บท
ตั้งค่า

3 พลิกหน้าดิน 1

ตอนที่ 3 พลิกหน้าดิน 1

นอกจากสามแม่ลูกจะได้ปลาตัวอวบอ้วน ยังมีมันฝรั่งครึ่งตะกร้า

ระหว่างทางกลับอวี้ซินยังได้ขุดขิง เก็บต้นหอมป่าติดตะกร้ามาด้วย

ซึ่งนั่นทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มออกมาอย่างยินดี เพราะปกติขิงและต้นหอมป่าในช่วงที่แห้งแล้งแบบนี้หาได้ยากมาก

“ท่านแม่นั่นใช่ซวงไถ่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

อวี้ซินชี้ไปที่ก่อไม้ไม่ใหญ่นักที่เป็นพุ่มกำลังงาม

“อวี้ซินอย่าบอกพี่นะว่าเจ้าจะเก็บซวงไถ่ไปด้วยหน่ะ”

ตงห่าวหันไปทางน้องสาวที่ยิ้มร่า

เขาถอนหายใจอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

ซวงไถ่นั้นมีลำต้นสีแดงและยอดคล้ายกับผักบุ้ง แต่รสชาติของมันนอกจากเปรี้ยวแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลยแม้แต่นิด

“ก็อากาศมันร้อนนี่เจ้าคะ กินเปรี้ยวสักหน่อยจะได้ชื่นใจ”

อวี้ซินไม่พูดเปล่า นางเดินไปเก็บเอายอดอ่อนที่เป็นสีแดงของต้นซวงไถ่มาจำนวนหนึ่ง นางหันไปบอกท่านแม่ว่านางชอบที่มันกรอบและเปรี้ยวดี

หรูซีเห็นลูกสาวดูจะชอบมันจริงๆ นางจึงอาสาช่วยบุตรสาวเก็บอีกแรง สุดท้ายตงห่าวทนเห็นสองแม่ลูกทำงานงกๆ ไม่ไหว เขาจึงวางตะกร้าสะพายหลังลงแล้วช่วยเก็บยอดอ่อนอวบๆ พวกนั้นอีกแรง

ก่อนทางลงเขา ระบบที่ผูกติดกับอวี้ซินตรวจพบไข่ไก่จำนวนหนึ่ง

อวี้ซินดีใจมากจึงแหวกต้นไม้กอหญ้าไปเก็บไข่ไก่กลับมา

“ท่านแม่ข้าขอทำอาหารเองได้หรือไม่เจ้าคะ”

หลังจากกลับมาถึงบ้าน อวี้ซินที่ได้รับการแนะนำจากระบบ เอ่ยถามมารดา

“ได้สิ เช่นนั้นแม่ขอไปล้างเนื้อตัวก่อนนะเดี๋ยวแม่จะรีบออกมาช่วยเจ้าทีหลัง”

หรูซีที่คอยสอนบุตรสาวเข้าครัวอยู่หลายหนยิ้มออกมาอย่างยินดี นางจึงขอไปล้างเนื้อตัวที่เหนียวเหนอะหนะ คันยุบยิบนี่เสียก่อน

“ให้พี่ช่วยเจ้าอีกแรงก็แล้วกัน”

อวี้ซินไม่ทันได้พูดอะไรผู้เป็นพี่ก็ไปก่อไฟให้นางโดยรู้งาน

ติ๊ง!

[หั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วนำไปล้างทำความสะอาดด้วยเกลือ เพื่อดับกลิ่นคาว…]

“พี่ชายท่านช่วยข้าขอดเกล็ดปลา แล้วหั่นเอาแต่เนื้อทำเป็นชิ้นพอดีคำได้ไหมเจ้าคะ”

อวี้ซินหันไปทางพี่ชายที่กำลังเป่าไฟให้ลุกโชนด้วยการใส่ไม้กิ่งเล็กๆ ลงไปล่อไฟ ตามด้วยกิ่งไม้ใหญ่วางไว้ด้านบน

“ได้สิ พี่จะทำให้เจ้าเอง แล้วหัวปลาล่ะเจ้าจะทำอันใดกับมันหรือ”

ตงห่าวเอ่ยถามน้องสาวอย่างไม่เข้าใจ

ปกติ หากจะต้มปลา ก็สามารถต้มทั้งตัวได้เลย แค่ใส่เกลือเพื่อปรุงรสนิดหน่อยก็ได้แล้ว

แต่น้องสาวของเขากลับอยากทำอะไรที่มันแปลกใหม่ หรือเป็นเพราะนางไม่อยากกัดโดนก้างปลา ถึงได้ให้ข้าหั่นเป็นชิ้นพอดีคำให้แทน

“หัวปลาก็เอาไว้ทำน้ำซุปไงเจ้าคะ เอาเป็นว่าท่านทำตามที่ข้าบอกก็พอ ที่เหลือเดี๋ยวข้าจัดการเองเจ้าค่ะ”

อวี้ซินล้างแง่งขิงที่ไม่อ่อนไม่แก่จนเกินไป พร้อมกับล้างต้นหอมประมาณสิบต้น จากนั้นนำขิงมาหั่นเป็นแว่นๆ และหั่นต้นหอมยาวพอเหมาะไว้ใส่ปิดท้าย

พอไฟลุกได้ที่ นางก็นำหม้อดิน เติมน้ำ ยกขึ้นตั้งไฟ

น้ำเริ่มเดือดใส่หัวปลา ตามด้วยขิงมากกว่าสิบแว่นเพื่อดับคาว

นางหยิบเกลือใส่ลงไปในหม้อเล็กน้อย พอหัวปลาสุกนางก็ตักหัวปลาออกจากหม้อ

พอตักหัวปลาและขิงออกจากหม้อแล้ว อวี้ซินก็ใส่มันฝรั่งที่ล้างและหั่นพอดีคำลงไป พอมันฝรั่งสุกดีแล้วจึงใส่เนื้อปลาลงทีหลัง

รอเพียงไม่นาน เนื้อปลาที่โดนน้ำร้อนจัดก็กลายเป็นสีขาวน่าทาน อวี้ซินชิมรสชาติแล้วพยักหน้า ยกหม้อที่ยังร้อนอยู่ลงจากเตาไฟ และใส่ต้นหอมลงไปหนึ่งกำจนมันส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมา

อวี้ซินนำปลาอีกหนึ่งตัวทาเกลือพอประมาณแล้วใช้ใบตองห่อจนทั่ว นำขึ้นไปย่างบนเตาไฟ

“หอมมากเลยพี่ขอชิมหน่อยได้หรือไม่”

ตงห่าวเอ่ยถามน้องสาว

พอเห็นนางพยักหน้าให้ ตงห่าวก็ใช้ทัพพีตักเนื้อปลานุ่มๆ พร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ ขึ้นมาเป่าก่อนจะลิ้มลองรสชาติที่หอมหวานกลมกล่อมลงตัว

“อื้มมมม อร่อย!”

ตงห่าวอุทานออกมาอย่างตกตะลึง

นานมากแล้วที่เขาไม่ได้กินเนื้อปลา พอได้มากินเนื้อปลาอีกครั้งเขาจึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“เกิดอันใดขึ้นหรือ”

หรูซีเดินออกมาจากตัวบ้าน มองไปที่บุตรชายที่เอาแต่นั่งงอตัว ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะท่านแม่ พอพี่ชายชิมน้ำแกงปลาที่ข้าทำ เขาก็บอกว่าอร่อย จากนั้นเขาก็นั่งลงแล้วร้องไห้ออกมา”

อวี้ซินบอกท่านแม่ไปดั่งที่นางได้เห็น

“ลูกแม่เจ้าอย่าร้องเลยนะ น้ำตาของผู้ชายนั้นมีค่ามาก หรือเจ้าอยากเห็นแม่เป็นทุกข์ใจอย่างนั้นหรือ”

หรูซีรู้สึกเจ็บปวดใจที่เห็นบุตรชายร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุทั้งๆ ที่เขาก็โตมากแล้วแท้ๆ

“ข้าดีใจขอรับ ฮึก… ข้าไม่ได้กินเนื้อปลามานานมากแล้ว และมันก็อร่อยมากเลยขอรับ”

เฉินตงห่าวบอกผู้เป็นแม่ไปพร้อมทั้งสะอึกสะอื้นไห้ไม่หยุด

“แม่ผิดเอง ที่ปล่อยให้พวกเจ้าทนทุกข์มานาน แถมข้าวสารก็มีเพียงน้อยนิดไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยแม้แต่น้อย โทษแม่เถอะที่ดูแลพวกเจ้าได้ไม่ดีพอ”

หรูซีที่ได้ฟังคำตอบของบุตรชาย นางถึงกับจุกอก น้ำตาคลอ เดินไปสวมกอดบุตรชายที่นั่งตัวสั่นเทาเพราะยังร้องไห้อยู่

อวี้ซินมองสองแม่ลูกกอดกัน ใจนางกลับไม่ได้ทุกข์ร้อนดั่งเช่นพวกเขา นางเดินเข้าไปกอดสองแม่ลูกเพื่อปลอบโยนเบาๆ

ระบบ! เหตุใดข้าถึงไม่ได้เสียใจเหมือนกับพี่ชายและท่านแม่เลยล่ะ ข้าเป็นคนของโลกนี้จริงๆ หรือ?

อวี้ซินเอ่ยถามระบบในใจ เพราะนางรู้สึกไม่คุ้นชินกับที่แห่งนี้เลยแม้แต่นิด เอาจริงๆ นางไม่ได้รู้สึกผูกพันกับท่านแม่หรือแม้กระทั่งพี่ชายของนางเลยแม้แต่น้อย

ติ๊ง!

[ระบบยังไม่ได้รับการพัฒนา… โฮสต์โปรดทำภารกิจปลูกข้าวให้สำเร็จเพื่อตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้ง…]

สุดท้ายแล้วข้าเป็นใครกันแน่?

เหตุใดข้าจำอะไรไม่ได้เลย…

แต่บางครั้ง พอข้าได้เห็นบางสิ่งบางอย่าง ข้าก็รู้สึกคุ้นเคย ทั้งที่ท่านแม่กับพี่ชายก็ไม่รู้จักสิ่งนั้นเลยด้วยซ้ำ

อวี้ซินนึกถึงมันฝรั่ง เพียงแค่นางชายตามอง ก็รู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร

ต่างจากพี่ชายและท่านแม่ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นของมันฝรั่งหน้าตาเป็นเช่นไร

นั่นยิ่งกระตุ้นความสงสัยของอวี้ซินมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

นางจึงตั้งใจเอาไว้ว่า… พรุ่งนี้นางจะพลิกหน้าดินให้เสร็จให้ได้

หนึ่งก้านธูปผ่านไป

ท่านแม่กับพี่ชายก็ได้หยุดเศร้าโศก และทานมื้อค่ำที่อิ่มหนำสำราญอย่างพอใจ

“กลิ่นอาหารของบ้านแม่หม้ายเฉินวันนี้ช่างหอมเหลือเกิน ช่วงค่ำข้าเดินผ่านหน้ารั้วบ้านของนางกลิ่นหอมนั่นเหมือนกับกลิ่นของปลา มันโชยมาเตะจมูกข้าเข้าอย่างจัง ข้าเองก็อยากกินเนื้อปลาเช่นกัน เสียดายที่ข้าจนปัญญาไม่มีวิธีที่จะจับมัน”

ป้าจาง ท่านป้าที่อาศัยอยู่เยื้องๆ บ้านของอวี้ซินพูดกับสามี

“เจ้าจะอยากกินปลาไปทำไม นอกจากมันจะว่ายน้ำได้เร็วแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากิน กินข้าวกับน้ำต้มผักของเราไปเถอะ อย่างบ้านแม่หม้ายเฉินนางไม่มีทางจับปลาได้อยู่แล้ว”

เฒ่าจางสามีของท่านป้าจางกล่าวขึ้นมาพร้อมกับคีบผักต้มที่สดใหม่ให้กับภรรยาได้กิน เขายังโรยพริกแห้งลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหาร

“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ! แต่จมูกข้าจำกลิ่นหอมๆ ของปลาได้ไม่ผิดเป็นแน่”

ท่านป้าจางยังคงมีความมั่นใจอยู่หลายส่วนว่านั่นต้องเป็นกลิ่นของปลาอย่างแน่นอน

จะว่าไปแล้วเมื่อสามปีก่อน ข้าวปลายังอุดมสมบูรณ์ดีอยู่เลย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จู่ๆ ภัยแล้งที่ลามมาถึงนี่ก็ทำให้ทุกอย่างที่เป็นอยู่ค่อยๆ สูญเสียไปทีละน้อย

ขนาดน้ำในชุมชนที่ตักเท่าไหร่ก็ไม่หมดก็ต้องพิจารณาการใช้น้ำให้ลดลง เหลือบ้านล่ะห้าถังต่อวัน จนพวกเขาได้แต่ใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวแทนการตักน้ำอาบ

ขนาดจะกินดื่มทุกครั้งยังต้องคอยกะปริมาณน้ำเพื่อให้เพียงพอต่อคนในครอบครัว

พอพระอาทิตย์คล้อยต่ำบ้านแต่ละหลังก็ทยอยจุดคบไฟหน้าบ้านและในเรือนของตนเอง

ช่วงเย็นมีเสียงร้องของนก แมลงต่างๆ ดังมาเป็นช่วงๆ

บ้านของอวี้ซินมีห้องนอนสองห้อง ตั้งแต่ท่านพ่อจากไป สามแม่ลูกจึงมานอนรวมกันอยู่ในห้องเดียวเพื่อความอบอุ่นใจ

อวี้ซินใช้เหตุผลว่านางอยากแยกห้องอยู่ ถึงในตอนแรกท่านแม่จะร้องทัก ทว่าก็ทนต่อสายตาเว้าวอนของบุตรสาวไม่ไหว นางจึงตกปากรับคำไปว่าพรุ่งนี้หากทำความสะอาดดีแล้วนางถึงจะให้บุตรสาวแยกห้องนอน

จะว่าไปนี่มันคงถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ลูกๆ ควรแยกห้องนอน

หรูซีที่หลับเป็นคนสุดท้ายได้แต่นอนคิดในความมืดเงียบๆ

วันนี้ปลาที่จับมาเหลืออีกสองตัว นางใส่มันลงในถังน้ำไว้แล้ว ดังนั้นพรุ่งนี้เช้าพวกนางก็จะได้กินเนื้อปลาอีกครั้ง

ส่วนอวี้ซินนางบอกว่าพรุ่งนี้นางจะพลิกหน้าดิน ช่วงบ่ายถึงจะมาทำความสะอาดห้อง หรูซีจึงตัดสินใจจะช่วยนางอีกแรงเพื่อที่จะปลูกข้าวให้สำเร็จ

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น

อวี้ซินตื่นขึ้นมาก่อนใครนางจึงเดินไปจุดคบไฟหน้าบ้านแล้วเดินเข้าครัวไปเพื่อที่จะหุงหาอาหาร

“ข้าวในถังเหลืออยู่ไม่ถึงถ้วยเลยด้วยซ้ำ มิน่าเล่าท่านแม่ถึงไม่ค่อยพูดถึงเรื่องข้าวเท่าไหร่นัก แล้วข้าจะทำอะไรได้นอกจากปลาเผาเกลือ”

อวี้ซินมองน้ำในถังที่เหลือน้อยนิดแล้วถอนหายใจออกมา

อวี้ซินจำได้ว่าพี่ชายบอกให้ใช้น้ำอย่างประหยัด นางจึงได้แต่ทำตามที่เขาบอก นางก็ไม่รู้ว่าบ่อน้ำอยู่ที่ไหน ดังนั้นแล้วนางจึงจำใจนำปลาอีกสองตัวที่เหลือมาย่างไฟอ่อนๆ ไว้เป็นอาหารเช้า

“กลิ่นปลาย่างจริงๆ ด้วย เจ้าได้กลิ่นหอมๆ นั่นไหม”

เฒ่าจางเอ่ยถามภรรยาของตน

“เจ้าบอกว่าข้าจมูกไม่ดีไม่ใช่หรือ ทีเมื่อคืนข้าบอกว่าได้กลิ่นปลาเจ้าก็ไม่เชื่อข้า”

จางร่วนเฟยทำเสียงไม่พอใจใส่สามี

“ข้าเชื่อแล้วๆ แต่ข้าก็ยังข้องใจอยู่ดี เหตุใดบ้านแม่หม้ายเฉินถึงจับปลาที่ว่ายน้ำเร็วเช่นนั้นมาได้”

จางซวนนั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองไปทางหลานสาวเพียงคนเดียวของเขาที่ร้องบอกว่าตนอยากกินปลา

“ลูกพ่อ เจ้าเป็นเด็กดีจะไปแย่งของผู้อื่นไม่ได้หรอกนะ”

จงเหวินเทียนพ่อของจางหลินติเตือนบุตรสาว

“ฮือ ฮือ ข้าจะกินปลา”

จางหลินร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อถูกตำหนิ

“ท่านพี่อย่าโทษลูกเลยเจ้าค่ะ นางยังเด็ก หิวก็แค่บอกว่าหิว นางไม่ได้ทำอันใดผิดเสียหน่อย”

จางชิงหมิงภรรยาของจงเหวินเทียนกล่าวพร้อมกับดึงบุตรสาวเข้าไปกอดอย่างเห็นใจ

“เห้อ เดี๋ยวข้ามานะ”

เฒ่าจางลุกออกจากบ้านไป แล้วเดินไปหยุดที่หน้าบ้านเฉิน

“แม่นางเฉินเจ้าอยู่บ้านหรือไม่”

ตาเฒ่าจางตะโกนเข้าไปในตัวบ้านที่ปิดเอาไว้

“ใครมาแต่เช้าขนาดนี้กัน”

เฉินอวี้ซินชะเง้อคอออกไปทางหน้าบ้าน เห็นว่าเป็นชายวัยสี่สิบยืนอยู่จึงลุกขึ้นไปดู

“ท่านแม่ยังไม่ตื่นเจ้าค่ะ”

อวี้ซินกล่าวออกไป

“เอ่อ คือข้าจะมาขอแบ่งปลาสักหน่อยได้หรือไม่ หลานสาวของข้านางไม่ได้กินปลามานานแล้ว เจ้าพอจะ..”

เฒ่าจางไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรต่อดีจึงกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย

รู้ทั้งรู้ว่าอาหารในยามนี้หายาก แต่เพื่อหลานสาวแล้วเขาจึงบากหน้ามาด้วยความจำยอมต่อโชคชะตา

“ท่านอยากได้ปลาหรือเจ้าคะ”

อวี้ซินเลิกคิ้วถาม

“ใช่ๆ ข้าอยากได้ปลา ไว้วันหน้าข้าจะเอาผักป่ามาชดใช้คืนให้เจ้า”

จางซวนพยักหน้ายอมรับความอับอาย

“ข้ามีปลาอยู่แค่สองตัว และข้าย่างมันไปแล้ว”

อวี้ซินยังทำหน้านิ่งแล้วบอกไป

“เอาเช่นนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ หากท่านรับปลาย่างของข้าไปท่านต้องมาช่วยข้าทำงานหนึ่งวัน ท่านก็น่าจะรู้ว่าบ้านข้ามีความเป็นอยู่ที่ลำบากไม่น้อย”

“เอ่อ เรื่องนั้น… เจ้าจะให้ข้าทำงานอะไรหรือ”

เฒ่าจางขมวดคิ้วเป็นปม

“ไม่ยากเลยเจ้าค่ะ แค่ท่านมาช่วยข้าพลิกหน้าดินหนึ่งหมู่หากทำสำเร็จ ข้ารับปากท่านได้อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ข้าจะมอบปลาให้กับท่านอีกสองตัว”

อวี้ซินที่รับรู้แล้วว่าปลาหายากเพียงใด ในตอนนี้นางก็กำลังต้องการแรงงานพอดี นางจึงลองเสี่ยงดูว่าบ้านจางจะพอช่วยงานนางได้บ้างหรือไม่

“เจ้าบอกจะให้ปลากับข้าอีกสองตัว หากช่วยเจ้าพลิกหน้าดินงั้นหรือ ดะ ได้ ได้สิ ข้าทำ ข้าจะทำ”

เฒ่าจางยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี

คนบ้านป่าอย่างเขานอกจากเรื่องใช้แรงงานแล้วเรื่องอื่นเขาก็ทำไม่เป็น งานง่ายๆ แค่นี้เขาสามารถทำมันได้อยู่แล้ว

แค่พลิกหน้าดินหนึ่งหมู่เอง ไม่ยากเลย หากเขาให้ลูกเขยมาช่วยอีกแรงเพียงไม่นานเขาก็จะทำงานสำเร็จ แถมยังจะได้ปลาอีกสองตัวกลับบ้านไปด้วย

ถึงเขาไม่รู้ว่าบ้านเฉินจะพลิกหน้าดินไปด้วยเหตุผลใด แต่หากเขาช่วยงานแม่นางน้อยผู้นี้แล้วมันทำให้หลานสาวพึงพอใจ เพียงเท่านี้ใจของชายชราเช่นเขาก็สุขมากพอแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel