บทย่อ
เฉินอวี้ซินเอาตัวเข้าไปบังเด็กๆ เพราะดินถล่ม จึงได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กวัยสิบขวบและสูญเสียความทรงจำ นางได้เริ่มทำภารกิจเพื่อหวังจะได้กลับคืนสู่ถิ่นฐานที่จากมา และ ช่วยครอบครัวให้มีอยู่มีกิน
1 ข้ามภพ
ตอนที่ 1 ข้ามภพ
“อวี้ซินลูกแม่… เจ้าเป็นอันใดไปกันแน่ถึงได้หลับไปนานเช่นนี้”
เฉินหรูซีมารดาของเฉินอวี้ซิน ใช้มืออันหยาบกร้านลูบหัวน้อยๆ ของบุตรสาว ที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงเพราะพิษไข้
“ท่านแม่ขอรับ… เป็นข้าเองที่ดูแลน้องได้ไม่ดี น้องเลยตกน้ำตกท่าในวันนั้น”
เฉินตงห่าวบุตรชายวัยสิบเอ็ดปีที่นั่งอยู่ข้างผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด
“เจ้าไม่ผิดหรอกนะตงห่าว อย่าได้โทษตนเองไปเลย วันนั้นฝนตก พื้นดินลื่น น้องของเจ้าไม่ทันระวังจึงได้พลัดตกไปเอง”
หรูซีโอบไหล่ตงห่าว
“แต่น้ำตรงบริเวณนั้นก็ไม่ได้สูง ถึงขนาดที่จะทำให้นางจมได้ มันคงเป็นคราวเคาะของนางกระมัง”
เฉินหรูซีปลอบใจบุตรชาย แล้วดึงเขาเข้ามากอดไว้แน่น
“น้องจะไม่จากเราไปเหมือนท่านพ่อใช่หรือไม่ขอรับ”
เฉินตงห่าวที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“แน่นอนสิจ๊ะ น้องแค่พลัดตกน้ำแล้วเป็นไข้ อีกไม่นานน้องสาวของเจ้าก็จะตื่นขึ้นมาเอง”
เฉินหรูซีขานตอบบุตรชาย
“ท่านแม่ขอรับ เราไปขอให้ท่านปู่เรียกท่านหมอมารักษาน้องได้หรือไม่ขอรับ ข้าอยากให้น้องหายเร็วๆ”
เฉินตงห่าวที่อยากเห็นน้องสาวตื่นขึ้นมาโดยไว แสดงความคิดเห็นของตนออกไป
“แม่คงจะทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกนะ หากแม่ไปที่บ้านหลักท่านย่าของเจ้าคงจะหาว่าแม่ดูแลน้องได้ไม่ดี”
เฉินหรูซีถอนหายใจออกมาหนักๆ
นางรู้อยู่แล้วว่าถึงจะไปร้องขอให้แม่สามีช่วยเหลืออย่างไร สุดท้ายแม่สามีที่จงเกลียดจงชังตน คงจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยนางอย่างแน่นอน
บ้านเฉินมีบุตรชายอยู่สองคน
บุตรคนหนึ่งคือเฉินฮ่าวตี้ เขาได้แต่งงานกับสตรีที่มีอันจะกินแล้วย้ายไปค้าขายในตัวเมือง และส่งเงินอีแปะกลับมาให้แม่สามีทุกเดือนจนกลายเป็นลูกชายสุดที่รักของบ้านหลัก
บุตรคนที่สองคือเฉินตู้หมิง พ่อของเฉินอวี้ซิน กับ เฉินตงห่าว
เฉินตู้หมิงชอบพออยู่กับเฉินหรูซีจึงตบแต่งกับนาง แม้ว่าผู้เป็นมารดาจะไม่เห็นด้วย แต่ผู้เป็นพ่อเห็นบุตรชายมีความรักมั่นคง จึงออกหน้าไปสู่ขอนางมาให้เป็นภรรยาของเขา
ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ สามปีที่แล้ว เฉินตู้หมิงก็ได้ล้มป่วยและจากไปอย่างไม่หวนคืน
นั่นยิ่งทำให้เฉินจางจางผู้เป็นแม่สามีโกรธแค้นนางที่เป็นภรรยาของเขามากขึ้น จากที่ไม่ชอบหน้ากลายเป็นว่าจงเกลียดจงชังนางเข้ากระดูกดำไปเสียแล้ว
“เช่นนั้น ให้ลูกไปหาท่านปู่แบบลับๆ ดีหรือไม่ ท่านจะต้องช่วยเหลือพวกเราเป็นแน่”
เสียงเจื้อยแจ้วของตงห่าวพูดขึ้นอย่างมั่นใจ เพราะอย่างน้อยๆ ท่านปู่ก็ไม่เกลียดเขากับน้องสาวขนาดนั้น
“หากเราทำเช่นนั้นท่านย่าของเจ้ารู้เข้ามันจะไม่ดี”
หรูซีลูบหัวบุตรชายเพื่อปลอบโยน
“แต่ท่านแม่ขอรับ หากปล่อยให้อวี้ซินนอนนิ่งๆ อยู่แบบนี้มันจะดีหรือขอรับ ไม่สู้เราลองเสี่ยงสักครั้งจะไม่ดีกว่าหรือ”
ตงห่าวยังคงต้องการให้น้องสาวได้รับการรักษาจากท่านหมอสักครั้ง
“แม่ไม่อยากหยิบยืมอีแปะจากท่านปู่ของเจ้า”
หรูซีถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ก่อนหน้านี้นางก็เคยยืมเงินจากบ้านหลักมารักษาอาการเจ็บป่วยของสามี
แต่พอสามีจากไป นางก็ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากมาย รวมทั้งต้องหาเงินอีแปะไปชดใช้ให้บ้านหลัก
แม้ว่าพ่อสามีจะไม่ได้ว่าอันใด แต่ข้าที่เป็นภรรยาของเฉินตู้หมิง และเป็นแม่ของเด็กทั้งสอง ก็ต้องหาเช้ากินค่ำเพื่อที่จะคืนเงินจำนวนนั้นให้ครบ
ไม่รู้ว่าฟ้าฝนแกล้งกันหรืออยากลงโทษนางแต่อย่างไร ตั้งแต่ที่สามีนางจากไป ที่ดินสามหมู่ที่นางได้รับมาก็แห้งแล้งลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งปลูกข้าวก็ยังไม่พอจะกิน
หรูซีได้แต่เก็บความทุกข์ใจนี้ไว้เพียงลำพัง นางไม่สามารถหันหน้าไปพึ่งพิงใครได้ เพราะนอกจากบ้านของนางที่ประสบปัญหานี้ ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ประสบปัญหาภัยแล้งนี้ด้วยเช่นกัน
สองปีให้หลังมานี้ ข้าวของหยูกยาทุกอย่างล้วนแพงขึ้นเป็นเท่าตัว นางจึงอาศัยขึ้นป่าไปเก็บผักมาขาย เพื่อแลกเศษข้าวมาประทังชีวิต
แม้ท้องของนางจะไม่ถูกเติมเต็มจนอิ่ม ขอเพียงให้ลูกๆ กินอิ่มนอนหลับนางก็พอใจ
แต่แล้ววันคืนดีๆ ก็ได้เกิดเรื่องขึ้นกับบุตรสาว
วันนั้นจู่ๆ ฝนก็เทลงมาโดยไม่บอกกล่าวหรือแจ้งเตือนล่วงหน้า
บนทางลงเขานั้นชันมาก จึงทำให้เฉินอวี้ซินลื่นพลัดตกลงไปในแอ่งน้ำ ถึงแม้ว่าตอนแรกนางจะปกติดีอยู่ แต่พอกลับมาถึงบ้านนางก็ล้มหมอนนอนเสื่อแล้วกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเช่นนี้มาสามวันแล้ว
ตงห่าวรู้ว่าทางบ้านของตนขัดสนเรื่องเงินๆ ทองๆ ส่วนท่านย่าก็ไม่ค่อยชอบท่านแม่ เพราะคิดว่าท่านแม่เป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านพ่อจากไป
แต่ชีวิตของน้องสาวในตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยนัก เขาจนปัญญา และไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี
หากวันนั้นตอน ขากลับ เขาจูงมือน้องสาวเอาไว้อย่างเช่นทุกที และไม่มัวแต่วิ่งเล่นตากน้ำฝนน้องสาวของเขาก็คงจะไม่พลาดท่าตกน้ำไปแบบนี้
“เอาล่ะๆ แม่จะออกไปทำงานต่อแล้ว ส่วนเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนน้องเถอะนะ”
เฉินหรูซีบอกบุตรชาย
“ท่านแม่ ท่านพึ่งพักเที่ยงได้แค่ครู่เดียวเองนะขอรับ ท่านจะขึ้นเขาไปเก็บผักมาขายอีกแล้วหรือ”
ตงห่าวมองมารดา ใบหน้าของท่านเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แถมท่านยังกินข้าวไปแค่นิดหน่อยเพียงเท่านั้น
เขาเป็นห่วงท่านแม่ของเขามาก เพราะหากว่าท่านแม่ทำงานหนักจนทรุดโทรมไปอีกคน เขาคงจะไร้ที่พึ่งพิง
“เอาเช่นนี้เถอะขอรับ วันนี้ข้าจะไปกับท่านแม่ด้วย หากอวี้ซินนางตื่นขึ้นมา นางต้องรู้แน่ว่าเราไปไหน ให้ข้าไปช่วยท่านแม่อีกแรงเถอะนะขอรับ ข้าได้ยินคนพูดกันว่าช่วงนี้ผักเริ่มแตกยอดงามๆ เพราะได้น้ำฝนจากวันนั้น หากเราสองคนช่วยกันต้องได้ผักป่ามามากมายอย่างแน่นอน”
ตงห่าวที่สงสารท่านแม่จับใจ รีบอาสาที่จะไปช่วยท่านแม่อีกแรง อย่างน้อยๆ นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้
“แต่ว่าหากเจ้าไม่อยู่ น้องสาวของเจ้า…”
“ท่านแม่ ท่านอย่ากังวลไปเลยขอรับ ข้าจะปิดรั้วบ้านให้ดีขอรับ”
ตงห่าวบอกผู้เป็นแม่ แถมเขายังยืนกรานอย่างหนักแน่น วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไปช่วยท่านแม่ให้จงได้
“เอาเช่นนั้นก็ได้ เดี๋ยวแม่ไปตักน้ำใส่กระบอกก่อนนะ”
“ขอรับ”
เฉินตงห่าวยิ้มกว้างออกมาเมื่อผู้เป็นแม่ยินยอมที่จะให้ตนติดตามไปด้วย
ตงห่าวจึงคอยท่าท่านแม่ที่ไปตักน้ำในบ่อของหมู่บ้านด้วยจิตใจที่เป็นสุข
“น้องสาวเจ้าจะนอนขี้เซาไปถึงไหน หากเจ้ายังไม่รีบตื่นขึ้นมาอีก ท่านแม่ของเจ้ารวมทั้งข้าได้อกแตกตายเป็นแน่ ตื่นขึ้นมาไวๆ เถอะนะ”
เฉินตงห่าวที่เป็นเด็กหนุ่มวัยสิบเอ็ดปี แต่รู้ความ กระชับผ้าห่มให้กับน้องสาว
หนึ่งก้านธูปผ่านไป (สิบห้านาที)
เฉินหรูซีก็ได้หาบถังไม้ที่มีน้ำอยู่เกินครึ่งกลับบ้านมา นางกรอกน้ำใส่กระบอก เตรียมสัมภาระให้พร้อมแล้วออกเดินทางไปที่เชิงเขาพร้อมกับบุตรชาย
ติ๊ง….
[ระบบกำลังประมวลผล และ ซิ้งค์ข้อมูลให้กับโฮสต์]
เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของเฉินอวี้ซิน พอระบบที่ว่าส่งข้อมูลเข้ามาในหัวของนางจนแล้วเสร็จ เฉินอวี้ซินก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก
ติ๊ง!…
[แจ้งเตือน!! ร่างกายของโฮสต์อ่อนแอ โปรดเติมเต็มสารอาหารให้เพียงพอ!!!]
เสียงระบบในหัวดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมา
เฉินอวี้ซินค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบาก
นางขยี้ตาอย่างสงสัยว่าตนเองอยู่ที่ไหน
“ที่นี่คือที่ไหนกัน?”
เฉินอวี้ซินพยายามพูดออกมา แต่คอของนางก็แหบแห้งมาก จนแทบจะไม่มีเสียง
ติ๊ง!
[ที่นี่เป็นเมืองจีนยุคโบราณ โฮสต์โปรดเพิ่มสารอาหารให้กับร่างกาย]
เสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง
“ยุคโบราณ? ฉันตายแล้วได้เกิดใหม่อย่างนั้นสินะ”
เฉินอวี้ซินที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองมาจากไหน เป็นใคร? ได้แต่มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้
ติ๊ง!
[ตรวจพบสารอาหารอยู่ใกล้ๆ โฮสต์ ระบบแนะนำให้โฮสต์กินสิ่งนั้นเข้าไปด่วน!!!]
“พบแหล่งอาหารงั้นเหรอ ก็ได้ๆ”
อวี้ซินที่ยังไม่รู้ว่าระบบอะไรนี่มาจากไหน แต่นางก็พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แม้จะเอียงเซในช่วงแรกไปบ้าง แต่พอนางปรับตัวได้ นางก็เปิดประตูห้องนอนที่เก่าแก่นี่ออกไป และเดินไปตามทางที่ระบบบอก
ติ๊ง!
[กรุณาเลี้ยวซ้ายด้านหน้า]
“รู้แล้วๆ ก็ข้าเหนื่อยอยู่ ระบบนี่ก็ไม่รู้จะเตือนอะไรนักหนา”
อวี้ซินได้แต่บ่นอิดออดมาตามทาง แต่พอนางเปิดประตูไม้ออกไปได้ ด้านนอกก็เหมือนกับสิ่งแปลกใหม่ที่นางไม่คุ้นเคย ยิ่งนางได้หันกลับมามองตัวบ้าน ที่เป็นบ้านปูนหนึ่งชั้น ถูกยกสูงขึ้นจากพื้นดินเกือบหนึ่งช่วงเอว นางก็ยิ่งรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เสียงเตือนจากระบบดังขึ้นอีกครั้งว่าให้นางเติมเต็มสารอาหาร แต่พอเดินไปตามทางที่ระบบนั่นบอก กับพบเพียงแค่หัวมัน และ ผักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อวี้ซินจึงเริ่มก่อไฟตามที่ระบบบอกเพื่อเผามันหวานกิน
“ข้าอยู่ที่ไหน?”
เฉินอวี้ซินเอ่ยถามขึ้นหลังจากกินหัวมันลงท้องไป
ติ๊ง!
[ที่นี่คือหมู่บ้านไป๋ซาน อยู่ห่างจากตัวเมืองสามกิโลเมตร]
“หมู่บ้านไป๋ซานงั้นหรือ?”
อวี้ซินบ่นกับตัวเอง
“แล้วข้ามาทำอะไรที่นี่”
อวี้ซินถามต่ออย่างไม่เข้าใจ
ติ๊ง!
[โฮสต์เป็นคนของที่นี่ กำลังอัปเดตสถานะของโฮสต์…]
“ข้าเป็นคนของที่นี่หรือ เพราะเหตุใดข้าจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ”
ติ๊ง!
[ระบบกำลังตรวจสอบ โปรดรอสักครู่…]
“เฮ้อ… แล้วระบบอะไรนี่เข้ามาอยู่ในหัวของข้าได้อย่างไร”
อวี้ซินเอ่ยถามไป ทว่าระบบอะไรนั่นก็ไม่ได้ตอบอะไรนางอีก
นางจึงเดินวนดูรอบๆ ตัวบ้าน เพื่อหวังว่าความทรงจำที่ขาดหายไปจะคืนกลับมา ทว่าพอนางเดินรอบๆ ตัวบ้านแล้วนางก็ไม่ได้รู้สึกคุ้นเคยอะไรกับบ้านหลังนี้เลยแม้แต่นิด
อวี้ซินเดินไปนั่งหน้าบ้านตรงที่มีระเบียงริมประตูยื่นออกมาเล็กน้อย
ติ๊ง!
[ตรวจสอบสำเร็จ กำลังรายงานผล…
ชื่อ : เฉิน อวี้ซิน อายุ 10 ปี
อาศัยอยู่กับมารดาและพี่ชาย
พ่อผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตเมื่อ 3 ปีก่อน
เนื่องจากร่างของโฮสต์พลัดตกน้ำ ทำให้ความทรงจำของโฮสต์หายไป
โฮสต์โปรดพัฒนาระบบให้มากกว่านี้ เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น…]
“เฉินอวี้ซิน อายุสิบปี พ่อตาย แม่ยังอยู่ แถมยังมีพี่ชายอีกหรือนี่ แล้วที่บอกให้ข้าพัฒนาระบบ แล้วข้าต้องพัฒนามันอย่างไร?”
อวี้ซินทวนคำพูดของระบบแล้วถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติ๊ง!
[โฮสต์โปรดค้นหาพืชสมุนไพร และรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น…]
“พัฒนาระบบ คือ ให้ข้าออกตามหาพืชสมุนไพรงั้นหรือ”
ติ๊ง!
[แจ้งเตือน… เผื่อว่าโฮสต์อาจจะลืมไป
ข้าเป็นระบบปลูกพืชผัก
หากรวบรวมข้อมูลผักหรือสมุนไพรได้ครบตามจำนวน ก็จะปลดล็อกภารกิจต่อไปได้
หากทำสำเร็จระบบจะมีรางวัลให้…]
“ระบบปลูกผักสินะ เอาเถอะ! ข้าก็จำอะไรไม่ได้อยู่ดี แต่ตอนนี้ข้าอยากพักแล้ว ร่างกายของข้าไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย”
อวี้ซินพูดจบนางก็กำลังจะลุกขึ้นแล้วกลับไปนอนต่อ
ทว่า! เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นมา แล้วบอกให้นางไปปลูกข้าวเพื่อความอยู่รอด ระบบยังได้มอบข้าวเปลือกให้นางหนึ่งกระสอบป่าน
“ตกใจหมดเลยนึกว่าผีหลอก อะไรกันจู่ๆ ถุงข้าวเปลือกก็ปรากฏออกมาดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอ? ระบบหากเจ้าทำได้ขนาดนี้ทำไมไม่ส่งอาหารให้ข้าด้วยเลยล่ะ”
อวี้ซินเอามือกุมหน้าอกเพราะความตกใจ
นางตรวจสอบดูกระสอบป่านที่เต็มไปด้วยเมล็ดข้าว ว่า มันโผล่ออกมาได้อย่างไร
ติ๊ง!
[ภารกิจแรก โปรดปลูกข้าวสาลี รางวัลจำกัดเวลา…]
“หือ… มีเวลาด้วย? แล้วข้าจะปลูกข้าวอย่างไร?”
ติ๊ง!
[โฮสต์โปรดใช้ความสามารถของตนเอง…]
สิ้นเสียงแจ้งเตือน อวี้ซินก็ถึงกับอ้าปากค้าง นี่ข้าต้องปลูกข้าวสาลีภายในเวลาที่กำหนด? แถมยังต้องพึ่งพาตนเองนี่นะ
อวี้ซินถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปดูทุ่งนาที่มีน้ำแห้งขอดอย่างจนใจ
ตามที่ระบบได้บอกไว้ ข้ามีที่ดินของทางบ้านอยู่สามหมู่ (สามไร่) หากจะปลูกข้าวก็ต้องไถนาพรวนดินก่อนถึงจะหว่านเมล็ดข้าวนี่ได้
แต่พอข้าเห็นข้าวเปลือกนี่ก็ท้องร้องเลยแฮะ หรือข้าจะเอามาหุงกินก่อนดี
อวี้ซินยกยิ้มมุมปาก
ติ๊ง!
[ระบบไม่อนุญาตให้โฮสต์เอาเมล็ดพันธุ์มาทำอาหาร
โปรดมุ่งเน้นไปตามวิธี และ ขั้นตอน…]
พออวี้ซินคิดในใจว่าจะเอาข้าวมากิน เสียงแจ้งเตือนนั่นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
แล้วข้าจะพรวนดินอย่างไร หรือว่าต้องใช้เสียมนี่ไปพรวนดินตามที่ระบบแนะนำ
“….”
อวี้ซินมองไปข้างบ้าน ที่มีเสียมไม้นอนราบอยู่กับพื้น นางทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมา แล้วหยิบมัน ก่อนจะเดินลงทุ่งนาไปอย่างจนใจ
“เหนื่อยก็เหนื่อย! เมื่อยก็เมื่อย! แถมยังเจ็บมืออีก โชคดีที่ดินมันไม่ได้แข็งมาก ไม่งั้นมือของข้าคงได้แตกก่อนที่จะขุดดินนี่เสร็จอย่างแน่นอน”
เฉินอวี้ซินเอาผ้าพันมือไว้อย่างดี
นางยืนขุดพลิกหน้าดินไปมาอย่างอดทน แม้ว่าจะบ่นไป ทำไปก็ตาม
แต่นางก็ต้องทำ!!
เพราะระบบบอกว่า… หากอยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้ ต้องทำตามที่ระบบแนะนำ
นางจึงได้แต่กัดฟันสู้!!
และฝืนทนทำงานต่อไป ด้วยร่างกายที่อ่อนปวกเปียก และหมดหนทาง