมาจากท่านเทพ คำพูดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ก็ทำให้เขาเชื่อแล้วว่าน้องสาวจะไม่มีวันโกหกเขาอย่างแน่นอน

ในเมื่อทุกสิ่งอย่างเมื่อครู่เขาก็ได้เห็นมากับตาตนเองแล้วดังนั้นเขาจึงอยากช่วยน้องสาวของเขาบ้าง เผื่อว่าท่านเทพจะเห็นใจชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ทนทุกข์เช่นเดียวกันกับครอบครัวของเขา

“ท่านจะไปตักน้ำหรือเจ้าคะ”

อวี้ซินเอ่ยถามพี่ชายเพราะในยามนี้ดวงตะวันยังไม่ทันได้ส่องสว่างเลยด้วยซ้ำ

“อืม พี่จะไปหาบน้ำมาให้เจ้า เจ้าจะได้ทำโจ๊กอย่างที่เจ้าอยากทำอย่างไรเล่า”

ตงห่าวยิ้มบางๆ แล้วเดินไปข้างบ้านก่อนจะหยิบถังน้ำมาสองถังพร้อมกับไม้หาบ

“ท่านจะไปนานหรือไม่เจ้าคะ หากท่านไปนานข้าจะได้ดับไฟนี่ก่อนจะได้ไม่เปลืองไม้ฟืน”

“พี่ไปไม่นานเท่าท่านแม่หรอก แต่หากเจ้ากลัวไม้ฟืนจะหมดเร็ว เจ้าก็ดับไฟไปก่อนก็ได้”

ตงห่าวที่เดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวหันกลับไปพูดคุยกับน้องสาวครู่หนึ่ง เมื่อเห็นนางพยักหน้าเข้าใจ เขาจึงหาบถังไม้ออกจากบ้านไปพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นมา

“อ้าว! อวี้ซินวันนี้เจ้ากับพี่ของเจ้าตื่นก่อนแม่หรอกหรือนี่”

เฉินหรูซีเดินออกมาจากตัวบ้านแล้วส่งยิ้มให้กับบุตรสาว

“ท่านแม่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

อวี้ซินหันไปตามเสียงและพบว่าผู้เป็นมารดากำลังนั่งย่อตัวลงเพื่อสวมใส่รองเท้า

“ในเมื่อเจ้าตื่นแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมปลุกแม่ด้วยเล่า”

หรูซีมองบุตรสาวของตนด้วยสายตาเอ็นดู นางไม่อยากให้บุตรสาวเพียงคนเดียวของนางต้องมานั่งลำบากหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ แต่ชะตาก็ช่างชอบเล่นตลกกับผู้คนนัก

“ข้าเห็นว่าท่านแม่เหนื่อยมาก ข้าจึงอยากให้ท่านได้พักอีกหน่อยเจ้าค่ะ”

อวี้ซินส่งยิ้มให้กับท่านแม่ของนาง ก่อนจะเทน้ำออกจากหม้อแล้วปล่อยให้ไข่ต้มเย็นตัวลง

“เจ้าทำอันใดแต่เช้าเช่นนี้”

หรูซีเดินไปทางข้างบ้านไม่กี่ก้าวแล้วมองไปยังห้องครัวที่พึ่งผ่านการใช้งานมาหมาดๆ

“ท่านแม่เมื่อเช้าท่านเทพมอบข้าวสารให้ข้าหนึ่งถุง แต่ข้านำน้ำมาต้มไข่จนหมด พี่ชายจึงอาสาไปตักน้ำมาให้ข้าทำโจ๊ก อืมมม ใช่แล้ว! เมื่อเช้าท่านลุงจางมาขอปลากับข้าไปตัวหนึ่ง แต่ข้าย่างไปหมดแล้วข้าจึงมอบปลาย่างเกลือให้ท่านไปหนึ่งตัว แลกกับการที่ท่านลุงจางจะต้องมาช่วยข้าพลิกหน้าดินเจ้าค่ะ”

อวี้ซินบอกผู้เป็นแม่ไป

“ดีแล้วล่ะ เจ้าทำถูกแล้ว ท่านลุงจางถึงท่านจะอายุเข้าเลขสี่ แต่ท่านก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แถมเมื่อก่อนท่านก็เคยช่วยแม่ในยามที่ขัดสนอยู่ไม่น้อย”

หรูซีคิดถึงครั้งสามีของนางยังอยู่ เมื่อก่อนบ้านจางก็สนิทกับสามีของนางมากถึงคราวสามีนางเจ็บป่วยบ้านจางก็ยื่นมือมาช่วยไว้ไม่น้อย

“จริงๆ แล้วลูกไม่ต้องไปยืมแรงท่านลุงจางก็ได้ เพียงแค่ปลาหนึ่งตัวแม่ว่ามันไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก”

“ท่านแม่ท่านคิดมากไปแล้ว ปลานั่นข้าให้ท่านลุงไปตามมารยาท แต่ว่าข้าตกลงกับท่านลุงเอาไว้ว่า หากท่านลุงช่วยงานข้าเสร็จ ข้าจะจับปลามาให้ท่านอีกหลายตัว”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ แม่ก็นึกว่าเจ้าจะเอาเปรียบบ้านท่านลุงจางที่เคยมีไมตรีต่อเราเสียอีก”

หรูซียิ้มอ่อนให้กับบุตรสาวพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

“แต่แม่ว่าเราควรจะบอกวิธีจับปลาให้ท่านลุงจางถึงจะเหมาะสมนะ อย่างน้อยๆ ท่านจะได้มีอยู่มีกินไม่ลำบากอย่างเช่นแต่ก่อน”

หรูซีบอกบุตรสาว

“ท่านแม่หากท่านทำเช่นนั้นอีกไม่นานชาวบ้านก็จะรู้วิธีจับปลากันหมด แล้วหากเป็นเช่นนั้นจริง ต่อไปนอกจากผักแล้วปลาเราก็จะไม่มีให้จับแล้วนะเจ้าคะ”

“อวี้ซิน เหตุใดเจ้าถึงได้คิดเช่นนั้นออกมาได้ เจ้าจะเห็นแก่ตัวได้อย่างไรหากเราช่วยผู้อื่นได้ก็ควรจะบอกกล่าวสิถึงจะถูก”

“ท่านแม่ท่านลองคิดตามที่ข้าพูดนะเจ้าคะ หากชาวบ้านรู้วิธีจับปลาแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี ทว่ากลับกัน หากมีผู้ประสงค์ร้ายจับปลาทั้งหมดไปแลกกับอาหารในเมือง แล้วชาวบ้านตาดำๆ ที่เหลืออยู่ก็จะกลับมาแร้นแค้นเช่นเดิม แบบนี้นอกจากปลาจะหมดลำธารแล้ว ก็ไม่ได้เกิดผลดีอะไร ไม่สู้เราค่อยๆ แอบช่วยผู้อื่นไปเงียบๆ จะไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ หากมีคนรู้มากเกินไปนั่นอาจจะทำให้ลำธารทั้งสายเสียสมดุลไปเลยก็ได้นะเจ้าคะ”

อวี้ซินก็ไม่เข้าใจว่าตนพูดออกไปเช่นนั้นได้อย่างไร ทั้งที่นางก็ไม่เคยรู้เกี่ยวกับการวางแผนใดๆ มาก่อน แต่คำพูดมากมายก็พรั่งพรูออกมาจากปากของนางโดยผ่านการกลั่นกรองมาอย่างดี

“แม่คิดน้อยไปเองแหละ หากเจ้าว่าเช่นนั้นเราก็คอยช่วยชาวบ้านอย่างลับๆ ก็ได้ แต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่ได้เก่งกาจอันใด อันที่จริงแม่เพียงแค่อยากให้เจ้ากับตงห่าวอยู่ดีกินอิ่มเพียงเท่านั้น”

มันก็จริงดั่งอวี้ซินว่า หากคนขึ้นเขาไปจับปลากันจนหมด หลังจากนั้นต่างหากที่จะเป็นหายนะโดยแท้ หรูซีถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้กับบุตรสาวที่มีความคิดรอบคอบ

หลังจากที่อวี้ซินตื่นขึ้นมา นางเปลี่ยนไปมากจริงๆ แม้แต่คำพูดคำจาก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น นางไม่งอแงเหมือนเมื่อก่อนแถมมีความรับผิดชอบสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

นั่นก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่ข้าก็แอบกลัวอยู่นิดๆ เพราะจู่ๆ ก็มีเทพจากไหนก็ไม่รู้มาคอยช่วยเหลือนาง แถมยังมอบข้าวเปลือกข้าวสารให้กับนางอีก

หวังว่าเทพผู้นี้จะเป็นเทพที่นิสัยดีและไม่เอาความดีความชอบจากบุตรสาวของข้าในภายหลัง

ครึ่งก้านธูปผ่านไป

ตงห่าวได้หาบน้ำเต็มทั้งสองถังกลับมาที่บ้าน และพบว่าท่านแม่ตื่นแล้ว พอเขาวางถังน้ำลงน้องสาวของเขาก็เริ่มต้มโจ๊กทันที

“โจ๊กมื้อนี้เห็นเม็ดข้าวมากกว่าทุกมื้อเลยนะขอรับ”

ตงห่าวเอ่ยถึงพร้อมกับยกซดถ้วยโจ๊กอึกใหญ่

“ก็เพราะท่านเทพของอวี้ซินนั่นแหละเราถึงได้กินอิ่มนอนหลับเช่นนี้”

หรูซีหันไปทางบุตรสาวที่กำลังปอกเปลือกไข่ต้มอยู่

“อืมใช่สิพี่ชาย วันนี้ข้าจะต้องขึ้นเขาไปจับปลา ท่านไปกับข้านะ ส่วนท่านแม่ให้อยู่ดูท่านลุงจางทำงานนะเจ้าคะ ถือเสียว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัว”

“ได้สิพี่จะไปกับเจ้าเอง”

ตงห่าวที่ได้ยินน้องสาวพูดกับท่านเทพ ว่า นางต้องไปสำรวจผืนป่ารีบตอบรับน้องสาวไปอย่างไม่ต้องคิด

“เอาเช่นนั้นก็ได้ แต่ช่วงบ่ายแม่จะเอาผ้าไปซักที่ท้ายหมู่บ้านเสียหน่อย ดังนั้นพวกเจ้าอย่าห่วงแต่เล่นรีบไปรีบมาด้วยล่ะ”

หรูซีหันไปกำชับบุตรชายที่คีบเนื้อปลาคำใหญ่ใส่ปาก

“ท่านแม่อย่ากังวลไปเลยขอรับ มีข้าอยู่น้องสาวจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”

ตงห่าวยิ้มกว้างให้กับผู้เป็นมารดาก่อนจะหันไปทางน้องสาวที่ก้มลงปอกเปลือกไข่ต่อและค่อยๆ กินไข่ต้มทีละคำตามด้วยตักโจ๊กอุ่นๆ เข้าปาก

หลังมื้อเช้าจบลงได้ไม่นาน ท่านลุงจางกับลูกเขยก็มาหาหรูซี และได้เริ่มงานพลิกหน้าดินอย่างขยันขันแข็ง

เฒ่าจางถามหรูซีว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงอยากกลับหน้าดินในยามนี้ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จริงๆ แล้วจะเป็นฤดูเพาะปลูกแต่ฝนก็ได้ทิ้งช่วงไปนานแล้ว แถมเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกนั่นก็ราคาแพงแสนแพง

แต่พอรู้ว่าบุตรสาวของหรูซีได้รับการไว้วานให้ปลูกข้าวจากผู้อื่นนางจึงอยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง ทำให้เฒ่าจางพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel